ข่าวสาร PROOF (PROOF)

Bitget โดยสังเขป

Bitget เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีและบริษัท Web3 ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 นำเสนอตัวเลือกการเทรดที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการเทรด Spot, Futures, Pre-Market และการเทรดด้วยบอท โฟกัสไปที่ Copy Trading มีฐานผู้ใช้ทั่วโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เรามุ่งมั่นที่จะเป็นแพลตฟอร์มครบวงจรสำหรับผู้ที่กำลังมองหาวิธีง่ายๆ ในการซื้อ ขาย เทรด หรือถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับระบบนิเวศของเราและวิธีที่เรามอบประสบการณ์การเทรดที่สนุกสนานและแปลกใหม่บน Bitget มาอย่างต่อเนื่อง พบกับ Bitget Bitget ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตและบริษัท Web3 ชั้นนำของโลก ปัจจุบันให้บริการผู้ใช้กว่า 100 ล้านคนใน 200+ ประเทศและภูมิภาค ด้วยปริมาณการเทรดรายวันเฉลี่ยที่ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ปัจจุบัน Bitget เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ตามปริมาณ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเป็นต้นมา Bitget ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ให้กับทุกคนทั่วโลก เราไปไกลกว่าขอบเขตการเทรดแบบเดิมๆ ด้วยการเสนอโซลูชันล้ำนวัตกรรมต่างๆ เช่น โปรแกรมรับผลตอบแทน ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึง Airdrop ได้ฟรี พร้อมโอกาสในการทำกำไร ด้วยการผสมผสานอินเทอร์เฟซที่สามารถเข้าถึงได้เข้ากับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย Bitget จึงตอบโจทย์ทั้งผู้มาใหม่และผู้ที่ต้องการสำรวจกลยุทธ์ขั้นสูง นอกจากนี้ Bitget ยังสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนหันเข้ามาใช้งานคริปโตผ่านการจับมือร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ที่น่าเชื่อถือ เช่น LALIGA ลีกฟุตบอลชื่อดังของโลก, Lionel Messi นักฟุตบอลระดับตำนาน, นักกีฬาโอลิมปิกระดับท็อป และ PGL อีเวนต์ออแกไนเซอร์อีสปอร์ตอย่างเป็นทางการ Bitget ถือกำเนิดขึ้นมาในช่วงตลาดหมี และยึดมั่นในคติการให้ความสำคัญกับผู้ใช้เป็นอันดับแรก มุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และส่งเสริมการเติบโตในระยะยาวด้วยจิตวิญญาณแห่ง “ความตั้งใจจริง” ทำไมต้องเป็น Bitget เป็นที่รู้จักมากขึ้น: ความมุ่งมั่นของ Bitget ในการให้บริการที่ดีเลิศส่งผลให้เรามีฐานลูกค้าระดับมากกว่า 100 ล้านคนจาก 200+ ประเทศและภูมิภาค ไม่เพียงเท่านั้น เรายังได้สร้างความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่มีความน่าเชื่อถือมากมาย เช่น LALIGA, Lionel Messi, นักกีฬาโอลิมปิกชั้นนำ และ PGL เป็นต้น ความปลอดภัย: นอกจากนี้ Bitget ยังได้กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยไว้สูงมาก Bitget เน้นย้ำด้านความปลอดภัยด้วยโซลูชันการจัดเก็บแยกระหว่าง Cold/Hot Wallet, การวิเคราะห์ความเสี่ยงแบบเรียลไทม์, ระบบความปลอดภัยแบบ Defense-in-Depth เต็มรูปแบบ และ Proof of Reserves รายเดือน Protection Fund: Bitget Protection Fund คือทุนสำรองฉุกเฉินที่สร้างขึ้นเพื่อคุ้มครองสินทรัพย์ของผู้ใช้ของเรา เป็นกองทุนด้านความปลอดภัยที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกลุ่ม CEX ฟังก์ชันการใช้งาน: สิ่งหนึ่งที่ทำให้แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ (Centralized Exchange) แตกต่างจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Exchange) คือระบบ Conditional Order ที่ซับซ้อน คุณจะพบ Market Order, Limit Order และ Trigger Order ทั้งในการเทรด Spot และ Futures และสามารถปรับแต่งด้วย Order ต่างๆ เพิ่มเติมได้ เช่น Take Profit, Stop Loss, GTC (Good ’Til Cancelled), IOC (Immediate or Cancelled), Post Only หรือ FOK (Fill or Kill), การผสานการทำงานกับการเทรดคริปโตด้วยบอท และการวิเคราะห์ การปฏิบัติตามกฎระเบียบ: เรามุ่งมั่นปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการกำกับดูแลและได้รับใบอนุญาตผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือน (VASP) ในหลายประเทศ ฟีเจอร์หลักของ Bitget Bitget ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มครบวงจรในการซื้อ ขาย เทรด และถือครองคริปโทเคอร์เรนซีต่างๆ 1. ตัวเลือกการเทรด: เรานำเสนอผลิตภัณฑ์การเทรดที่หลากหลาย ซึ่งรวมไปถึง Futures, Spot, Margin, บอท และการเทรด Pre-Market Copy Trading - ติดตามนักเทรดชั้นนำ เลียนแบบกลยุทธ์ของนักเทรดเหล่านี้ แล้วรอดูผลกำไรที่ไหลเข้ามา Bitget มีชื่อเสียงจากฟีเจอร์ Copy Trading เรือธงของเรา ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ติดตามและเลียนแบบการเทรดของนักเทรดมากประสบการณ์ได้ โดยเน้นความง่าย ไม่ซับซ้อน จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องคอยตามอ่านคู่มือการเทรดอยู่ตลอดหรือต้องเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็สามารถประสบความสำเร็จได้ แนวคิดการเทรด Copy Trading นี้เป็นลักษณะของการคัดลอก Position โดยอัตโนมัติที่เปิดและจัดการโดยนักเทรดที่ได้รับการยืนยันแล้ว ดังนั้นจึงสามารถส่งต่อความสำเร็จได้โดยไม่ยุ่งยาก Bitget Copy Trade ช่วยเพิ่มกระแสความนิยมในคริปโตอย่างต่อเนื่องด้วย Futures Copy Trade, Spot Copy Trade และ Bot Copy Trading โดย Elite Trader จะได้รับผลกำไรจากผู้ติดตามของตนสูงสุดถึง 10% ซึ่งก็จะเป็นการกระตุ้นให้ต้องคอยพัฒนากลยุทธ์การเทรดของตนอยู่เสมอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์แบบ Win-Win อย่างต่อเนื่อง และด้วยปรัชญาการออกแบบที่ใช้งานได้จริง Bitget จึงครองตำแหน่งแพลตฟอร์ม Copy Trading คริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก การเทรด Spot - กว่า 800 คู่ พร้อมเครื่องมือทรงพลัง ให้คุณควบคุมได้เต็มที่ เทรดได้อย่างมือโปร การเทรด Spot บน Bitget เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่ต้องการถือและ/หรือลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี ด้วยคู่เทรดกว่า 800 คู่ และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเทรด Spot บน Bitget จึงเปิดประตูสู่ทั้งจักรวาลคริปโต ตั้งแต่เหรียญหลักๆ อย่าง Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH), เหรียญชั้นนำอย่าง Ripple (XRP), Solana (SOL) หรือ Bitget Token (BGB) ไปจนถึงโทเค็นที่มาแรงสุดๆ การเทรด Futures - เทรดด้วยเลเวอเรจสูงสุดถึง 125x มาพร้อมระบบจัดการความเสี่ยงสุดล้ำ ออกแบบมาเพื่อผู้ที่ต้องการความแม่นยำและการควบคุมในทุกความเคลื่อนไหวของตลาด ตลาดอนุพันธ์ของ Bitget นั้นเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องสภาพคล่องที่สูงของเรา การเทรด Futures บน Bitget นั้นแบ่งได้เป็น 3 ผลิตภัณฑ์คือ USDT-M Futures และ USDC-M Futures สำหรับนักเทรดที่เน้นความระมัดระวัง ในขณะที่ Coin-M Futures ก็มีไว้สำหรับคอคริปโต แต่ละผลิตภัณฑ์รับสินทรัพย์ที่แตกต่างกันเป็น Margin การเทรดด้วยบอท - ให้คุณเทรดได้อย่างอัตโนมัติและจับทุกการสวิงของราคาได้อย่างง่ายดาย ที่ Bitget เราเชื่อว่าการเทรดสามารถเป็นแบบอัตโนมัติได้ และควรเป็นเช่นนั้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีบอทเทรดที่หลากหลายอย่างมากสำหรับการเทรด Spot และ Futures ของ Bitget ไม่ว่าจะเป็น การลงทุน Spot แบบอัตโนมัติ, Spot Grid, Futures Grid, Spot Martingale, Futures Martingale, Spot CTA ตลอดจน Futures CTA คุณสามารถเลือกกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้ 1 กลยุทธ์ภายใต้แท็บ AI และปล่อยให้บอททำงานหรือปรับพารามิเตอร์ด้วยตนเองเพื่อให้ตรงกับความต้องการส่วนตัวของคุณ การเทรด Pre-Market - เข้าต้นน้ำก่อนเป็นกระแสมาแรง ปล่อยให้ตลาดต่อสู้แย่งชิงเศษเสี้ยวจากคุณ Bitget มีแพลตฟอร์มการเทรด Pre-Market สำหรับเหรียญใหม่ก่อนที่จะมีการลิสต์อย่างเป็นทางการ โดยทำหน้าที่เป็นมาร์เก็ตเพลสที่ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถมารวมตัวกันเพื่อทำการเทรดแบบ Peer-to-Peer ได้ ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่การนำไปใช้งานตั้งแต่เนิ่นๆ และราคาที่แข่งขันได้ 2. โซลูชัน Web3 - ทำธุรกรรมได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ในราคาที่ดีกว่า ที่สุดแห่งพอร์ทัล Web3 สู่จักรวาลคริปโต Bitget Wallet หรือชื่อเดิมคือ BitKeep เป็น Multi-Chain Wallet ระดับโลกสำหรับคริปโต ให้บริการฟีเจอร์ Web3 มากมาย ซึ่งรวมไปถึงการจัดการ Wallet, Swap, ตลาด NFT, เบราว์เซอร์ DApp และอื่นๆ อีกมากมาย เรียนรู้เพิ่มเติม: Bitget Wallet 3. ผลิตภัณฑ์ Earn - ให้สินทรัพย์ที่อยู่นิ่งๆ ได้ทำงานแทนคุณ พร้อมรับโบนัส สำหรับนักลงทุนระยะยาว Bitget Earn นำเสนอโอกาสในการสะสม Passive Income ที่มั่นคง เรานำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่าง Savings, Launchpad, Dual Investment และ Shark Fin แต่ละตัวออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการลงทุนที่แตกต่างกัน Bitget Savings Bitget Savings ทำหน้าที่เป็นตัวรองรับความไม่แน่นอนและความผันผวนที่พบในตลาดเกิดใหม่ เช่น คริปโต ดังนั้นจึงไม่มีความเสี่ยง Launchpad, Launchpool และ CandyBomb Bitget Launchpad เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่ออวดโฉมโปรเจกต์คริปโทเคอร์เรนซียอดนิยมคุณภาพเยี่ยม ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำให้ผู้ใช้ได้ค้นพบโปรเจกต์คุณภาพมาแล้วมากมาย Bitget Launchpool ก็ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับโทเค็นใหม่ๆ ได้ฟรีๆ ด้วยเช่นกันผ่านการ Stake โทเค็นตามที่กำหนด ด้วย Launchpool ผู้ใช้จะมีโอกาสที่จะได้รับโทเค็นไปฟรีๆ รับผลตอบแทนสูง และรับส่วนแบ่งจาก Pool รางวัลใหญ่ Bitget CandyBomb เป็นแพลตฟอร์มรวมศูนย์ตัวแรกของวงการสำหรับผู้ชื่นชอบการหาคริปโทเคอร์เรนซีตัวเด็ด ซึ่งผู้ใช้สามารถทำภารกิจให้เสร็จสิ้นเพื่อคว้า Airdrop ได้ ไม่จำเป็นต้องลงทุนทางการเงิน ผู้ใช้เพียงแค่ต้องทำภารกิจตามที่กำหนดให้เสร็จสิ้นเพื่อคว้า Airdrop โทเค็น! ผลิตภัณฑ์ Earn ที่คุ้มครองเงินต้น Shark Fin เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินล้ำนวัตกรรมที่มีอนุพันธ์แฝงและคุ้มครองเงินต้น ผสมผสานผลิตภัณฑ์ที่มีดอกเบี้ยตายตัวเข้ากับอนุพันธ์ทางการเงิน ทำให้เป็นตัวเลือกที่เข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ที่ชอบการลงทุนแบบมีความเสี่ยงต่ำ สามารถดูรายละเอียดได้ในบทความแนะนำข้อมูล Bitget Shark Fin Smart Trend เป็นอีกผลิตภัณฑ์ทางการเงินล้ำนวัตกรรมที่ใช้การผสมผสานระหว่างสินทรัพย์แบบตายตัวกับ Options (สัญญาสิทธิ) เพื่อสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่โดดเด่นซึ่งนำเสนอความสมดุลระหว่างความเสี่ยงกับผลตอบแทน ผลิตภัณฑ์ Smart Trend มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้สูงขึ้น ขณะเดียวกันก็รักษาสมดุลด้านความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาคริปโตด้วย นักลงทุนสามารถรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้จากการปรับตัวขึ้นหรือลงของราคาคริปโต นอกเหนือไปจากการรับ APR พื้นฐาน โดยขึ้นอยู่กับฝีมือการวิเคราะห์เทรนด์ราคาของตน และถึงแม้การคาดการณ์ของคุณจะผิด คุณก็ยังคงสามารถรับ APR พื้นฐานได้เมื่อมีการชำระราคา สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในบทความบทช่วยสอน Bitget Smart Trend ผลิตภัณฑ์ Earn ที่ไม่คุ้มครองเงินต้น Dual Investment คือผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ไม่คุ้มครองเงินต้นแต่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งจะเป็นการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี 2 สกุลในเวลาเดียวกัน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ตั้งใจจะถือเหรียญในระยะยาว แต่ก็ต้องการที่จะเพิ่มจำนวนสินทรัพย์ที่ถืออยู่ต่อไป สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในบทความแนะนำข้อมูลผลิตภัณฑ์ Bitget Dual Investment 4. Bitget Token (BGB) - โทเค็นที่เชื่อมต่อคริปโต, DeFi และ NFT ของคุณอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน BGB Token คือโทเค็นประจำแพลตฟอร์มของ Bitget เองซึ่งขับเคลื่อนด้วยความเชื่อที่ว่าระบบนิเวศของคริปโตควรเรียบง่าย ปลอดภัย และเข้าถึงได้สำหรับทุกคนทั่วโลก ในฐานะที่เป็นโทเค็นประจำแพลตฟอร์ม สิ่งสำคัญที่สุดของ BGB คือการมอบสิทธิประโยชน์สุดพิเศษมากมายให้กับผู้ถือ เพื่อที่เราจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของ Bitget ไปด้วยกัน ดูเพิ่มเติม: สิทธิประโยชน์ผู้ถือ BGB บทช่วยสอนภาคปฏิบัติสำหรับมือใหม่ ในบทช่วยสอนนี้ เรามุ่งหวังที่จะให้วิธีการที่ชัดเจนและกระชับแก่คุณ เพื่อช่วยคุณในการสำรวจโลกที่น่าตื่นเต้นของ Bitget นี่คือเส้นทางความสำเร็จร่วมกันในโลกคริปโทเคอร์เรนซีที่ไม่เคยหยุดนิ่ง! 1. สมัคร เริ่มต้นเส้นทางคริปโทเคอร์เรนซีของคุณโดยการลงทะเบียนบัญชี Bitget ซึ่งเป็นกระบวนการง่ายๆ ที่สามารถทำได้ผ่านทางอีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ไปที่เว็บไซต์ Bitget หรือดาวน์โหลดแอป Bitget หลังจากคลิก “สมัคร / Sign up” แล้ว คุณจะได้รับรหัสยืนยันเพื่อช่วยคุณในการทำตามขั้นตอนถัดไป สามารถดูคู่มือการลงทะเบียนและคู่มือ KYC ได้ เพื่อดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการสมัครและยืนยันตัวตน 2. ฝากครั้งแรก เมื่อบัญชีของคุณได้รับการตั้งค่าและยืนยันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาใส่เงินทุนเข้าไป Bitget รองรับวิธีการฝากหลายวิธี ซึ่งรวมไปถึงการซื้อด้วยสกุลเงิน Fiat โดยตรงและการโอนแบบ On-Chain สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในคู่มือด้านล่างนี้: ฝากผ่านการเทรด P2P ฝากผ่านบัตรเครดิต/เดบิต ฝากผ่านการโอนผ่านธนาคาร ฝากผ่าน OTC, การแปลงเงินสด, การชำระเงินผ่านบุคคลที่สาม โอนสินทรัพย์จาก Wallet สำหรับคริปโตที่อื่นมายัง Bitget 3. สำรวจตัวเลือกการเทรด Bitget นำเสนอโอกาสการเทรดที่หลากหลาย ซึ่งรวมไปถึงการเทรด Futures, Spot, การเทรด Margin, การเทรดด้วยบอท และการเทรด Pre-Market ก่อนทำการเทรด คุณจะต้องโอนสินทรัพย์ระหว่างบัญชี Bitget ของคุณก่อน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในบทความวิธีโอนสินทรัพย์ระหว่างบัญชี Bitget ตอนนี้คุณก็พร้อมที่จะเริ่มเทรดแล้ว! เข้าสู่ระบบ Bitget แล้วเลือก “เทรด / Trade” ซึ่งที่นี่ คุณจะสามารถดูวิธีการเทรดต่างๆ ได้ สำหรับเหล่ามือใหม่ เราขอแนะนำให้อ่านคู่มือฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับประเภทการเทรดต่างๆ เพื่อเริ่มต้นใช้งาน: รู้จักประเภท Order แบบต่างๆ คู่มือฉบับเจาะลึกสู่การเทรด Spot วิธีทำการเทรด Futures ครั้งแรก ศัพท์สำคัญในการเทรด Futures แนะนำข้อมูล Bitget Pre-Market คู่มือ Copy Trading คู่มือ Bitget Earn ไม่ว่าคุณจะเพิ่งมาใหม่ในวงการนี้หรือกำลังมองหาแพลตฟอร์มที่นำเสนอวิธีการเทรดที่หลากหลาย Bitget ก็มีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายของคุณได้ สมัครเลย และเริ่มการเดินทางของคุณไปกับ Bitget ที่ซึ่งโอกาสในการขยายพอร์ตคริปโตกำลังรอคุณอยู่!“”

วิธีขุด Bitcoin: คู่มือสำหรับมือใหม่ในการขุด BTC

วิธีขุด Bitcoin: คู่มือสำหรับมือใหม่ในการขุด BTC บทนำ หากคุณเคยสงสัยว่า Bitcoin ใหม่ๆ ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร คำตอบก็คือด้วยการขุด Bitcoin ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้เครือข่าย Bitcoin ดำเนินงานต่อไปได้ โดยยืนยันธุรกรรมแล้วเพิ่มบล็อกใหม่ลงในบล็อกเชน และรางวัลสำหรับการทำงานที่นักขุดจะได้รับก็คือ BTC เหรียญใหม่ ฟังดูง่ายใช่ไหม แต่ที่จริงก็ไม่ง่ายขนาดนั้น ในช่วงเริ่มแรกของ Bitcoin ใช้เพียงแค่คอมพิวเตอร์ธรรมดาทั่วไปก็ขุดได้แล้ว แต่การขุด Bitcoin ในปี 2025 ได้กลายมาเป็นการแข่งขันที่สูงมาก ต้องใช้ฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง ไฟฟ้าราคาถูก และความรู้ทางเทคนิค จึงจะทำกำไรได้ แล้วการขุด Bitcoin ยังคุ้มค่าในปี 2025 อยู่หรือไม่ วิธีการเป็นอย่างไร ต้องใช้อะไรบ้างเพื่อเริ่มต้น และที่สำคัญที่สุดคือจะทำให้สามารถสร้างรายได้ได้จริงหรือ ในคู่มือนี้ เราจะเปิดทุกรายละเอียดให้มือใหม่เข้าใจได้ไม่ยาก ไม่ว่าคุณจะอยากรู้เกี่ยวกับการขุด BTC กำลังคิดจะตั้งอุปกรณ์ของคุณเอง หรือแค่ต้องการทำความเข้าใจในกระบวนการให้มากขึ้น คุณมาถูกที่แล้ว การขุด Bitcoin คืออะไร การขุด Bitcoin เป็นกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมและรักษาความปลอดภัยให้เครือข่าย Bitcoin โดยช่วยให้แน่ใจได้ว่าจะไม่มีใครสามารถใช้จ่าย Bitcoin เหรียญเดียวกันซ้ำ 2 ครั้งได้ และ BTC ใหม่จะเข้าสู่ระบบหมุนเวียนในลักษณะที่ได้รับการควบคุม ส่วนนักขุดก็มีบทบาทสำคัญในการสร้าง Bitcoin ใหม่เช่นกัน แต่สิ่งนี้ไม่เหมือนกับการพิมพ์เงิน เพราะเป็นกระบวนการที่ดำเนินตามกฎที่เข้มงวดซึ่งกำกับเป็น Code ไว้ในระบบของ Bitcoin แกนหลักของการขุด Bitcoin คือการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนโดยใช้คอมพิวเตอร์อันทรงพลัง นักขุดแข่งกันหาคำตอบที่ถูกต้อง และผู้ที่ทำได้เป็นคนแรกก็จะได้เพิ่มบล็อกใหม่ลงในบล็อกเชน สิ่งที่ได้ตอบแทนคือรางวัลที่เป็น Bitcoin ใหม่และค่าธรรมเนียมธุรกรรม ลองนึกภาพว่าเป็นเหมือนลอตเตอรี่มหึมาที่นักขุดต้องคอยเดาเลขให้ถูกโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งนักขุดมีกำลังการประมวลผลมาก ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะชนะมาก แต่จะต่างไปจากลอตเตอรี่ตรงที่การขุดนั้นมีวัตถุประสงค์ที่แท้จริง นั่นคือช่วยรักษาความปลอดภัยให้เครือข่ายและช่วยให้มั่นใจได้ว่าธุรกรรมนั้นถูกต้องตามกฎ Bitcoin สามารถขุดได้กี่เหรียญ Bitcoin สามารถขุดได้ทั้งหมด 21 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นขีดจำกัดที่กำหนดไว้โดย Code ของ Bitcoin จนถึงช่วงเวลาที่เขียนนี้ มีการขุดไปแล้วประมาณ 19.83 ล้าน BTC ทำให้เหลือให้สร้างได้อีกเพียงไม่ถึง 1.17 ล้าน BTC เนื่องด้วยอีเวนต์ Halving ของ Bitcoin ลดรางวัลจากการขุดลงครึ่งหนึ่งทุก 4 ปี จึงคาดกันว่า Bitcoin สุดท้ายจะถูกขุดขึ้นในราวๆ ปี 2140 ทำไมการขุด Bitcoin ถึงสำคัญ การขุดไม่ใช่แค่เรื่องการทำเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นส่วนสำคัญของระบบ Bitcoin ด้วยเหตุผลหลายประการ: ● การตรวจสอบยืนยันธุรกรรม: ธุรกรรม Bitcoin ทุกรายการจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบก่อนที่จะเพิ่มลงในบล็อกเชนได้ นักขุดทำกระบวนการนี้โดยมัดรวมธุรกรรมเข้าไว้ในบล็อก แล้วยืนยันความถูกต้องตามกฎของธุรกรรม ● การรักษาความปลอดภัยให้เครือข่าย: ยิ่งมีนักขุดมาก การโจมตีเครือข่ายก็ยิ่งทำได้ยาก ผู้โจมตีจะต้องควบคุมกำลังการขุดให้ได้มากกว่า 50% เพื่อควบคุมธุรกรรม ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในระดับปัจจุบัน ● การควบคุมอุปทานของ Bitcoin: สิ่งที่ทำให้แตกต่างไปจากสกุลเงินดั้งเดิมก็คือ Bitcoin นั้นมีอุปทานตายตัวอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ การขุดเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ Bitcoin ใหม่เข้าสู่ระบบหมุนเวียนได้ โดยดำเนินไปตามกำหนดการสำหรับการออกที่คาดเดาได้ ● การกระจายศูนย์: เนื่องจากใครก็ตามก็สามารถเข้าร่วมในการขุดได้ Bitcoin จึงยังคงเป็นเครือข่ายที่เปิดกว้างและต้านทานต่อการถูกเซนเซอร์อยู่ การขุด Bitcoin เมื่อดูตามตัวเลข การขุด Bitcoin เติบโตจากงานอดิเรกเฉพาะกลุ่มจนกลายเป็นอุตสาหกรรมระดับโลกขนาดมหึมา ในช่วงแรกเริ่มนั้น ใครก็ตามที่มีคอมพิวเตอร์ธรรมดาๆ ก็สามารถขุด Bitcoin ได้แล้ว แต่ปัจจุบัน การขุดส่วนใหญ่เป็นการดำเนินการขนาดใหญ่ที่ใช้ฮาร์ดแวร์เฉพาะทางและไฟฟ้าในปริมาณมหาศาล เรามาดูสถิติสำคัญๆ บางส่วนกันที่จะทำให้เห็นภาพได้ว่าการขุด Bitcoin นั้นมีขนาดใหญ่แค่ไหนในปี 2025: ● รางวัลจากการขุด: ทุกครั้งที่นักขุดเพิ่มบล็อกลงในบล็อกเชนสำเร็จ ก็จะได้รับ 3.125 BTC (ตามการ Halving ของ Bitcoin ปี 2024) เป็นการตอบแทน จำนวนดังกล่าวนี้จะลดลงครึ่งหนึ่งทุก 4 ปี ● ต้นทุนเฉลี่ยในการขุด 1 Bitcoin: ณ เดือนมกราคม 2025 นักขุดที่เป็นกิจการขนาดใหญ่ต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ $27,000 ในการผลิต 1 Bitcoin แต่จำนวนที่แน่ชัดนั้นก็ขึ้นอยู่กับราคาไฟฟ้าและประสิทธิภาพในการขุด ● การใช้ไฟฟ้า: เครือข่าย Bitcoin ใช้ไฟฟ้าประมาณ 169.70 เทระวัตต์ชั่วโมง (TWh) ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของบางประเทศ เช่น โปแลนด์ ● ระดับความยากในการขุด: ระดับความยากในการขุดจะปรับทุก 2,016 บล็อก (ราวทุก 2 สัปดาห์) เพื่อให้แน่ใจได้ว่าบล็อกจะถูกขุดขึ้นมาทุก 10 นาทีโดยประมาณ ● กำลังการขุดทั่วโลก (Hashrate): กำลังการขุดทั้งหมดของเครือข่าย Bitcoin ปัจจุบันอยู่ที่หลายร้อย Exahash ต่อวินาที (EH/s) ซึ่งหมายถึงนักขุดทำการคำนวณรวมกันเป็นหลายล้านล้านล้านครั้งต่อวินาที ● ประเทศที่มีการขุด Bitcoin มากที่สุด: สถานที่ขุด Bitcoin ชั้นนำ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน คาซัคสถาน รัสเซีย และแคนาดา ปัจจัยต่างๆ เช่น ต้นทุนด้านพลังงานและข้อบังคับ ส่งผลต่อสถานที่ที่การขุดจะทำกำไรได้สูงสุด ● Mining Pool ที่ใหญ่ที่สุด: การขุดมักทำกันเป็น Pool ซึ่งนักขุดจะรวมทรัพยากรของตนเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับรางวัล Pool ที่ใหญ่ที่สุดก็เช่น Foundry USA และ Antpool ซึ่งควบคุม Hashrate ของเครือข่ายมากกว่า 50% ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นได้ชัดเจนว่าการขุด Bitcoin มีการแข่งขันกันสูง แต่กระบวนการขุดนั้นจริงๆ แล้วทำงานอย่างไร มาดูกันไปทีละขั้นทีละตอนกัน กระบวนการขุด Bitcoin ทำงานอย่างไร การขุด Bitcoin มักอธิบายกันว่าเป็นการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน แต่แท้จริงแล้วมีอะไรเกิดขึ้นเบื้องหลังกันแน่ นักขุดจะแข่งขันกันเพื่อเพิ่มบล็อกใหม่ให้กับบล็อกเชน Bitcoin โดยใช้คอมพิวเตอร์อันทรงพลังในการคำนวณนับล้านล้านครั้งต่อวินาที กระบวนการนี้เป็นไปตามชุดของกฎที่เข้มงวดเพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะมีความยุติธรรม ปลอดภัย และกระจายศูนย์ 1. Proof of Work (PoW) – รากฐานของการขุด การขุด Bitcoin อาศัยระบบที่เรียกว่า Proof of Work (PoW) ซึ่งหมายความว่านักขุดต้องทำงานคำนวณเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมและเพิ่มธุรกรรมเหล่านั้นลงในบล็อกเชน PoW ทำให้มั่นใจได้ว่า: ● นักขุดต้องใช้พลังงานเพื่อหาบล็อกที่ถูกต้องใช้ได้ ซึ่งทำให้ Bitcoin ทนทานต่อสแปมและการฉ้อโกง ● เครือข่ายยังคงปลอดภัย เนื่องจากผู้โจมตีจะต้องมีกำลังการประมวลผลมหาศาลเพื่อควบคุมธุรกรรม ● ธุรกรรมมีการกระจายศูนย์ หมายความว่าไม่มีหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งควบคุม Bitcoin 2. เป้าหมาย Hash – การค้นหาหมายเลขที่ถูกรางวัล นักขุดเรียกได้ว่าเล่นเกมทายผล โดยมีเป้าหมายในการหา Hash ที่ถูกต้องใช้ได้ ซึ่งเป็นสตริงที่ไม่ซ้ำกันซึ่งมีอักขระ 64 ตัวที่ตรงตามข้อกำหนดระดับความยากของ Bitcoin เครือข่าย Bitcoin ตั้งค่า Hash เป้าหมาย แล้วนักขุดจะต้องสร้าง Hash ที่ต่ำกว่าหรือเท่ากับเป้าหมายเพื่อจะได้รับรางวัลบล็อก ลองคิดดูว่าเป็นเหมือนการทอยลูกเต๋า ยิ่งทอยได้เลขน้อย ก็ยิ่งดี แต่แทนที่จะทอยเพียงครั้งเดียว นักขุดจะทอยหลายล้านล้านครั้งต่อวินาทีโดยใช้ฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง 3. Nonce – กุญแจสำคัญในการค้นหา Hash ที่ถูกต้องใช้ได้ Nonce (ตัวเลขที่ใช้เพียงครั้งเดียว) คือตัวเลขสุ่มที่นักขุดจะเปลี่ยนเรื่อยๆ เพื่อสร้าง Hash ใหม่ โดยเริ่มต้นด้วย Nonce = 0 แล้วคำนวณ Hash จากนั้นตรวจสอบว่าอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายหรือไม่ หากไม่ ก็จะเพิ่ม Nonce แล้วลองอีกครั้ง ตัวอย่าง: ● อินพุต: “Bitcoin Block 100000 + Nonce 1” → Hash = X (สูงเกินไป ลองอีกครั้ง) ● อินพุต: “Bitcoin Block 100000 + Nonce 2” → Hash = Y (สูงเกินไป ลองอีกครั้ง) ● อินพุต: “Bitcoin Block 100000 + Nonce 3,758,192” → Hash = ถูกต้องใช้ได้! บล็อกถูกขุดแล้ว! 4. นักขุดที่ชนะจะได้เพิ่มบล็อกใหม่ เมื่อนักขุดพบ Hash ที่ถูกต้องใช้ได้แล้ว ก็จะทำการ: ● Broadcast บล็อกใหม่สู่เครือข่าย ● รับรางวัลบล็อก (3.125 BTC ในปี 2025) + ค่าธรรมเนียมธุรกรรม ● เริ่มกระบวนการใหม่สำหรับบล็อกถัดไป กระบวนการทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นซ้ำๆ ทุก 10 นาทีโดยประมาณ เพื่อให้แน่ใจได้ว่า Bitcoin ใหม่จะเข้าสู่ระบบหมุนเวียนด้วยอัตราที่คาดเดาได้ 5. ตัวอย่าง: การขุดบล็อก 830,175 ที่มา: blockchain.com บล็อก #830,175 ถูกขุดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2024 เวลา 01:15 น. โดย Braiins ซึ่งเป็นหนึ่งใน Bitcoin Mining Pool ชั้นนำ บล็อกนี้ยืนยันธุรกรรมได้สำเร็จหลายพันรายการและมีส่วนช่วยในการรักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่าย Bitcoin มาดูให้ลึกลงไปกันว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสร้างบล็อกนี้ขึ้นมา Nonce ที่สร้าง Hash ที่ชนะคือ 4,097,493,836 ในการขุด Bitcoin นั้น ค่า Nonce จะเริ่มต้นจาก 0 และเพิ่มขึ้นในแต่ละครั้งจนกว่าจะพบ Hash ที่ถูกต้องใช้ได้ เมื่อพิจารณาจากระดับความยาก นั่นหมายความว่าต้องมีการเดานับล้านล้านครั้งก่อนที่ Braiins จะขุดบล็อกนี้ได้สำเร็จ บล็อกนี้ยืนยันธุรกรรมจำนวน 3,126 รายการ โดยมีการเคลื่อนย้ายทั้งหมด 7,304.47 BTC ($364,047,343) ทั่วทั้งเครือข่าย ขนาดธุรกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ 2.3367 BTC ($116,458) ในขณะที่ขนาดธุรกรรมมัธยฐานอยู่ที่ 0.0058 BTC วิธีเริ่มขุด Bitcoin ขั้นตอนที่ 1: เลือกวิธีขุดของคุณ ก่อนที่คุณจะเริ่มต้น ให้ตัดสินใจก่อนว่าวิธีขุดแบบใดเหมาะกับคุณที่สุด: ● การขุดแบบฉายเดี่ยว – คุณขุด Bitcoin อย่างอิสระและไม่ต้องแบ่งรางวัลให้ใคร อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีระดับความยากที่สูง นักขุดฉายเดี่ยวจึงแทบจะไม่ประสบความสำเร็จเลย เว้นแต่จะมีกำลังการประมวลผลมหาศาล ● การขุดแบบ Pool – คุณจะได้เข้าร่วม Mining Pool ซึ่งนักขุดหลายๆ คนจะนำกำลังการประมวลผลของตนมารวมเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับ Bitcoin รางวัลจะแบ่งกันระหว่างสมาชิกตามการมีส่วนสนับสนุนของตน นักขุดส่วนใหญ่เลือกวิธีนี้เนื่องจากมีการจ่ายเงินที่สม่ำเสมอ ● การขุดบน Cloud – แทนที่จะต้องซื้อและบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์ คุณสามารถเช่ากำลังขุดจากบริษัทที่เป็นเจ้าของฟาร์มขุดได้ นี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะได้มีส่วนร่วม แต่ก็ต้องระมัดระวัง เพราะบริการสำหรับการขุดบน Cloud นั้นส่วนใหญ่เป็นสแกมหรือให้ผลตอบแทนเพียงเล็กน้อย ขั้นตอนที่ 2: เลือกฮาร์ดแวร์ขุดที่เหมาะสม การขุด Bitcoin ไม่ทำกำไรอีกต่อไปหากใช้คอมพิวเตอร์หรือ GPU ธรรมดาทั่วไป แทนที่จะเป็นเช่นนั้น นักขุดส่วนใหญ่ใช้เครื่องขุด ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการขุด Bitcoin ตัวอย่างเครื่องขุด ASIC ชั้นนำในปี 2025 ได้แก่: ● Antminer S21 Pro – 234 TH/s, 3,510W ● WhatsMiner M66S – 298 TH/s, 5,513W ● Avalon A1566 – 150 TH/s, 3,225W เมื่อเลือกอุปกรณ์ขุด ให้พิจารณา Hashrate (TH/s), การใช้ไฟฟ้า (W) และประสิทธิภาพพลังงาน (J/TH) เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างผลการดำเนินงานกับต้นทุนค่าไฟฟ้า ขั้นตอนที่ 3: ตั้งค่า Bitcoin Wallet คุณจะต้องมี Bitcoin Wallet เพื่อรับรางวัลจากการขุด โดยมีหลายประเภทให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น Hardware Wallet, Software Wallet ไปจนถึง Wallet บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน ตัวเลือกที่ดีที่สุดตัวหนึ่งคือ Bitget Wallet ซึ่งช่วยให้จัดเก็บได้อย่างปลอดภัย ทำธุรกรรมได้อย่างง่ายดาย และผสานการทำงานอย่างราบรื่นกับเครือข่าย Bitcoin อย่าลืมเก็บข้อมูลที่ใช้เข้าถึง Wallet ของคุณไว้ให้ปลอดภัย เพราะหากสูญเสียการเข้าถึง Wallet ก็จะหมายความว่าสูญเสีย Bitcoin ของคุณไปอย่างถาวร ดาวน์โหลด Bitget Wallet ขั้นตอนที่ 4: ติดตั้งและกำหนดค่าซอฟต์แวร์ขุด ซอฟต์แวร์ขุดเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์ของคุณเข้ากับเครือข่าย Bitcoin หรือ Mining Pool ที่คุณเลือก ตัวอย่างตัวเลือกยอดนิยม ได้แก่: ● CGMiner – โอเพนซอร์ส, รองรับเครื่องขุด ASIC, อินเทอร์เฟซแบบ Command-Line ● BFGMiner – คล้ายกับ CGMiner แต่สามารถปรับแต่งได้ดีกว่า ● NiceHash – เป็นมิตรกับผู้ใช้ เหมาะสำหรับมือใหม่ ● Braiiins OS+ – ปรับมาให้เหมาะสมสำหรับประสิทธิภาพการใช้พลังงานและผลการดำเนินงาน เมื่อติดตั้งแล้ว คุณจะต้องกำหนดค่าซอฟต์แวร์ด้วยการตั้งค่าของ Mining Pool ของคุณ ซึ่งรวมไปถึงที่อยู่เซิร์ฟเวอร์, Worker ID และ Wallet Address ขั้นตอนที่ 5: เข้าร่วม Mining Pool (ไม่บังคับ แต่แนะนำ) หากคุณไม่ได้ขุดแบบฉายเดี่ยว คุณจะต้องเข้าร่วม Mining Pool ตัวอย่าง Pool ที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่: ● Foundry USA – หนึ่งใน Pool ที่ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ● Antpool – ดำเนินการโดย Bitmain ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทขุดชั้นนำ ● F2Pool – Mining Pool ที่อยู่มานานและมีการเข้าถึงทั่วโลก การเข้าร่วม Pool จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับ Bitcoin เป็นประจำ เนื่องจากรางวัลจะแจกจ่ายตามกำลังการ Hash ที่แต่ละคนมีส่วนสนับสนุน ขั้นตอนที่ 6: เริ่มขุดและตรวจสอบผลการดำเนินงาน เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็เริ่มดำเนินการขุดได้เลย! ตรวจสอบ Hashrate, การใช้พลังงาน และผลกำไรได้โดยใช้ซอฟต์แวร์ขุดหรือแดชบอร์ด Pool ของคุณ เนื่องจากการขุดต้องใช้พลังงานมาก จึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องของคุณอยู่ในบริเวณที่มีการระบายอากาศที่ดีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความร้อนมากเกินไป นักขุดบางรายใช้โซลูชันระบายความร้อนภายนอกหรือการระบายความร้อนด้วยการจุ่มเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ วิธีคำนวณผลกำไรจากการขุด Bitcoin การขุด Bitcoin อาจทำกำไรได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญบางประการ ก่อนที่จะเริ่มต้น สิ่งที่สำคัญคือต้องดูว่าการขุดจะสร้างรายได้ให้คุณได้จริงๆ หรือไม่ อะไรส่งผลต่อผลกำไรจากการขุด 1. ต้นทุนค่าไฟฟ้า – การขุดใช้พลังงานจำนวนมาก และอัตราค่าไฟฟ้านั้นก็แตกต่างกันไปตามสถานที่ที่คุณอยู่ หากมีค่าไฟฟ้าที่ถูกกว่า ก็หมายถึงกำไรที่จะสูงขึ้น 2. ประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์การขุด – ยิ่งเครื่องขุดประหยัดพลังงานมาก (วัดเป็นจูลต่อ Terahash, J/TH) ต้นทุนการดำเนินงานของคุณก็จะยิ่งต่ำ 3. ระดับความยากในการขุด – Bitcoin ปรับระดับความยากในการขุดทุก 2 สัปดาห์ โดยทำให้ขุดได้ยากขึ้นหรือง่ายขึ้นตามการแข่งขัน ยิ่งระดับความยากสูง ก็ยิ่งรับรางวัลได้ยาก 4. รางวัลบล็อกและค่าธรรมเนียม – สำหรับปี 2025 นักขุดจะได้รับ 3.125 BTC ต่อบล็อกบวกกับค่าธรรมเนียมธุรกรรม แต่รางวัลนี้จะลดลงไปครึ่งหนึ่งทุก 4 ปี 5. ราคา Bitcoin – เนื่องจากนักขุดจะได้รับ BTC เป็นการตอบแทน ดังนั้นราคาของ Bitcoin จึงส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าผลตอบแทนที่ได้รับในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หากราคา Bitcoin ลดลง กำไรก็จะลดลง คุณไม่จำเป็นต้องนั่งคิดเลขเอง เพราะมี Bitcoin Mining Calculator ที่จะช่วยให้คุณประมาณผลตอบแทนของคุณได้ตามเครื่องที่ใช้ ตัวอย่างตัวที่ดี ได้แก่ NiceHash Mining Calculator, CryptoCompare Profitability Calculator และ WhatToMine Calculator ข้อบังคับว่าด้วยการขุด Bitcoin: สิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ ก่อนที่จะเริ่มขุด Bitcoin สิ่งสำคัญคือต้องรู้กฎหมายในประเทศของคุณ แม้ว่าการขุดจะเป็นสิ่งถูกกฎหมายในหลายๆ พื้นที่ แต่รัฐบาลบางประเทศก็จำกัดหรือแบนไปเนื่องด้วยข้อกังวลด้านพลังงานหรือข้อบังคับทางการเงิน การขุด Bitcoin ถูกกฎหมายที่ไหนบ้าง การขุด Bitcoin เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในประเทศต่างๆ อย่างสหรัฐอเมริกา แคนาดา เยอรมนี และอื่นๆ แม้ว่ากฎจะแตกต่างกันไปก็ตาม บางพื้นที่ให้สิ่งจูงใจ ในขณะที่บางพื้นที่มีการเรียกเก็บภาษีหรือต้องจดทะเบียน การขุด Bitcoin ถูกแบนที่ไหนบ้าง ● จีน เนปาล – แบนโดยสมบูรณ์เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการใช้พลังงานและการควบคุมระบบการเงินของรัฐบาล ● แอลจีเรีย โมร็อกโก อียิปต์ แองโกลา – ห้ามเนื่องด้วยข้อบังคับด้านการเงินและความเครียดจากการขุดต่อโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ ก่อนขุด อย่าลืมดูกฎหมายในพื้นที่ จดบันทึกผลตอบแทนที่ต้องเสียภาษี และมองหาทางเลือกด้านพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้ก้าวล้ำนำหน้าข้อบังคับใดๆ ในอนาคต ต้นทุนแฝงของการขุด Bitcoin การขุด Bitcoin อาจทำกำไรได้ แต่ก็มาพร้อมความท้าทาย ต่อไปนี้คือความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดที่นักขุดต้องเผชิญ: 1. ค่าไฟฟ้าสูง การขุดใช้พลังงานมหาศาล และค่าไฟฟ้านั้นก็แตกต่างกันไปตามสถานที่ที่คุณอยู่ หากต้นทุนพลังงานสูงเกินไป การขุดอาจไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการดำเนินการแบบเล็กๆ 2. ฮาร์ดแวร์ราคาแพงและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เครื่องขุด ASIC นั้นราคาไม่ถูก และมีรุ่นที่ใหม่กว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า ออกมาเป็นประจำ ในการที่จะแข่งขันได้นั้น นักขุดมักต้องลงทุนซ้ำกับฮาร์ดแวร์ที่ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ต้นทุนโดยรวมเพิ่มขึ้น 3. ความผันผวนของราคา Bitcoin นักขุดจะได้รับ Bitcoin เป็นการตอบแทน ดังนั้นเมื่อราคาปรับตัวลง กำไรก็จะได้รับผลกระทบ หากมูลค่าของ Bitcoin ลดลงไปต่ำกว่าต้นทุนการขุด การดำเนินการต่างๆ อาจไร้กำไรได้อย่างรวดเร็ว 4. ความยากในการขุดที่เพิ่มขึ้น ระดับความยากในการขุด Bitcoin จะปรับทุก 2 สัปดาห์ ยิ่งมีนักขุดแข่งขันกันเพื่อหารางวัลมาก การขุดบล็อกก็จะยิ่งยากขึ้น ซึ่งหมายความว่าจะได้รับรางวัลน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป เว้นแต่คุณจะอัปเกรดอุปกรณ์ของคุณ 5. การเปลี่ยนแปลงด้านข้อบังคับ บางรัฐบาลสนับสนุนการขุด Bitcoin ในขณะที่บางรัฐบาลแบนหรือกำกับดูแลอย่างหนัก การติดตามความเคลื่อนไหวด้านกฎหมายถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับหรือการถูกสั่งปิดโดยไม่คาดคิด 6. ความร้อนและการบำรุงรักษาอุปกรณ์ เครื่องขุดสร้างความร้อนออกมามาก ซึ่งหมายความว่าจำเป็นต้องมีระบบระบายความร้อนที่เหมาะสม หากไม่มีระบบระบายอากาศหรือระบายความร้อนที่ดี ฮาร์ดแวร์ก็อาจร้อนเกินไปและเสียหายได้ ส่งผลให้ต้องหยุดดำเนินการและมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม 7. ความเสี่ยงจาก Mining Pool การเข้าร่วม Mining Pool ช่วยให้นักขุดได้รับรางวัลที่สม่ำเสมอมากขึ้น แต่ Pool ต่างๆ ก็เรียกเก็บค่าธรรมเนียมและอาจกลายเป็นรูปแบบรวมศูนย์ได้ หากมี Pool เจ้าใดเจ้าหนึ่งควบคุมกำลัง Hash มากเกินไป ก็อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเครือข่าย Bitcoin ได้ 8. ความปลอดภัยและการฉ้อโกง เครื่องขุดอาจตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์ ฮาร์ดแวร์สแกม และแชร์ลูกโซ่แบบ Ponzi Scheme ได้ การใช้ซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้ การรักษาความปลอดภัยให้กับการดำเนินการขุดของคุณ และการใช้ความระมัดระวังกับข้อเสนอทางออนไลน์นั้นสามารถช่วยป้องกันการสูญเสียได้ บทสรุป การขุด Bitcoin ในปี 2025 ไม่ใช่กระบวนการที่ง่ายและมีต้นทุนต่ำอีกต่อไป เมื่อราคาไฟฟ้าสูงขึ้น มีการแข่งขันสูงขึ้น และฮาร์ดแวร์ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การขุดให้ประสบความสำเร็จจึงต้องใช้มากกว่าแค่การเสียบปลั๊กเปิดเครื่องเท่านั้น ปัจจุบันนักขุดต้องมุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพ การจัดการต้นทุน และการรับมือกับการปรับระดับความยากของเครือข่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ยังคงทำกำไรได้ แล้วการขุด Bitcoin จะยังคงทำกำไรได้อยู่หรือไม่ สำหรับผู้ที่วางแผนอย่างชาญฉลาด ลงทุนในอุปกรณ์ที่เหมาะสม และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม คำตอบคือทำได้ แม้ว่าภูมิทัศน์จะซับซ้อนมากขึ้น แต่โอกาสก็ยังคงมีอยู่สำหรับผู้ที่เข้าใจถึงความท้าทายและเต็มใจที่จะรับมือ กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในปี 2025 ไม่ใช่แค่การขุดเฉยๆ แต่ต้องเป็นการขุดอย่างชาญฉลาด คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ถาม 1: ต้องใช้เวลานานเท่าใดในการขุด 1 Bitcoin หากใช้เครื่องขุด ASIC ประสิทธิภาพสูง อาจต้องใช้เวลาหลายเดือน นักขุดส่วนใหญ่ได้รับผลตอบแทนเพียงเล็กน้อยในแต่ละวันจาก Mining Pool ถาม 2: Bitcoin สามารถขุดได้ฟรีหรือไม่ ไม่ได้ การขุดต้องใช้ไฟฟ้าและฮาร์ดแวร์ ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ต้องเสียเงิน บริการขุด “ฟรี” มักเป็นสแกมหรือเสนอผลตอบแทนเพียงเล็กน้อย ถาม 3: จะเริ่มขุด Bitcoin ได้อย่างไร คุณจะต้องมีฮาร์ดแวร์ขุด ASIC, Bitcoin Wallet, ซอฟต์แวร์ขุด, Mining Pool (ไม่บังคับ) และไฟฟ้าราคาถูกเพื่อให้ทำกำไรได้ ถาม 4: การขุด Bitcoin ถูกกฎหมายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ ในหลายพื้นที่นั้นการขุดถูกกฎหมาย แต่บางแห่ง เช่น จีนและโมร็อกโก ถูกแบน ให้ดูกฎหมายในพื้นที่เสมอ ถาม 5: Bitcoin สามารถขุดที่บ้านได้หรือไม่ ได้ แต่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลัง ไฟฟ้าราคาถูก และระบบระบายความร้อน นักขุดที่บ้านส่วนใหญ่เข้าร่วม Mining Pool เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

