ข่าวสาร Oracle (ORCL)

Tomarket (TOMA) มาแล้ว: Airdrop และการเทรดพร้อมให้บริการแล้วบน Bitget Pre-Market

ถึงเวลาแล้ว! Tomarket (TOMA) เข้า Bitget Pre-Market แล้ว ราคาเริ่มต้นของ TOMA จะเป็นเท่าไร และจะมีผลการดำเนินงานเป็นอย่างไรในอนาคต อยากจะลงทุนใน Tomarket (TOMA) ใช่ไหม คุณมาถูกที่แล้ว บทความนี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ ในการเริ่มเทรด Tomarket บน Bitget Pre-Market และสำรวจโอกาสต่างๆ ในอนาคต รวมถึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Tomarket Airdrop พลาดไม่ได้แล้ว เข้าร่วมเลย! ถึงเวลาของ Tomarket (TOMA) แล้ว Tomarket (TOMA) เป็นมาร์เก็ตเพลสแบบกระจายศูนย์ที่เชี่ยวชาญในการเทรดประเภทสินทรัพย์นวัตกรรมที่นอกเหนือไปจากคริปโทเคอร์เรนซีแบบดั้งเดิมและหุ้น ซึ่งประเภทสินทรัพย์นวัตกรรมที่มีให้บริการ ได้แก่ แต้มจากโปรโตคอล, สินทรัพย์ในโลกความเป็นจริง (RWA), โทเค็น Pre-Market, อัตราผลตอบแทนพันธบัตรคริปโต และโทเค็น Pre-Vesting โดยแพลตฟอร์มนี้เป็นศูนย์กลางให้ผู้ใช้ซื้อ ขาย และแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดังกล่าว ทำให้มั่นใจได้ถึงการประเมินมูลค่าที่ยุติธรรม สภาพคล่อง และการค้นพบราคา (Price Discovery) ผ่าน Oracle ราคาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของแพลตฟอร์ม Tomarket ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงโอกาสการเทรดล่วงหน้าในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ และช่วยเพิ่มสภาพคล่อง ทำให้ทำธุรกรรมได้ง่ายขึ้น โทเค็น TOMA นั้นเป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศ และให้ช่องทางในการสร้างรายได้อย่างหลากหลาย เช่น การเล่นเกม, การ Stake ใน Farming Pool และรางวัลจากการแนะนำเพื่อน นอกจากนี้ ยังมีการแจกจ่าย TOMA ให้แก่ผู้ใช้เป็นรายสัปดาห์ตามกิจกรรมและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ด้วย รางวัลที่น่าตื่นเต้นรอคุณอยู่: Airdrop ประจำฤดูการลิสต์ของ Tomarket (TOMA) และ Airdrop รายสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ผู้ถือ TOMA ยังคงสามารถรับโทเค็นเพิ่มได้ในเฟสการฟาร์มผ่าน TOMA Airdrop แบบรายสัปดาห์ ซึ่งจะให้รางวัลแก่ผู้ใช้ตามจำนวน Star ที่รวบรวมได้ในแอป โดยสามารถเคลมรางวัลได้แบบเรียลไทม์ ทั้งนี้ Tomarket ให้ความสำคัญกับรางวัลสำหรับชุมชน โดยสำรองโทเค็น TOMA ไว้ 80% ของอุปทานให้ผู้ใช้ และใช้ระบบ Tomarket Star ในการแจกจ่ายรางวัลจูงใจ ผู้ใช้จะได้รับ Star จากการเล่นเกมและการเข้าร่วมการแข่งขัน โดยผู้ถือเหรียญรางวัล Premium จะได้รับรางวัลในระดับที่สูงกว่า และฟีเจอร์หลักประการหนึ่งคือ Tomarket Farming Pool ซึ่งช่วยให้ผู้ถือ TOMA สามารถ Stake โทเค็นของตนเพื่อรับรางวัลแบบ Passive ได้ โดยผู้ใช้จะได้รับประโยชน์จากรางวัลจูงใจในระดับที่สูงขึ้นตามจำนวนที่ Stake ไว้ และยังสามารถเคลมรางวัลจูงใจจากการแนะนำได้อีกด้วย นอกจากนี้ การ Stake ยังเป็นการเปิดการเข้าถึง Airdrop สุดพิเศษจากโปรเจกต์คริปโตชั้นนำ เป็นการช่วยส่งเสริมความภักดีและการมีส่วนร่วมระยะยาวภายในชุมชน เศรษฐศาสตร์ของโทเค็นและ Roadmap ของ Tomarket ตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า 80% ของอุปทาน TOMA ทั้งหมดนั้นมีไว้เพื่อคุณหรือก็คือชุมชน Tomarket โดยเฉพาะ และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการดำเนินการดังกล่าว ทีมงานได้เปิดตัวการแจกจ่าย TOMA รายสัปดาห์เพื่อเพิ่มจำนวนโทเค็นที่คุณได้รับ โดยการริเริ่มนี้ออกแบบมาเพื่อให้รางวัลแก่คุณ ดังนั้นอย่าลืมเข้าร่วมและเคลมส่วนแบ่งรายสัปดาห์ของคุณด้วย และในวันที่ 2 ธันวาคม ระบบจะแจกจ่าย 63% ของอุปทาน TOMA ก่อนการลิสต์ เข้าร่วมและรับประโยชน์สูงสุด! Roadmap ของ Tomarket ประกอบด้วยโครงร่างของโครงการริเริ่มต่างๆ ที่มีจุดมุ่งหมายในการดึงดูดผู้ใช้และสร้างชุมชนที่มีแพลตฟอร์มเป็นศูนย์กลาง โดยเริ่มต้นด้วยการเปิดตัว Mini App ที่ทำให้รู้จักกับฟีเจอร์หลักและเชิญชวนให้ผู้ใช้มาสำรวจ ตามด้วยฟีเจอร์เกมประเภทดรอปและการฟาร์ม (Drop Farming) ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับรางวัลผ่านการมีส่วนร่วมและส่งเสริมการเล่นเกมบนบล็อกเชน เกมไขปริศนาจะนำเสนอความคาดเดาไม่ได้อันน่าตื่นเต้นเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ค้นพบรางวัลที่ซ่อนอยู่ นอกจากนี้ ฟีเจอร์ของ Wallet Connect ยังช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานด้วยการอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยกับ Wallet ดิจิทัลสำหรับการจัดการสินทรัพย์ Tomarket ยังมีรางวัลเงินสดเพื่อเป็นรางวัลจูงใจให้กับผู้ใช้ที่แอคทีฟ ควบคู่กับ Star Airdrop ที่มอบโทเค็นฟรีเป็นรางวัลความภักดี และเพื่อให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น ก็มีการนำระบบระดับมาใช้โดยให้รางวัลกับกิจกรรมและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน สุดท้าย Roadmap ยังเน้นที่ Token Generation Event (TGE), Farming Pool และการลิสต์โทเค็น Tomarket อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ธันวาคม 2024 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับโอกาสในการเทรดและการลงทุนบนแพลตฟอร์ม กุญแจสู่ Airdrop: ระดับและกิจกรรม เคยคิดไหมว่าจะวัดปริมาณ Tomarket (TOMA) ได้อย่างไร Airdrop ในช่วงฤดูการลิสต์จะขึ้นอยู่กับระดับที่แตกต่างกันเป็นหลัก โดยมีทั้งหมด 11 ระดับ ตั้งแต่ระดับ Clay ไปจนถึง Mystery นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นอีก 2 ประการที่เข้ามามีบทบาท คือ การเปิดกล่องสุ่มเพื่อสะสม Star หรือแต้ม TOMATO และทำภารกิจจากภารกิจพิเศษและภารกิจมาตรฐานให้สำเร็จ รางวัลผู้ใช้งานช่วงแรกเริ่ม ตามที่สัญญาไว้ จะมีการจัดสรร 3% ของอุปทานโทเค็น TOMA ทั้งหมดไว้เพื่อเป็นการตอบแทนผู้สนับสนุนในระยะแรก โดยที่มีโบนัสผู้ใช้งานช่วงแรกเริ่มอยู่ในบัญชีที่เข้าเกณฑ์แล้วในขณะนี้ โดยมีรางวัลอยู่ 3 ระดับขั้นตามเวลาที่คุณเข้าร่วมดังนี้ ระดับขั้น 1 (ก่อนวันที่ 14 กรกฎาคม 2024) ได้รับเพิ่ม 20%, ระดับขั้น 2 (ก่อนวันที่ 31 กรกฎาคม 2024) ได้รับเพิ่ม 15% และระดับขั้น 3 (ก่อนวันที่ 31 สิงหาคม 2024) ได้รับเพิ่ม 10% ของ TOMA ตามยอดถือครองในช่วงสแนปช็อต TGE