วิธีฝากโทเค็น Pi เข้า Bitget อย่างปลอดภัย

คู่มือนี้จะอธิบายทีละขั้นตอนถึงการฝากโทเค็น PI เข้าบัญชี Bitget ของคุณอย่างปลอดภัย Pi Network คืออะไร Pi Network (PI) คือโปรเจกต์คริปโทเคอร์เรนซีที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ขุดโทเค็น Pi ได้โดยตรงจากสมาร์ทโฟนของตน ทำให้การขุดเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น สิ่งที่ทำให้แตกต่างไปจาก Bitcoin ที่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ราคาแพงและกินไฟสูงนั้นก็คือ Pi Network ใช้ระบบขุดบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ซึ่งประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ ก่อตั้งโดย Dr. Nicolas Kokkalis และ Dr. Chengdiao Fan ทั้งคู่มีปริญญาเอกจาก Stanford โดย Pi Network ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้การขุดคริปโตเป็นประชาธิปไตย ดำเนินงานภายใต้รูปแบบ Proof of Consensus (PoC) แทนที่จะเป็น PoW หรือ PoS แบบดั้งเดิม ทำให้ผู้ใช้สามารถรับผลตอบแทนเป็น Pi ได้โดยการแตะปุ่มครั้งหนึ่งทุก 24 ชั่วโมงผ่านแอปมือถือ สำหรับการรักษาความปลอดภัยให้เครือข่ายและในการทำให้ทำธุรกรรมได้ ผู้ใช้ต้องผ่านการยืนยันตัวตน KYC เป็นการส่งเอกสารระบุตัวตน โปรเจกต์กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ Mainnet ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2025 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเทรดเหรียญ Pi ของตนได้ Pi Network โปรโมทตัวเองว่าเป็น “คริปโทเคอร์เรนซีของประชาชน” ทำให้สามารถเข้าถึงการขุดได้โดยไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคหรือมีอุปกรณ์ราคาแพง วิธีหา Address ที่ฝาก PI ของคุณใน Bitget 1. เปิดเว็บไซต์ Bitget แล้วเลือก “ฝาก / Deposit” 2. จากนั้นป้อน “PI” ทั้งในช่อง “เลือกเหรียญ / Select a coin” และ “เลือกเครือข่าย / Choose a network” Address ที่ฝาก PI ของคุณจะปรากฏขึ้น (โดยปกติจะขึ้นต้นด้วย “M”) วิธีฝาก PI เข้า Bitget 1. เปิด Pi Browser แล้วคลิก “Wallet” 2. ป้อนข้อความรหัสผ่านเพื่อเข้าถึง Pi Wallet ของคุณ 3. คลิก “ชำระ / ร้องขอ หรือ Pay / Request” 4. เลือก “เพิ่ม Wallet Address ด้วยตนเอง / Manually Add Wallet Address” 5. คัดลอก Address ที่ฝาก PI บน Bitget ของคุณ แล้วนำมาวางในช่อง “Wallet Address” จากนั้นคลิก “ส่ง / Send” 6. คลิก “ยืนยัน / Confirm” แล้ว PI ของคุณจะโอนสำเร็จ เมื่อทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ก็จะเป็นการฝาก PI ของคุณเข้าบัญชี Bitget ของคุณอย่างปลอดภัย ทำไมต้องเลือก Bitget สำหรับธุรกรรม PI Bitget เป็นหนึ่งในไม่กี่แพลตฟอร์มที่ได้ทำการยืนยัน KYB (Know Your Business) สำหรับ Pi Network เสร็จสิ้น หากคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ในการเทรดและจัดเก็บ PI ของคุณ Bitget ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม วิธีเทรด PI ที่ Bitget ขั้นตอนที่ 1: ไปที่หน้าการเทรด Spot คู่ PIUSDT ขั้นตอนที่ 2: ป้อนจำนวนและประเภท Order จากนั้นคลิก “ซื้อ/ขาย หรือ Buy/Sell” เทรด PI ที่ Bitget เลย! กิจกรรม: PoolX – ล็อก PI เพื่อรับ PI Airdrop ระยะเวลาที่ล็อก: 21 กุมภาพันธ์ 2025 เวลา 15:00 น. - 28 กุมภาพันธ์ 2025 เวลา 15:00 น. (เวลาไทย) Airdrop ทั้งหมด: 391,600 PI ล็อกเลย กิจกรรม: CandyBomb – ฝากหรือเทรดเพื่อรับส่วนแบ่งจาก 150,000 PI ระยะเวลาโปรโมชัน: 16 กุมภาพันธ์ 2025 เวลา 11:00 น. - 27 กุมภาพันธ์ 2025 เวลา 15:00 น. (เวลาไทย) CandyBomb สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pi Network สามารถดูได้ในบทความอื่นๆ ของเรา: Pi Network (PI): การขุดบนสมาร์ทโฟน การคาดการณ์ราคา Pi Network ปี 2025-2030: PI จะถึง $1,000 หรือไม่ Pi Coin (PI): วันที่ลิสต์และคู่มือการขายบน Bitget การขาย PI Coin: คู่มือง่ายๆ สำหรับมือใหม่ Pi Coin วันนี้มีมูลค่าเท่าไหร่? คำตอบอาจทำให้คุณประหลาดใจ! ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

Pi Network (PI): การขุดบนสมาร์ทโฟน

Pi Network (PI) คืออะไร Pi Network (PI) คือโปรเจกต์คริปโทเคอร์เรนซีที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถขุดเหรียญดิจิทัล (โทเค็น Pi) ได้โดยตรงจากสมาร์ทโฟน ทำให้เป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการเริ่มต้นการขุด โดยแตกต่างจาก Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซีหลักอื่นๆ ที่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ราคาแพงและพลังงานจำนวนมากในการขุด และ Pi Network อ้างว่าผู้ใช้สามารถขุดเหรียญ Pi (π) ได้โดยใช้แค่สมาร์ทโฟนเท่านั้น แนวคิด “การขุดบนมือถือ” นี้เป็นหนึ่งในฟีเจอร์สำคัญที่ทำให้ Pi โดดเด่นจากโปรเจกต์บล็อกเชนอื่นๆ ใครเป็นผู้สร้าง Pi Network (PI) Pi Network ร่วมก่อตั้งโดย Dr. Nicolas Kokkalis และ Dr. Chengdiao Fan ซึ่งทั้งคู่สำเร็จการศึกษาจาก Stanford โดย Dr. Kokkalis สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ และ Dr. Fan มีปริญญาเอกด้านชีวสารสนเทศศาสตร์ VC ใดบ้างสนับสนุน Pi Network (PI) ทีมงานไม่ได้เปิดเผยชื่อบริษัทธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital: VC) หรือนักลงทุนที่สนับสนุน Pi Network Pi Network (PI) ทำงานอย่างไร Pi Network ดำเนินงานบนแพลตฟอร์มที่เน้นมือถือเป็นหลัก ซึ่งผู้ใช้สามารถรับเหรียญ Pi ได้ เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปและกดปุ่ม 1 ครั้งทุก 24 ชั่วโมง การดำเนินการรายวันนี้เรียกว่า “การขุด” แต่สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่ากระบวนการขุดนี้ไม่ได้ใช้อัลกอริทึม Proof of Work (PoW) แบบดั้งเดิมเหมือนอย่าง Bitcoin แต่ Pi Network ใช้อัลกอริทึมฉันทามติเฉพาะที่เรียกว่าโมเดล “Proof of Consensus” (PoC) ซึ่งออกแบบมาให้ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับมือถือ โดยอธิบายวิธีการทำงานได้ง่ายๆ ดังนี้ กระบวนการขุด: ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอป Pi Network และสมัคร แล้วเริ่ม “ขุด” โดยการแตะปุ่ม 1 ครั้งทุกๆ 24 ชั่วโมง การดำเนินการนี้คาดว่าจะช่วยในการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายและตรวจสอบธุรกรรม การยืนยันตัวตน KYC: เมื่อผู้ใช้สะสมเหรียญ Pi ผู้ใช้จะต้องดำเนินการยืนยันตัวตน Know Your Customer (KYC) โดยกระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการส่งข้อมูลส่วนบุคคล เช่น รูปถ่ายติดหนังสือเดินทางและเซลฟีสำหรับใช้ในการยืนยันตัวตน การเปิดตัว Mainnet และการย้ายข้อมูล: Pi Network กำลังดำเนินการเปลี่ยนผ่านไปยัง Mainnet ของตน ซึ่งผู้ใช้จะสามารถโอนและเทรดเหรียญ Pi ได้ อย่างไรก็ตาม มีการเลื่อนการเปิดตัวออกไปหลายครั้ง และในขณะนี้ คาดว่า Mainnet จะเปิดให้บริการในปี 2025 Pi Network วางตำแหน่งตัวเองเป็น “คริปโทเคอร์เรนซีของมวลชน” โดยมีจุดขายหลักประการหนึ่งคือทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในระบบนิเวศนี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคหรือทรัพยากรทางการเงิน ด้วยการอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถขุดคริปโทเคอร์เรนซีได้โดยใช้เพียงสมาร์ทโฟน Pi มีเป้าหมายที่จะสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงโลกของสกุลเงินดิจิทัล นอกจากนี้แอปของ Pi Network ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับเหรียญได้โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ขุดราคาแพง ต่างจาก Bitcoin ที่ใช้ระบบ Proof of Work ซึ่งต้องใช้พลังการประมวลผลและพลังงานจำนวนมาก การขุดบนมือถือของ Pi นั้นออกแบบมาให้ใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด ฟีเจอร์นี้ทำให้ Pi สามารถเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงผู้คนในประเทศกำลังพัฒนาที่อาจมีการเข้าถึงฮาร์ดแวร์และไฟฟ้าสำหรับการขุดอย่างจำกัด แม้ว่าแนวทางที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และชุมชนที่กำลังเติบโตนี้จะได้รับความสนใจ แต่ความกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใส การพัฒนาที่ล่าช้า และการพึ่งพาโฆษณาก็ได้ทำให้เกิดความกังขาและระมัดระวัง PI พร้อมให้บริการบน Bitget Pi Network ได้ดึงดูดผู้ใช้หลายล้านคนและสร้างกระแสฮือฮาอย่างมากในโลกคริปโทเคอร์เรนซี คำสัญญาเกี่ยวกับการขุดสกุลเงินดิจิทัลที่ง่ายและใครๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ด้วยสมาร์ทโฟนนั้นน่าดึงดูดใจ โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่มีทรัพยากรในการขุดคริปโทเคอร์เรนซีดั้งเดิมอย่าง Bitcoin แม้ว่า Pi Network อาจมีศักยภาพเป็นโปรเจกต์บล็อกเชนที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ แต่ยังคงต้องดูกันต่อไปว่าจะสามารถเอาชนะความกังขาและคำวิพากษ์วิจารณ์ด้านการพัฒนาได้หรือไม่ ส่วนตอนนี้ ก็เหมือนเช่นเคย ผู้ที่สนใจจะมีส่วนร่วมในธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซีใหม่ๆ ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนและตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง วิธีเทรด PI ที่ Bitget เวลาลิสต์: 20 กุมภาพันธ์ 2025 ขั้นตอนที่ 1: ไปที่หน้า “การเทรด Spot PIUSDT / PIUSDT spot trading ” ขั้นตอนที่ 2: ป้อนจำนวนและประเภท Order จากนั้นคลิก “ซื้อ/ขาย” หรือ “Buy/Sell” เทรด PI ที่ Bitget เลย! ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

พิเศษสำหรับเจ้าหนี้ของ FTX: ฝากและชิงรางวัลสูงสุดถึง $2,500!

นับตั้งแต่ FTX ล่มสลายไปในปี 2023 เหล่าเจ้าหนี้ต่างก็รอคอยข่าวอัปเดตเกี่ยวกับการได้รับหนี้คืนอย่างใจจดใจจ่อ และในตอนนี้ ด้วยการดำเนินการตามแผนการปรับโครงสร้างองค์กรของลูกหนี้ FTX อย่างเป็นทางการ ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลง แม้ว่าเส้นทางที่ผ่านมาจะยากลำบาก แต่การแก้ปัญหานี้ก็ได้จุดประกายความหวังให้แก่ใครหลายๆ คน โดย Bitget กำลังเปิดตัวโปรโมชันพิเศษแบบจำกัดเวลาเพื่อเป็นการสนับสนุนเจ้าหนี้ของ FTX เราขอเชิญชวนเจ้าหนี้ของ FTX ทุกคนมาเข้าร่วม Bitget เพื่อสัมผัสประสบการณ์การเทรดที่ราบรื่นไม่มีสะดุด และเคลมรางวัลจูงใจมากมาย เพียงสมัคร ยืนยัน และฝากเพื่อรับรางวัลจูงใจมูลค่าสูงสุดถึง $2,500! ในฐานะแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีและบริษัท Web3 ชั้นนำระดับโลก Bitget ให้บริการผู้ใช้ในกว่า 200 ประเทศและภูมิภาค ช่วยให้ผู้ใช้กว่า 100 ล้านคนทำการเทรดได้อย่างชาญฉลาดกว่าที่เคยผ่านโซลูชันการเทรดชั้นนำของอุตสาหกรรม และด้วยปริมาณการเทรดรายวันที่ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ Bitget จึงเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ซึ่งโปรโมชันพิเศษสำหรับเจ้าหนี้ของ FTX นี้ออกแบบมาเพื่อนำเสนอรางวัลจูงใจที่น่าดึงดูด กระตุ้นความเชื่อมั่นของตลาด และสร้างความเชื่อมั่นในวงการคริปโตขึ้นอีกครั้ง ระยะเวลาแคมเปญ: 17 กุมภาพันธ์ 2025 เวลา 23:00 น. - 4 มีนาคม 2025 เวลา 23:00 น. (เวลาไทย) เข้าร่วมเลย ! วิธีเข้าร่วม ขั้นตอนที่ 1: ลงทะเบียนบัญชี Bitget เจ้าหนี้ของ FTX จะต้องสมัครบัญชี Bitget โดยใช้อีเมลเดียวกันกับที่สมัครไว้กับ FTX ตัวอย่างเช่น หากคุณสมัครบัญชี FTX ด้วย test1234567abcde@gmail.com คุณก็ต้องใช้อีเมลเดียวกันนี้ในการสมัคร Bitget [คลิกที่นี่ ] เพื่อลงทะเบียน ขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ Bitget ในการยืนยันตัวตนของคุณในฐานะเจ้าหนี้ของ FTX โดยหลังจากสมัคร Bitget แล้ว ให้ยืนยันตัวตน ให้เสร็จสิ้นเพื่อดำเนินการต่อ ขั้นตอนที่ 2: ส่งข้อมูลเจ้าหนี้ของ FTX ของคุณเพื่อการยืนยัน เมื่อคุณสมัครและทำการยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว คุณจะสามารถเข้าถึงหน้าโปรโมชัน ได้ โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำในการส่งข้อมูลเจ้าหนี้ของคุณ ซึ่งรวมถึงภาพหน้าจอของหน้าการเคลมบน FTX ของคุณ, รหัสเฉพาะตัวของลูกค้า และที่อยู่อีเมลที่ผูกกับบัญชี FTX ของคุณ หลังจากระบุรายละเอียดที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว คลิก “ส่งเลย / Submit now” เพื่อให้ขั้นตอนนี้เสร็จสิ้น Bitget จะตรวจสอบข้อมูลที่คุณส่งมา โดยเมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว คุณจะมีสิทธิ์เข้าร่วมโปรโมชันและเคลมรางวัลจูงใจ ขั้นตอนที่ 3: ฝากสินทรัพย์เข้าบัญชี Bitget ของคุณ ในขณะที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูลที่คุณส่งมา คุณสามารถเริ่มฝากสินทรัพย์เข้าบัญชี Bitget ที่คุณเพิ่งสมัครได้เลย Bitget จะคำนวณยอดฝากสุทธิของคุณในช่วงระยะเวลาแคมเปญโดยใช้สูตรดังต่อไปนี้: ยอดฝากสุทธิ = ยอดฝากทั้งหมดในช่วงแคมเปญ - ยอดถอนทั้งหมดในช่วงแคมเปญ ซึ่งระบบจะแจกจ่ายรางวัลจูงใจตามระดับขั้นต่อไปนี้ ยอดฝากสุทธิ รางวัลจูงใจ $0 < ยอดฝากสุทธิ ≤ $2,000 ยอดฝากสุทธิ × 5% (สูงสุดถึง $50) $2,000 < ยอดฝากสุทธิ ≤ $5,000 $100 $5,000 < ยอดฝากสุทธิ ≤ $10,000 $250 $10,000 < ยอดฝากสุทธิ ≤ $20,000 $500 $20,000 < ยอดฝากสุทธิ ≤ $30,000 $1,000 $30,000 < ยอดฝากสุทธิ ≤ $40,000 $1,500 $40,000 < ยอดฝากสุทธิ ≤ $50,000 $2,000 $50,000 < ยอดฝากสุทธิ $2,500 การแจกจ่ายรางวัลจูงใจ โปรดทราบว่าระบบจะแจกจ่ายรางวัลจูงใจ 80% จากรางวัลจูงใจทั้งหมดเป็นโบนัสการเทรด Futures และจะแจกจ่าย 20% ที่เหลือเป็นโทเค็น BGB ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณฝาก $15,000 ในกรณีนี้ รางวัลจูงใจของคุณคือ $500 ซึ่งระบบก็จะแจกจ่ายเป็นโบนัสการเทรด Futures มูลค่า $400 และเป็น BGB มูลค่า $100 (หมายเหตุ: ราคาการแปลง BGB นั้นคำนวณจากราคาปิดเฉลี่ย 7 วันก่อนการแจกจ่าย) ระบบจะแจกจ่ายรางวัลจูงใจภายใน 5 วันทำการหลังจากโปรโมชันสิ้นสุดลง คุณสามารถติดตามข้อมูลยอดฝากสุทธิของคุณได้ตลอดเวลาที่ด้านล่างของหน้าโปรโมชัน (หมายเหตุ: การโอนภายในจะไม่ถือว่าเป็นการฝากที่เข้าเกณฑ์) คำถามที่พบบ่อย ● ใครบ้างที่มีสิทธิ์เข้าร่วม เฉพาะเจ้าหนี้ของ FTX ที่ส่งข้อมูลที่จำเป็นสำเร็จและผ่านการตรวจสอบของ Bitget เท่านั้น ● ระบบจะนับการฝากที่ทำในช่วงระหว่างการตรวจสอบด้วยหรือไม่ ใช่ ระบบจะคำนวณยอดฝากสุทธิจากการฝากและการถอนทั้งหมดในช่วงระยะเวลาโปรโมชัน ตราบใดที่คุณส่งข้อมูลเจ้าหนี้ของคุณก่อนที่โปรโมชันจะสิ้นสุด ก็จะยังนับรวมยอดฝากสุทธิทั้งหมดที่ทำก่อนการอนุมัติด้วย ● ยอดฝากสุทธิและรางวัลจูงใจที่สอดคล้องกันที่แสดงในหน้าโปรโมชันถือเป็นที่สุดหรือไม่ ไม่เสมอไป ยอดฝากสุทธิและรางวัลจูงใจที่สอดคล้องกันที่แสดงในหน้าโปรโมชันนั้นมีไว้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น จำนวนรางวัลจูงใจสุดท้ายอาจเปลี่ยนแปลงได้ หากข้อมูลเจ้าหนี้ของคุณไม่ได้รับการอนุมัติหรือหากมีการถอนเกิดขึ้นก่อนที่โปรโมชันจะสิ้นสุด ● จะได้รับผลการตรวจสอบเมื่อใดหลังจากส่งข้อมูลเจ้าหนี้ของฉันไปแล้ว ภายใน 5 วันทำการ ● หากข้อมูลเจ้าหนี้ของฉันถูกปฏิเสธ ฉันจะสามารถส่งใหม่อีกครั้งได้หรือไม่ ใช่ คุณสามารถส่งข้อมูลใหม่อีกครั้งได้หากไม่สำเร็จในการตรวจสอบ เลือกแพลตฟอร์มเทรดที่คุณวางใจได้ ที่ Bitget เรามุ่งมั่นที่จะปกป้องสินทรัพย์ของคุณ และเราถือว่าความรับผิดชอบนี้เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง คุณค่าของเราชี้นำให้เราทำการตัดสินใจที่ตอบสนองความต้องการของชุมชนและส่งผลกระทบที่ยั่งยืนต่อสังคม เราดำเนินงานด้วยความสามารถ ความโปร่งใส และมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านข้อบังคับคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์และบริการของเรายังได้รับการออกแบบมาให้มีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรม และด้วยการคุ้มครองสินทรัพย์แบบ 100% ที่หนุนด้วย Proof of Reserves ที่โปร่งใสและ Protection Fund มูลค่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Bitget ก็กำลังขยายตัวในระดับโลกอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนมกราคม 2025 Bitget ได้รับการจัดอันดับให้ติดอยู่ในรายชื่อแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลกประจำปี 2025 ของนิตยสาร Forbes ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ Bitget ในอุตสาหกรรมคริปโต