โปรดตรวจสอบบัญชีของคุณเพื่อดู TOMA ที่ได้รับ และอย่าลืมว่าระดับ Tomarket ของคุณมีความสำคัญต่อการเพิ่มผลตอบแทนให้สูงสุดในช่วงฤดูการลิสต์นี้! Tomarket พร้อมให้บริการอย่างเป็นทางการบน Bitget Pre-Market แล้ว ใกล้ถึงบทสรุปของบทความพิเศษนี้แล้ว และเรามีข่าวน่าตื่นเต้นมาบอก! Bitget กำลังจะเปิดตัว Tomarket Points (TOMA) สำหรับการเทรด Pre-Market ผู้ใช้จะมีโอกาสเทรด TOMA ล่วงหน้าก่อนที่จะเปิดตัวการเทรด Pre-Market อย่างเป็นทางการ โดยรายละเอียด มีดังนี้: - เวลาเริ่มต้น: 28 พฤศจิกายน 2024 เวลา 20:00 น. (เวลาไทย) - เวลาสิ้นสุด: รอการประกาศอีกครั้ง - ลิงก์การเทรด Pre-Market: TOMA/USDT - วิธีการส่งมอบ: การชำระราคาเหรียญและการชำระราคา USDT ในการชำระราคาเหรียญ ระบบจะดำเนินการส่งมอบเป็นระยะๆ ตามยอดคงเหลือของ Order ส่วนในการชำระราคา USDT การเทรดทั้งหมดจะดำเนินการ ณ เวลาสิ้นสุดโปรเจกต์ โดยใช้ราคาดัชนีเฉลี่ยจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนชั้นนำเพื่อความยุติธรรม Tomarket Points มีอุปทานทั้งหมด 1 แสนล้านโทเค็นและจะเป็นตัวแทนของ TOMA จนกว่าจะมีการลิสต์อย่างเป็นทางการ เมื่อมีการลิสต์ Tomarket Points จะแปลงเป็นโทเค็น TOMA ตามข้อมูลเศรษฐศาสตร์ของโทเค็นจริง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าปริมาณการเทรดจะยังคงสม่ำเสมอ ในกรณีที่ไม่สามารถลิสต์ TOMA ได้เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ระบบจะยุติ Pre-Market Order ทั้งหมด และคืน Margin การเทรดให้กับผู้ใช้ รับ TOMA บน Bitget Pre-Market! การคาดการณ์ราคา Tomarket: การคาดการณ์อนาคต ราคาเริ่มต้นของ Tomarket (TOMA) บน Bitget Pre-Market อยู่ที่ $0.0003 และปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นเป็น $0.00035 (+2.94%) ณ วันที่ 2 ธันวาคม การคาดการณ์ราคาสำหรับ Tomarket เป็นเช่นไร Tomarket เป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่ รายงานวิจัยบ่งชี้ว่า Tomarket อาจเพิ่มขึ้นไปอยู่ระหว่าง $0.0007 และ $0.001 ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า และด้วยความผันผวนนี้เอง Tomarket จึงถือเป็นโอกาสในการได้รับผลตอบแทนจำนวนมาก แม้ว่าความผันผวนดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้นโทเค็นนี้จึงอาจเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและมีสถานะการเงินที่มั่นคงมากกว่า บทสรุป โดยสรุปแล้ว การเปิดตัว Tomarket (TOMA) บน Bitget Pre-Market ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ขณะที่ TOMA เริ่มต้นเส้นทางการเทรด นักลงทุนก็สามารถคว้าโอกาสจาก Pre-Market เพื่อรับผลตอบแทนจำนวนมากได้ ระบบ Tomarket Star และ Farming Pool มีวิธีการเพิ่มผลตอบแทนให้สูงสุดอยู่หลายวิธี เมื่อมองไปยังอนาคต Roadmap นี้ให้คำมั่นสัญญาถึงนวัตกรรมและโครงการริเริ่มสำหรับชุมชนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ Tomarket (TOMA) ยังนำเสนอโอกาสอันน่าดึงดูดใจให้กับผู้ที่ต้องการสำรวจสภาพแวดล้อมการเทรดที่มีพลวัตนี้ มาเตรียมพร้อมที่จะดำดิ่งกันเลย! เริ่มเฉลิมฉลองกันเลย!

การทำงานร่วมกันคืออะไร?