เป็นเจ้าแห่ง Passive Profit ด้วย Bitget On-Chain Earn: คู่มือฉบับสมบูรณ์

Bitget On-Chain Earn เป็นเครื่องมือทางการเงิน Web3 ล้ำสมัยที่นำเสนอวิธีที่มีความเสี่ยงต่ำในการรับ Passive Income เราจะมาดูกันถึงวิธีการทำงานและความสามารถในการสนับสนุนเป้าหมายทางการเงินระยะยาวของคุณ การ Stake คืออะไร ระบบธนาคารแบบดั้งเดิม vs. การ Stake แบบ On-Chain ของคริปโต ในโลกคริปโต การ Stake แบบ On-Chain มีความคล้ายคลึงกับการรับดอกเบี้ยในระบบธนาคารแบบดั้งเดิม โดยในระบบธนาคารแบบดั้งเดิมนั้น บุคคลจะได้รับดอกเบี้ยจากเงินฝาก ซึ่งธนาคารนำมาใช้ในการให้กู้เงิน จากนั้นดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนหนึ่งก็จะถูกนำไปแจกจ่ายคืนให้กับผู้ฝากเงิน ส่วนคริปโต การ Stake จะเกี่ยวข้องกับการล็อกสินทรัพย์ของคุณไว้เพื่อช่วยตรวจสอบธุรกรรมบนบล็อกเชน ซึ่งกระบวนการนี้จะสนับสนุนการดำเนินงานและความปลอดภัยของเครือข่ายพร้อมกับให้รางวัลแก่ผู้เข้าร่วมเป็นคริปโทเคอร์เรนซี บทบาทของ Proof of Stake (PoS) คริปโทเคอร์เรนซีตรวจสอบความถูกต้องและรักษาความปลอดภัยให้กับธุรกรรมผ่านกลไกฉันทามติที่เรียกว่า Proof of Stake (PoS) โดยต่างจากระบบแบบดั้งเดิมตรงที่กระบวนการนี้ดำเนินการโดยไม่มีตัวกลางอย่างธนาคารต่างๆ แต่จะมีการกำหนดรางวัลตอบแทนโดยปัจจัยต่างๆ เช่น กิจกรรมบนเครือข่ายและสภาพคล่อง PoS มีบทบาทสำคัญในการยืนยันธุรกรรมบล็อกเชน โดยนำเสนอทางเลือกที่มีประสิทธิภาพแทนวิธีการแบบดั้งเดิม โดยรางวัลตอบแทนจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับจำนวนที่ Stake ไว้ ดังนั้น ยิ่ง Stake มาก ก็ยิ่งได้รางวัลตอบแทนที่เป็นไปได้มาก ข้อมูลเบื้องต้นของ Bitget On-Chain Earn Bitget On-Chain Earn เป็นวิธีการที่การันตีเงินต้นแบบมีความเสี่ยงต่ำในการทำให้ยอดถือครองคริปโตของคุณงอกเงย โดยมีความน่าสนใจที่ความเรียบง่าย เพราะไม่จำเป็นต้องมีฮาร์ดแวร์ราคาแพงหรือความรู้ทางเทคนิค เพียง Stake สินทรัพย์ Proof of Stake (PoS) ของคุณบนบล็อกเชนผ่าน Bitget เพื่อรับรางวัล โดยระบบจะแจกจ่ายรางวัลเหล่านี้เป็นโทเค็นเดียวกันกับสินทรัพย์ที่ Stake $TAO พร้อมให้บริการบน Bitget On-Chain Earn แล้ว เรายินดีที่จะประกาศว่า Bitget On-Chain Earn เป็นแพลตฟอร์มแรกที่รองรับการ Stake สำหรับโทเค็นดั้งเดิมของ Bittensor อย่าง $TAO โดยมอบโอกาสในการรับผลกำไรให้แก่ผู้ใช้ และด้วยการล็อก $TAO ผู้ถือโทเค็นสามารถเข้าร่วมในการตรวจสอบความถูกต้องของเครือข่าย มีส่วนในการทำให้เครือข่าย Bittentor ปลอดภัย และรับรางวัลจูงใจ นอกจากนี้ ด้วยสินทรัพย์ที่ล็อกไว้โดยตรงในเครือข่าย PoS นี้เอง Bitget ก็ทำให้การรับผลกำไรเป็นเรื่องง่ายโดยไม่จำเป็นต้องจัดการ Validator Node ของคุณเอง เนื่องจาก AI มีโมเมนตัมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การล็อก $TAO บน Bitget On-Chain Earn จึงให้ APR ที่น่าประทับใจถึง 15% ซึ่งเหนือกว่าตัวเลือกการ Stake แบบ On-Chain อื่นๆ และยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมทั้งในเซกเตอร์คริปโตและในเซกเตอร์ AI อันเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Bitget ที่จะส่งเสริมให้ผู้ใช้มีเครื่องมือและโอกาสใหม่ๆ ในการกำหนดระบบนิเวศ Decentralized Finance เข้าร่วม On-Chain Earn เลย ทำไมจึงควรเลือกใช้ Bitget On-Chain Earn Bitget On-Chain Earn นั้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหาวิธีที่ปลอดภัยและยืดหยุ่นในการเพิ่มพูนความมั่งคั่งของตน โดยมีความโดดเด่นดังนี้ ● การเติบโตอย่างยั่งยืน: รับผลตอบแทนคงที่ในระยะยาวโดยไม่ต้องรับความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น ● การ Stake ที่ไม่ยุ่งยาก: Bitget นำเสนอกระบวนการที่เรียบง่ายและเหมาะสำหรับมือใหม่ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุด ● ประสบการณ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้: Bitget มีกระบวนการ Stake และ Redeem ที่ราบรื่น จึงเหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และนักลงทุนที่มีประสบการณ์ ● รับรางวัลได้ทันที: ติดตามผลกำไรของคุณแบบเรียลไทม์และเฝ้าดูสินทรัพย์ของคุณงอกเงย ● ผลตอบแทนที่ปลอดภัยและไม่มีค่าธรรมเนียม: เพลิดเพลินไปกับรางวัลที่สอดคล้องกับผลตอบแทนแบบ On-Chain โดยไม่มีค่าธรรมเนียมธุรกรรม ● ก้าวล้ำนำหน้าผู้อื่นอยู่เสมอ: ขณะที่เทคโนโลยีบล็อกเชนมีการพัฒนาไป ก็มีโปรเจกต์ที่นำเอา Proof of Stake (PoS) มาใช้เป็นกลไกฉันทามติของตนมากขึ้น และการ Stake ซึ่งเป็นฟีเจอร์หลักของ PoS ก็มอบศักยภาพในการเติบโตอย่างมหาศาล นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมจะช่วยให้นักลงทุนก้าวล้ำนำเทรนด์ของอุตสาหกรรมและได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าของบล็อกเชน ● ความสบายใจ: คริปโตของคุณจะถูกล็อกไว้อย่างปลอดภัยบนบล็อกเชนในช่วงระยะเวลาการ Stake ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการสูญหายหรือการขโมยอันเนื่องมาจากปัญหาด้าน Private Key จึงถือได้ว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการ Stake สินทรัพย์ของคุณ วิธีการคำนวณกำไร รางวัลขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงจำนวนเงินที่ล็อก ระยะเวลา และปริมาณการใช้งานเครือข่าย โดยบางเครือข่ายกำหนดอัตรารางวัลแบบคงที่ ซึ่งมักสะท้อนถึงภาวะเงินเฟ้อของเหรียญ เริ่มต้นใช้งาน Bitget On-Chain Earn เพียงสมัคร บัญชี Bitget ใหม่หรือเข้าสู่ระบบไปยังบัญชีปัจจุบันของคุณเพื่อ Subscribe กับผลิตภัณฑ์ On-Chain Earn บน Bitget ● ขั้นตอนที่ 1: หากคุณเข้าสู่ระบบจากเว็บไซต์ Bitget ให้ไปที่เมนูดรอปดาวน์ Earn และเลือก On-Chain Earn หรือคลิกที่นี่ หากคุณเข้าสู่ระบบจากแอป Bitget ให้แตะ “เพิ่มเติม / More” แล้วไปที่ส่วน Earn และเลือกไอคอน On-Chain Earn ● ขั้นตอนที่ 2: สำรวจผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่และเลือกผลิตภัณฑ์ที่คุณสนใจ หากต้องการดูเฉพาะตัวเลือกสำหรับสินทรัพย์ที่คุณมีในบัญชี Bitget ของคุณ ก็เพียงทำเครื่องหมายที่ช่อง “ที่ตรงกับสินทรัพย์ของฉัน / Match my assets” ● ขั้นตอนที่ 3: ป้อนจำนวนที่คุณต้องการล็อก ตรวจทานรายละเอียดให้รอบคอบ ทั้ง APR, เวลาที่แจกจ่ายดอกเบี้ย, กำไรรายวันโดยประมาณ และเวลาปลดล็อก เมื่ออ่านรายละเอียดแล้ว ให้ทำเครื่องหมายในช่องทั้ง 2 ช่องในส่วนหมายเหตุ แล้วกดปุ่ม “ยืนยัน / Confirm” ระบบจะแจกจ่ายผลกำไรไปยังบัญชีของคุณโดยอัตโนมัติหลังจากที่ได้เริ่มล็อกแล้ว คุณสามารถเปิดใช้งาน “โหมดดอกเบี้ยทบต้น / Compound interest mode” เพื่อเพิ่มการเติบโตให้สูงสุดได้โดยนำผลตอบแทนมาทบต้นด้วย โดยระบบจะคำนวณกำไรรายวันตามเงินต้นเดิมของคุณรวมกับผลตอบแทนทบต้นล่าสุด คำถามที่พบบ่อย ถาม: Bitget On-Chain Earn มีความเสี่ยงหรือไม่ แม้ว่า Bitget On-Chain Earn จะออกแบบมาให้มีความเสี่ยงต่ำและปกป้องเงินต้นของคุณ แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีนั้นมีความผันผวนโดยธรรมชาติ ถาม: กำไรเป็นแบบคงที่ใช่ไหม กำไรขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ภาวะเงินเฟ้อของเหรียญ และอัตราส่วนเงินกู้ต่อมูลค่า (LTV) ดังนั้นกำไรจึงอาจผันผวนได้ ถาม: จะได้รับผลกำไรเมื่อไร กำไรจะเริ่มสะสมทันที และคุณสามารถติดตามได้แบบเรียลไทม์ ถาม: จะปลดล็อกสินทรัพย์ที่ล็อกไว้ได้เมื่อไร สินทรัพย์แต่ละรายการจะมีช่วงเวลาปลดล็อกของตัวเอง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในหน้า On-Chain Earn

Bitcoin 101: วันนี้ซื้อ Bitcoin ที่ไหนดีที่สุด

Bitcoin คริปโทเคอร์เรนซีตัวแรกและได้รับความนิยมที่สุดในโลก ได้กลายมาเป็นกระแสหลักในโลกการเงินอย่างรวดเร็ว เมื่อเร็วๆ นี้ ราคาได้พุ่งทะลุ $100,000 ไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ Bitcoin เปิดตัวในปี 2009 ก็ได้เติบโตจากการทดลองดิจิทัลเล็กๆ กลายมาเป็นสินทรัพย์ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ปัจจุบันมีทั้งนักลงทุน ธุรกิจห้างร้าน และแม้แต่รัฐบาลต่างก็ให้ความสนใจใน Bitcoin เนื่องจากมูลค่ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีผู้คนจำนวนมากขึ้นที่ต้องการซื้อ หากคุณกำลังคิดที่จะลงทุนใน Bitcoin สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าจะซื้อด้วยวิธีไหนถึงจะดีที่สุด คู่มือนี้จะพาคุณไปดูวิธีการและแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อ Bitcoin เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกการลงทุนของคุณได้อย่างดีที่สุด สมัคร Bitget วันนี้ เคลมของขวัญต้อนรับ $200! ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการซื้อ Bitcoin หรือไม่: 4 เหตุผลที่บอกว่าใช่ Bitcoin มีมูลค่าตลาด ล่าสุดพุ่งไปแตะถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มหาศาล เพื่อให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่า Bitcoin อยู่ในระดับเดียวกันกับบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Google และ Amazon ซึ่งมีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ประมาณ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วน Microsoft ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นมีมูลค่าอยู่ที่ระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าของ Bitcoin กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และนักลงทุนจำนวนมากมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคต แล้วทำไมตอนนี้ถึงเป็นเวลาที่ดีในการซื้อ Bitcoin มาดูเหตุผลสำคัญบางประการกัน: 1. เป็นที่ยอมรับมากขึ้น Bitcoin ได้รับความนิยมมากขึ้น ไม่เพียงกับผู้คนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริษัทใหญ่ๆ และนักลงทุนด้วยเช่นกัน บริษัทการเงินรายใหญ่หลายแห่ง เช่น BlackRock และ Fidelity กำลังเพิ่ม Bitcoin ลงในพอร์ตของตน นอกจากนี้ นโยบายที่เป็นมิตรกับคริปโตภายใต้การนำของประธานาธิบดี Donald Trump ช่วยให้ Bitcoin ได้รับความไว้วางใจมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมสถาบันต่างๆ จำนวนมากขึ้นจึงเข้ามามีส่วนร่วม 2. ความต้องการที่เพิ่มขึ้น Bitcoin ไม่เคยเป็นที่ต้องการสูงขนาดนี้มาก่อน ธุรกิจห้างร้านต่างๆ ยอมรับ Bitcoin เป็นวิธีการชำระเงิน และมีการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากขึ้น อย่าง Bitcoin ETF เพื่อให้การลงทุนใน Bitcoin ทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีคนต้องการเป็นเจ้าของ Bitcoin มากขึ้น ราคาจึงสูงขึ้นตาม ทำให้ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีในการซื้อ 3. อุปทานจำกัด จะมีเพียง 21 ล้าน Bitcoin เท่านั้น อุปทานที่มีจำกัดนี้หมายความว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่มีภาวะเงินฝืด นั่นคือมูลค่าอาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น เพราะ Bitcoin นั้นต่างจากเงินทั่วไปตรงที่ไม่สามารถพิมพ์หรือผลิตออกมาให้มีจำนวนมากขึ้นได้ 4. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี Bitcoin ไม่ได้เป็นแค่สิ่งที่มีไว้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีเท่านั้นอีกต่อไป พัฒนาการต่างๆ อย่าง Bitcoin ETF, Decentralized Finance (DeFi) และระบบความปลอดภัยที่ดีขึ้น ล้วนทำให้การซื้อ ถือ และใช้ Bitcoin กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นและปลอดภัยยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ Bitcoin มีการบูรณาการเข้ากับระบบการเงินโลกมากขึ้น ส่งผลให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ด้วยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ Bitcoin จึงไม่ได้เป็นเพียงกระแสอีกต่อไป แต่เป็นการลงทุนอย่างจริงจังที่ยังคงสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างต่อเนื่อง และวันนี้ก็อาจเป็นเวลาที่ดีที่จะได้เข้ามามีส่วนร่วม เทรด Bitcoin (BTC) บน Bitget เลย! วิธีซื้อ Bitcoin: 5 วิธีที่ดีที่สุด หากคุณพร้อมที่จะซื้อ Bitcoin แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ไหน ก็ไม่ต้องกังวลไป! มีวิธีง่ายๆ หลายวิธีในการซื้อ Bitcoin ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีของตัวเอง ไม่ว่าคุณต้องการจะซื้อบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน ซื้อโดยตรงจากผู้อื่น หรือซื้อผ่านกองทุนเพื่อการลงทุน ต่อไปนี้คือ 5 วิธีที่ดีที่สุดในการซื้อ Bitcoin: 1. แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเป็นสถานที่หนึ่งที่สามารถซื้อ Bitcoin ได้ง่ายที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุด ใครที่อยากจะซื้อ Bitcoin อย่างรวดเร็วและปลอดภัย Bitget ก็เป็นตัวเลือกที่ใช่ มีกระบวนการที่ไม่ซับซ้อน เริ่มจากสร้างบัญชี ยืนยันตัวตนให้เสร็จสิ้น ฝากสินทรัพย์ จากนั้นก็ซื้อ Bitcoin ได้เลย คุณสามารถซื้อ Bitcoin ได้โดยตรงด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ซื้อผ่านบริการของบุคคลที่สาม หรือจะใช้วิธีการชำระเงินที่สะดวกสบายอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ Bitget ยังจัดอีเวนต์ไร้ค่าธรรมเนียมอีกด้วย ให้คุณซื้อได้โดยไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมใดๆ Bitget ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้กว่า 45 ล้านคน พร้อมมุ่งมั่นเพื่อความปลอดภัยในสินทรัพย์ของคุณ โดยมี Protection Fund มูลค่า $300M USDT รวมถึงอัตราส่วนของทุนสำรองแบบ 1:1 ที่การันตีผ่าน Proof of Reserves และสินทรัพย์ดิจิทัลกว่า 90% ที่จัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยใน Multi-Signature Cold Wallet แบบออฟไลน์ คุณจึงซื้อและเทรด Bitcoin บน Bitget ได้อย่างมั่นใจ พร้อมแล้วใช่ไหม ลงทะเบียนเลย แล้วไปสำรวจโลกคริปโตอันน่ามหัศจรรย์ผ่าน Bitget กัน! 2. แพลตฟอร์ม Peer-to-Peer (P2P) หากคุณต้องการซื้อ Bitcoin โดยตรงจากผู้อื่น แพลตฟอร์ม P2P ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม แพลตฟอร์มเหล่านี้เชื่อมโยงผู้ซื้อกับผู้ขายเข้าด้วยกัน ให้คุณเทรด Bitcoin ได้โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง ตัวอย่างแพลตฟอร์ม P2P ที่เป็นที่รู้จักกันดีได้แก่ LocalBitcoins และ Paxful คุณสามารถเลือกราคา วิธีการชำระเงิน และผู้ที่คุณต้องการจะเทรดด้วยได้ อย่างไรก็ตาม โปรดใช้ความระมัดระวังและใช้ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยของแพลตฟอร์มเพื่อหลีกเลี่ยงสแกม 3. กองทุนเพื่อการลงทุน Bitcoin หรือ ETF สำหรับผู้ที่ต้องการมี Exposure กับ Bitcoin โดยไม่ต้องถือครองโดยตรง Bitcoin ETF (Exchange-Traded Fund) ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม กองทุนเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถลงทุนใน Bitcoin ผ่านตลาดหุ้นแบบดั้งเดิมได้ กองที่ได้รับความนิยมได้แก่ Bitcoin ETF ของ BlackRock และ Bitcoin ETF ของ Fidelity เป็นต้น วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ลงทุนในตลาดหุ้นอยู่แล้วและต้องการเพิ่ม Bitcoin เข้าในพอร์ตของตน 4. Bitcoin ATM ใช่แล้ว คุณสามารถซื้อ Bitcoin ที่ตู้ ATM บางตู้ได้! ตู้ Bitcoin ATM ช่วยให้คุณสามารถแลกเปลี่ยนเงินสดเป็น Bitcoin ได้ ซึ่งมีตั้งอยู่ในหลายเมืองทั่วโลก คุณสามารถค้นหาตู้ Bitcoin ATM ใกล้ตัวคุณได้โดยใช้แผนที่ออนไลน์ แต่ต้องไม่ลืมว่าตู้ Bitcoin ATM มักเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าวิธีอื่น ดังนั้นจึงต้องดูค่าเรียกเก็บให้ดีก่อนใช้บริการ 5. Bitcoin Wallet (สำหรับจัดเก็บ Bitcoin ของคุณให้ปลอดภัย) เมื่อซื้อ Bitcoin แล้ว สิ่งสำคัญคือการจัดเก็บไว้ให้ปลอดภัย Bitcoin Wallet ช่วยให้คุณจัดเก็บ Bitcoin ของคุณไว้ให้ปลอดภัยได้ โดย Wallet นั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทหลักๆ คือ Hot Wallet (ออนไลน์) และ Cold Wallet (ออฟไลน์) สำหรับ Hot Wallet นั้นจะสะดวกในการทำธุรกรรมในแต่ละวัน ส่วน Cold Wallet จะให้ความปลอดภัยที่มากกว่าเพื่อการจัดเก็บในระยะยาว หากคุณกำลังมองหา Wallet ที่ปลอดภัยและใช้งานง่าย Bitget Wallet ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ให้คุณส่ง รับ และ Swap Bitcoin (BTC) บน Mainnet ต่างๆ ได้ รวมถึงให้คุณเข้าถึง Bitcoin DApp ที่มีอยู่จำนวนมากได้ ไม่ว่าจะเป็น DeFi, NFT (Ordinals), GameFi และอีกเพียบ Bitget Wallet ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้กว่า 40 ล้านคนทั่วโลก ใช้งานได้บน iOS, Android และ Google Chrome Extension ออกแบบมาสำหรับทั้งมือใหม่และนักลงทุนมากประสบการณ์ ให้การจัดการและการเทรด Bitcoin อย่างปลอดภัยเป็นเรื่องง่าย Bitget Wallet ให้คุณซื้อ Bitcoin ด้วยสกุลเงิน Fiat ได้ผ่านฟีเจอร์ OTC และ Swap เป็นโทเค็นอื่นได้ ดาวน์โหลด Bitget Wallet แล้วออกสำรวจระบบนิเวศ Bitcoin อย่างง่ายดายได้แล้ววันนี้! บทสรุป ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่ชื่นชอบคริปโตตัวยง ก็มีหลายวิธีในการซื้อ Bitcoin ในปี 2024 ให้คุณได้เลือกใช้ แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตให้ความสะดวก ส่วนแพลตฟอร์ม P2P นั้นให้ราคาที่แข่งขันได้ ในขณะที่ Bitcoin ETF ก็ให้วิธีการที่ไม่ยุ่งยากในการมี Exposure โดยไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่อง Private Key การเลือกแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับระดับประสบการณ์ของคุณ กลยุทธ์การลงทุนของคุณ และความต้องการในระดับการควบคุมสินทรัพย์ของคุณ ต้องไม่ลืมว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวน แม้ว่าจะมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก แต่สิ่งสำคัญคือต้องตัดสินใจอย่างมีข้อมูลและลงทุนเฉพาะเท่าที่คุณสามารถสูญเสียได้เท่านั้น ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

Blockchain101: ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ DApp

Ethereum เปิดตัวในปี 2015 และเพียงไม่กี่ปีต่อมา Ether(ETH) ซึ่งเป็นคริปโตของ Ethereum ก็ได้พุ่งขึ้นไปทำ All Time High ที่ประมาณ $4,800 Ethereum ต่างจากเครือข่าย Bitcoin ตรงที่ไม่ได้เป็นแค่ระบบโอนเงินสดไร้ตัวกลางเพียงอย่างเดียว เพราะมาพร้อม Smart Contract ที่เป็นฟังก์ชันขั้นสูง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApp) บนบล็อกเชน Ethereum ได้ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มกระจายศูนย์สาธารณะแบบเปิดที่ไม่มีใครหรือกลุ่มใดสามารถควบคุมได้ บทความนี้จะพาไปแนะนำให้รู้จักกับ DApp พร้อมมองภาพไปยังอนาคต คำจำกัดความของ DApp DApp (แอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์) คือแอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นบนเครือข่ายบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ โดยผสานการทำงาน Smart Contract เข้ากับอินเทอร์เฟซการใช้งานส่วน Front-End Smart Contract แท้จริงแล้วคือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติเมื่อเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ล่วงหน้า ซึ่งสามารถเข้าถึงได้และโปร่งใส ตามข้อมูลของ ethereum.org ระบุไว้ว่า DApp ต้องมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้: ● กระจายศูนย์: DApp ดำเนินงานโดย Node หลายพันตัวทั่วโลก ไม่มีฝ่ายใดสามารถควบคุมได้ แม้แต่รัฐบาลและนักพัฒนา ● กำหนดเป้าเฉพาะ: การดำเนินงานของ DApp ไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในสภาพแวดล้อม ● Turing Complete: DApp สามารถดำเนินการใดๆ ก็ได้หากได้รับทรัพยากรที่จำเป็น ● เป็นเอกเทศ: DApp ดำเนินงานในสถานการณ์ที่แยกเป็นเอกเทศ หาก DApp มีบั๊ก ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อฟังก์ชันการทำงานปกติของเครือข่ายบล็อกเชน ที่มา: 002 | เราจำเป็นต้องมี DApp ไหม | โปรแกรมเมอร์คลายสงสัย ประโยชน์และความเสี่ยงของ DApp ทำไมเราต้องมี DApp ลองจินตนาการว่าคุณเป็นผู้เล่นเกมออนไลน์ หากบัญชีของคุณถูกแฮ็กหรือแบนโดยผู้ดูแลเกม คุณจะสูญเสียสินทรัพย์ในเกมทั้งหมดที่คุณหามาด้วยความยากลำบาก นั่นคือประสบการณ์จริงของ Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้ง Ethereum แต่กับ DApp นั้นไม่ต้องมีความกังวลเลย เนื่องจาก DApp ดำเนินงานโดย Node แบบกระจายศูนย์ทั่วโลกซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแฮ็กได้โดยง่าย นี่คือข้อดีและความเสี่ยงต่างๆ ในการดำเนินงาน DApp เมื่อเทียบกับแอปพลิเคชันแบบดั้งเดิม: ข้อดีต่างๆ ดำเนินงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันไม่มีวันหยุด: เมื่อจัดเก็บ Smart Contract ของ DApp ไว้บนบล็อกเชนแล้ว ก็จะสามารถให้บริการลูกค้าได้โดยอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันเสมอ DApp แต่ละตัวไม่สามารถถูกโจมตีแบบ Denial of Service ได้ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่พบบ่อยที่สุดที่แอปพลิเคชันแบบดั้งเดิมต้องเผชิญ เว้นแต่จะมีคนทำการโจมตี 51% ต่อทั้งตัวบล็อกเชน ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะมีใครทำเช่นนั้นได้ รักษาความเป็นส่วนตัวของคุณ: หากคุณเปิดบัญชี Facebook คุณต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ แต่การ Deploy หรือโต้ตอบกับ DApp นั้นไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลตัวตนในโลกความเป็นจริง ต้านทานต่อการถูกเซ็นเซอร์: ไม่มีหน่วยงานใด ไม่ว่าจะรัฐบาลหรือนักพัฒนา DApp ที่สามารถบล็อกผู้ใช้ไม่ให้ส่งธุรกรรมเข้ามา, Deploy และโต้ตอบกับ DApp หรืออ่านข้อมูลจากบล็อกเชนได้ แต่แอปพลิเคชันแบบดั้งเดิม เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Twitter หรือ Facebook นั้นมีสิทธิ์ในการให้อนุญาตหรือแบนบัญชีผู้ใช้ได้ เช่น บัญชีของ Donald Trump อีกทั้งยังอาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่จัดเก็บไว้ในสมาร์ทโฟนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณได้ ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้และไม่อาจโต้แย้งได้: ข้อมูลที่จัดเก็บไว้บนบล็อกเชนนั้นไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้และไม่อาจโต้แย้งได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาอำนาจส่วนกลาง ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติรายการธุรกรรมหรือข้อมูลอื่นๆ ที่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะแล้วได้ อีกสิ่งที่ต่างจากแอปพลิเคชันทางการเงินแบบดั้งเดิมอย่าง PayPal ที่หากเซิร์ฟเวอร์ถูกแฮ็ก ประวัติธุรกรรมก็อาจเปลี่ยนแปลงหรือสูญหายได้ คือสิ่งนี้อาจไม่เกิดขึ้นใน DApp ความเสี่ยง ยากต่อการบำรุงรักษา: เมื่อเปรียบเทียบกับแอปพลิเคชันแบบดั้งเดิม เมื่อมีการเผยแพร่ DApp ไปแล้ว ก็จะยากกว่าในการบำรุงรักษา เนื่องจากข้อมูลจัดเก็บไว้บนบล็อกเชน ซึ่งไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ แม้เจอบั๊กหรือความเสี่ยงด้านความปลอดภัย นักพัฒนาก็ไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ เครือข่ายมีประสิทธิภาพต่ำ: ปัจจุบันเครือข่าย Ethereum ประมวลผลธุรกรรมได้เพียง 10-15 ธุรกรรมต่อวินาทีเท่านั้น หากมี DApp ดำเนินงานบนเครือข่ายมากเกินไป ก็จะส่งผลให้ DApp ทั้งหมดที่สร้างบนบล็อกเชนนั้นมีประสิทธิภาพต่ำ ต้นทุนการดำเนินงานสูง: เพื่อให้แน่ใจถึงความปลอดภัย ความถูกต้องสมบูรณ์ ความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือของบล็อกเชน จึงจำเป็นต้องมีกระบวนการตรวจสอบยืนยันที่ใช้เวลานาน เรียกว่า Proof of Work ทำให้ DApp มีต้นทุนการขยายบริการอย่างมหาศาล ยากที่จะสร้างประสบการณ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้: เป็นเรื่องยากในการตั้งค่าชุดเครื่องมือที่จำเป็นในการโต้ตอบกับบล็อกเชนในรูปแบบที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง 4 กรณีการนำ DApp ไปใช้งานที่พบมากที่สุดในปัจจุบัน DApp ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการเงิน เกม และสินทรัพย์ดิจิทัล โซเชียล และความบันเทิง ธุรกิจ และอื่นๆ อีกมากมาย DeFi (Decentralized Finance) DeFi (Decentralized Finance) หมายถึงระบบการเงินที่ไม่มีหน่วยงานส่วนกลาง เช่น ธนาคารหรือรัฐบาล ที่จะมาจัดการบัญชีและตรวจสอบยืนยันธุรกรรมต่างๆ บนบัญชี ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง DeFi ท้าทายระบบการเงินแบบดั้งเดิม การใช้งาน DeFi ทำให้ผู้ใช้ได้รับการปกป้องด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้ใช้สามารถทำการโอนได้แบบไม่ต้องอาศัยความไว้วางใจ (Trustless) โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยงจากการละเมิด ตัวอย่างแอปพลิเคชัน DeFi: Avalanche , Wrapped Bitcoin , DAI มีให้บริการในการเทรด Spot บน Bitget GameFi และ NFT GameFi คือโมเดลการเล่นเกมแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือการอนุญาตให้ผู้ใช้ได้รับผลตอบแทนเป็นคริปโต และ Non-Fungible Token (NFT) ที่สามารถทำธุรกรรมได้ในตลาด ดังนั้นจึงสามารถสร้างรายได้จากการเล่นเกมได้ กฎของเกมนั้นมีความโปร่งใสอย่างสมบูรณ์ มีกลไก มีระบบการเทรด และมีระบบรางวัลระบุไว้อย่างชัดเจนใน Smart Contract ที่จัดเก็บอยู่บนบล็อกเชน ซึ่งจะดำเนินการโดยอัตโนมัติและไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ จึงทำให้เป็นการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินของเกมเมอร์อย่างสมบูรณ์ แทนที่จะถูกควบคุมโดยบริษัทเกม ตัวอย่าง GameFi DApp: Axis-Infinity , Sandbox , Decentraland มีให้บริการในการเทรด Spot บน Bitget โซเชียลและความบันเทิง คุณเบื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียไหม คุณกังวลว่าข้อมูลของคุณกำลังถูกติดตามตรวจสอบและเปิดเผยโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Meta หรือไม่ ถ้าใช้ DApp โซเชียลและความบันเทิง ก็จะไม่ต้องกังวลเช่นนี้อีกต่อไป คุณไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนตัวใดๆ เมื่อทำการโต้ตอบ สามารถทำได้แบบไม่เปิดเผยตัวตนโดยสมบูรณ์ ข้อมูลของคุณจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยบนบล็อกเชน ไม่เพียงเท่านั้น คุณยังสามารถรับผลตอบแทนเป็นคริปโตและ Non-Fungible Token (NFT) ได้ ซึ่งสามารถทำธุรกรรมได้ในตลาด เหมือนกับ GameFi โดยการสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจบนแพลตฟอร์ม ตัวอย่าง DApp โซเชียลและความบันเทิง: Basic Attention Token (BAT) และ Green Satoshi Token มีให้บริการในการเทรด Spot บน Bitget ธุรกิจ DApp เพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่โปร่งใสและเปิดกว้าง เราได้เห็น DApp แล้วทั้งในแวดวงการจัดการห่วงโซ่อุปทาน การดูแลสุขภาพ และเภสัชกรรม ตัวอย่าง DApp ธุรกิจ: Chainlink , EOS Dynasty มีให้บริการในการเทรด Spot บน Bitget 3 แพลตฟอร์มบล็อกเชนยอดนิยมที่สุดสำหรับ DApp Ethereum : ETH เป็นคริปโตของ Ethereum ปัจจุบันเป็นคริปโทเคอร์เรนซี ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจาก Bitcoin นวัตกรรมของ Ethereum คือฟังก์ชัน Smart Contract ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานของ DApp Solana : Solana มุ่งมั่นที่จะให้บริการ Distributed Ledger ให้แก่ผู้ใช้ ซึ่งมีขีดความสามารถในการขยายการรองรับสูงกว่า อีกทั้งทีมงานยังให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยและการกระจายศูนย์อีกด้วย EOS : EOS เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่มีประสิทธิภาพสำหรับ DApp ด้วยโซลูชันที่เรียบง่ายในการโฮสต์แอปพลิเคชัน ดำเนินงาน Smart Contract และระบบปฏิบัติการอื่นๆ ข้อสงวนสิทธิ์: รายชื่อผลิตภัณฑ์และโปรเจกต์ทั้งหมดที่ปรากฏในบทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุน แต่กล่าวถึงเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น