โดยพื้นฐานแล้ว การทำงานร่วมกันของบล็อกเชนหมายถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างบล็อกเชนตั้งแต่สองบล็อกขึ้นไป ในภาษาของคนทั่วไป การทำงานร่วมกันของบล็อกเชนเป็นกลไกการสื่อสารระหว่างบล็อกเชนตั้งแต่สองบล็อกขึ้นไป ในทางเทคนิคแล้ว การทำงานร่วมกันของบล็อคเชนหมายถึงความสามารถในการเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูลผ่านบล็อคเชนหรือเครือข่ายบล็อคเชนต่างๆ โครงการบล็อกเชนจำนวนมากมีเป้าหมายที่จะใช้การทำงานร่วมกันเพื่อปรับปรุงกระบวนการและเพิ่มความโปร่งใส นอกจากนี้ การดำเนินการตามกระบวนการนี้จะช่วยเพิ่มอัตราการสื่อสารของบล็อกเชน ในบทความนี้ เราจะสำรวจทุกอย่างเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันของบล็อคเชน มาเริ่มกันเลย! คำจำกัดความการทำงานร่วมกัน เทคโนโลยีบล็อกเชนให้ผลลัพธ์ที่น่าหวัง แต่การเอาชนะอุปสรรคในการนำไปใช้อย่างแพร่หลายยังคงเป็นความท้าทาย เนื่องจากเทคโนโลยียังไม่ถึงจุดอิ่มตัวขององค์กร นอกจากนี้ โซลูชันที่มีอยู่มากมายภายในห่วงโซ่อุปทานกำลังใช้บล็อกเชนเพื่อกรณีการใช้งานที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม มีโอกาสมากมายที่ยังไม่ได้ใช้ทั้งภายในและภายนอกห่วงโซ่อุปทาน อุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ blockchain สามารถค้นหาความเกี่ยวข้องได้ ได้แก่ การเงิน ความปลอดภัยของอาหาร และการประกันภัย และอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยเหตุนี้ การสื่อสารระหว่างบล็อกเชนจึงกลายเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ภายในห่วงโซ่อุปทานจะพึ่งพากลุ่มเทคโนโลยีเฉพาะน้อยลง กล่าวโดยสรุป สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการจัดการกับความท้าทายของการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวางใจได้ว่าสิ่งที่พวกเขารับรู้มีความสอดคล้องกันทั้งในแต่ละระบบและหลายระบบ กล่าวง่ายๆ ก็คือ ความสามารถในการทำงานร่วมกันเกี่ยวข้องกับ (ก) ความสามารถของระบบคอมพิวเตอร์ในการแลกเปลี่ยนและใช้ข้อมูล และ (ข) ความสามารถในการถ่ายโอนสินทรัพย์ระหว่างสองระบบขึ้นไป ในขณะที่ยังคงรักษาความสอดคล้องในสถานะและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนหลังคือสิ่งที่ทำให้แนวคิดซับซ้อนเมื่อนำไปใช้กับบล็อกเชน ตามหลักการแล้ว การทำงานร่วมกันของบล็อคเชนควรเปิดใช้งานการแบ่งปันความรู้โดยไม่ต้องส่งสำเนาข้อมูลหรือกระทบต่อความเป็นธรรมของธุรกรรมและการเข้าถึงข้อมูล นอกจากนี้ กฎทั่วไปควรได้รับการกำหนดมาตรฐานในขอบเขตที่การปฏิบัติตามข้อกำหนดจะไม่เป็นปัญหา ประเภทของการทำงานร่วมกัน การทำงานร่วมกันระหว่างบล็อคเชนกับบล็อกเชนมีสองประเภท โดยแต่ละประเภทมีข้อควรพิจารณาที่แตกต่างจากที่มักระบุโดยระบบไม่กระจายแบบดั้งเดิม ข้อใดคือประเภทความสามารถในการทำงานร่วมกันของบล็อกเชน 2 ประเภท - การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล: นี่คือความสามารถในการถ่ายโอนและแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ผ่านบล็อกเชนที่แตกต่างกัน โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางที่เชื่อถือได้ เช่น การแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ ตัวอย่างจะทำให้ Bitcoin สามารถใช้จ่ายได้ภายในแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (Dapps ) ที่สร้างบนEthereum การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลหมายถึงความสามารถในการถ่ายโอนและแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ผ่านบล็อกเชนที่แตกต่างกัน โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางที่เชื่อถือได้ เช่น การแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ ตัวอย่างนี้จะทำให้ Bitcoin สามารถใช้จ่ายภายในแอปพลิเคชันกระจายอำนาจ Ethereum (Dapp) - การแลกเปลี่ยนข้อมูลตามอำเภอใจ: หมายถึงความสามารถในการดำเนินการกับบล็อกเชนหนึ่งซึ่งส่งผลกระทบต่อบล็อกเชนอื่น ข้อมูลที่ติดตามอาจไม่จำเป็นต้องเป็นทรัพย์สินที่มีค่า แต่อาจเป็นเหตุการณ์ได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