Blockchain 101 - Layer1, Layer2 and Layer3

เทคโนโลยีบล็อคเชน ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดและโดดเด่นที่สุดในยุคปัจจุบัน เนื่องจากโซลูชัน Web3 ที่กำลังได้รับความนิยมในการสร้างอินเทอร์เน็ตแบบกระจายอำนาจ จึงถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาที่ผสานกับบล็อคเชน ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ยังอายุน้อยและยังไม่สมบูรณ์แบบ การกระจายอำนาจ ความสามารถในการปรับขนาด และความปลอดภัยเป็นสามเป้าหมายหลักสำหรับเครือข่ายบล็อคเชนใดๆ เดิมที Bitcoin ถูกสร้างขึ้นเป็นบล็อคเชน ที่สามารถจัดการความต้องการในการทำธุรกรรมทั้งหมดของผู้ใช้โดยใช้สถาปัตยกรรมเครือข่ายที่เป็นพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ ในไม่ช้าก็เห็นได้ชัดว่าเครือข่ายพื้นฐานนั้นช้าและไม่มีประสิทธิภาพสำหรับโซลูชันดิจิทัลสมัยใหม่ นี่เป็นช่วงเวลาที่เพิ่มเลเยอร์อื่น ๆ เพื่อรองรับการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งได้แก่ เลเยอร์ 1, 2 และ 3 ตามลำดับ Layer-1 บล็อคเชนเลเยอร์ 1 หมายถึงรากฐานของเลเยอร์พื้นฐานพร้อมด้วยส่วนประกอบสำคัญและชุดฟังก์ชัน ตัวอย่างเช่นใน Bitcoin จะรวมถึงบัญชีแยกประเภทธุรกรรมจริง โหนดเครือข่าย และกลไกการตรวจสอบที่เรียกว่า Proof of Work (PoW) เลเยอร์ 1 ของ Bitcoin คือเครือข่าย BTC ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2009 ถึงแม้จะก้าวล้ำแต่ก็ยังไม่ไร้ที่ติ เมื่อเครือข่ายเติบโตขึ้น ความเร็วในการประมวลผลธุรกรรมก็ลดลง และต้นทุนธุรกรรมก็เพิ่มขึ้น ทำให้ยากต่อการขยายขนาด ยิ่งไปกว่านั้นกลไกการบรรลุฉันทามติ (PoW) ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีการใช้พลังงานมาก Layer-1 เลเยอร์ 2 เป็นโซลูชันทางเทคนิคที่สร้างขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐานเลเยอร์ 1 ที่มีอยู่เพื่อจัดการกับปัญหาที่บล็อคเชน เลเยอร์ 1 เบื้องต้นมีอยู่ ฟังก์ชันเพิ่มเติมที่เพิ่มผ่านเลเยอร์นี้โดยทั่วไปมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความเร็วในการประมวลผลที่เร็วขึ้น และลดต้นทุนธุรกรรม โซลูชันเลเยอร์ 2 จำนวนมากบรรลุประสิทธิภาพทางเทคนิคด้วยการประมวลผลธุรกรรมจำนวนมากจากเชนเริ่มต้น จากนั้นโอนธุรกรรมที่เสร็จสมบูรณ์กลับไปยังเลเยอร์ 1 ในโหมดแบตช์ วิธีการดำเนินการนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบล็อคเชน ช่องทางที่พบมากที่สุด ได้แก่ State channels, Sidechains และ Rollups State Channel ช่องสถานะสามารถดูได้เป็นช่องแยกบนเครือข่ายระหว่างผู้ใช้ 2 คน ภายในช่องทางนี้ ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมไมโครระหว่างกันเองได้ จากนั้นสถานะสุดท้ายของธุรกรรมจะถูกเพิ่มลงในบล็อกเชน วิธีนี้จะช่วยให้ธุรกรรมรวดเร็วขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องผ่านเครือข่ายหลัก ตัวอย่างของช่องสถานะ ได้แก่ เครือข่ายแสงของ Bitcoin และเครือข่าย Raiden ของEthereum - Side Chain: การทำธุรกรรมแบบ Sidechain เกิดขึ้นภายนอกเครือข่ายหลัก แต่ได้รับการบันทึกเป็นสาธารณะ ไม่เหมือนกับช่องทางของรัฐซึ่งเป็นแบบส่วนตัว ไซด์เชนจะมีผู้ดูแลของตัวเองและรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของตัวเอง Sidechain จะมีการรวมศูนย์น้อยกว่า มีวิธีการบรรลุฉันทามติของตัวเอง และช่วยเร่งความเร็วธุรกรรมโดยรับภาระงานบางส่วนออกจากเครือข่ายหลัก ตัวอย่างของ Side Chain ได้แก่ เครือข่ายของเหลวของ Bitcoin และเครือข่ายพลาสมาของ Ethereum Rollup Rollup จะย้ายการคำนวณออกจากเครือข่าย แต่เก็บข้อมูลจริงไว้ในบล็อกเชนเลเยอร์ 1 Rollup มีอยู่ 2 ประเภท Optimistic และ ZK rollups การยกเลิกแบบมองโลกในแง่ดีจะถือว่าธุรกรรมทั้งหมดถูกต้องตามค่าเริ่มต้น และจะทำการคำนวณเฉพาะเมื่อสงสัยว่ามีการฉ้อโกงเท่านั้น ในการคำนวณแบบ ZK Rollup จะมีการพิสูจน์ความถูกต้อง จากนั้นจึงส่งไปยังเชนเลเยอร์หลัก 1 ตัวอย่างของ Rollup คือPolygon Layer-1 เลเยอร์ที่ 3 เรียกว่าเลเยอร์แอปพลิเคชัน เป็นเลเยอร์ที่เปิดใช้ยูทิลิตี้เพิ่มเติม เช่น ความสามารถในการสร้างแอปพลิเคชัน (DApps) บนบล็อคเชน เลเยอร์แอปพลิเคชันอาจประกอบด้วย API อินเทอร์เฟซผู้ใช้ และสัญญาอัจฉริยะ เครื่องมือ ความปลอดภัย และความรวดเร็วในการเปิดตัวโครงการของ Ethereum เป็นเหตุผลว่าทำไม Ethereum จึงได้กลายมาเป็นโครงการเข้ารหัสลับชั้นนำและยังคงครองพื้นที่การพัฒนา DApps ต่อไป ตัวอย่างของ DApps เลเยอร์ 3 บนบล็อคเชน Ethereum ได้แก่ Yearn Finance และ Uniswap

รักษาความปลอดภัยในสินทรัพย์: Bitget เป็นป้อมปราการในการรักษาความปลอดภัยในคริปโต

สวัสดี ผู้ที่ชื่นชอบคริปโตทั้งหลาย เคยสงสัยไหมว่า Bitget สามารถรักษาแพลตฟอร์มของตนให้ปลอดภัยได้อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อเราได้ยินเรื่องการละเมิดความปลอดภัยในโลกคริปโตหลายครั้ง เป็นเพราะการใช้ Hot Wallet และ Cold Wallet อย่างชาญฉลาดของเราไงล่ะ มาเจาะลึกกันดีกว่าว่าอะไรที่ทำให้ Bitget เป็นที่ปลอดภัยสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติม! Hot Wallet กับ Cold Wallet: เคล็ดลับของ Bitget สำหรับความปลอดภัย Hot Wallet: ทางเลือกของคุณสำหรับการทำธุรกรรมอย่างรวดเร็ว ลองคิดว่า Hot Wallet เป็นเหมือน Wallet ดิจิทัลในชีวิตประจำวันของคุณที่เชื่อมต่อได้ตลอดเวลา และพร้อมใช้งานได้เสมอ โดยเหมาะสำหรับการเข้าถึงคริปโตของคุณได้อย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความที่ Wallet เชื่อมต่อกับออนไลน์ ผู้ใช้จึงต้องเฝ้าระวังภัยคุกคามทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง Cold Wallet: ตู้นิรภัยดิจิทัลที่ไม่สามารถเจาะได้ Wallet อีกประเภทคือ Cold Wallet ออฟไลน์ ปลอดภัย มักเป็นวัตถุอุปกรณ์ที่เหมือนกับตู้นิรภัยสำหรับคริปโตส่วนตัวของคุณ โดยเป็นเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่ด้านการรักษาความปลอดภัยของ Wallet ที่คอยรักษาสินทรัพย์ของคุณให้ปลอดภัยจากผู้ร้ายทางออนไลน์ เหตุใดการรักษาความปลอดภัยของคริปโตของคุณบน Bitget จึงไม่ใช่เรื่องยาก 1. ข้อได้เปรียบจากการออฟไลน์: สินทรัพย์ของ Bitget ส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ใน Cold Wallet ซึ่งแฮกเกอร์ออนไลน์ไม่สามารถเข้าถึงได้ 2. การใช้ Wallet แบบ Multi-Sig: เทคโนโลยี Multi-Signature ของเรารับประกันว่าธุรกรรมต่างๆ จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติร่วมกัน ซึ่งป้องกันการควบคุมเหนือสินทรัพย์ฝ่ายเดียว 3. การสำรองข้อมูลอย่างมืออาชีพ: ด้วยโปรโตคอลการสำรองข้อมูลนอกสถานที่ Bitget รับรองได้ว่าจะสามารถกู้คืนข้อมูลของคุณได้อย่างรวดเร็วหลังจากเกิดข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิด 4. ความปลอดภัยระดับธนาคาร: สินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดบางส่วนของ Bitget ถูกเก็บไว้ในตู้เซฟธนาคารจริง ทำให้มีความปลอดภัยสูงสุด ข้อมูลรับรองความปลอดภัยของ Bitget ความมุ่งมั่นของเราต่อการรักษาความปลอดภัยไม่ใช่แค่คำสัญญาเท่านั้น แต่ยังได้รับยืนยันจากข้อมูลรับรองที่มั่นคงอีกด้วย Bitget ได้รับการตรวจสอบจากบริษัทชั้นนำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และมีใบรับรอง SSL ระดับ A+ จึงติดอันดับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน 10 อันดับแรกในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ นอกจากนี้ Protection Fund มูลค่ากว่า 300 ล้านดอลลาร์ ของเรายังทำหน้าที่เป็นตาข่ายนิรภัยที่แข็งแกร่ง ช่วยปกป้องคุณจากการสูญเสียที่ไม่คาดคิดอีกด้วย Proof of Reserves (PoR) ที่แข็งแกร่ง : เรารักษาทุนสำรองทั้งหมดไว้เกิน 200% อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเกินมาตรฐานของอุตสาหกรรมถึง 2 เท่า ทำให้มั่นใจว่าเราสามารถครอบคลุมการถอนของผู้ใช้ได้ทั้งหมด ● การตรวจสอบความโปร่งใสรายเดือน: ยอดถือครองของเราได้รับการตรวจยืนยันผ่านการตรวจสอบรายเดือน เราใช้ระบบ Merkle Tree ในการจัดเก็บ Hash ของสินทรัพย์บัญชีผู้ใช้แต่ละบัญชี ซึ่งเพิ่มระดับความโปร่งใสและการยืนยันของผู้ใช้เพิ่มเติม สรุปปิดท้าย รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นที่จะเก็บสินทรัพย์ของคุณไว้บน Bitget แล้วใช่ไหม ด้วยการผสมผสาน Hot Wallet และ Cold Wallet อีกทั้งการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด สินทรัพย์ดิจิทัลของคุณจึงถูกเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัย Bitget ไม่ใช่แค่ส่งเสริมการเทรดอย่างชาญฉลาดเท่านั้น แต่ยังทำให้การเทรดเต็มไปด้วยความมั่นใจและความปลอดภัยอีกด้วย ข้อสงวนสิทธิ์: บทความนี้จัดทำโดยพาร์ทเนอร์และ Elite Trader ของ Bitget ซึ่งได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Bitget เมื่อไม่นานนี้เพื่อช่วยมอบข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีและการพัฒนาทางเทคนิคต่างๆ ข้อมูล มุมมอง และความคิดเห็นในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลและความรู้เท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์หรือเสนอให้ใช้เป็นคำแนะนำทางด้านกฎหมาย ภาษี การลงทุน การเงินหรืออื่นๆ ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม Bitget รวมถึงพนักงาน ตัวแทน พาร์ทเนอร์ของเรา และ/หรือการดำเนินงานร่วมกันอื่นๆ จะไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจ การกระทำ หรือผลลัพธ์ที่เกิดจากหรืออ้างอิงจากการใช้ข้อมูลในที่นี้ คุณไม่ควรใช้แนวคิด กลยุทธ์ หรือการดำเนินการลงทุนหรือการเทรดใดๆ โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ส่วนบุคคลและสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละบุคคล และ/หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน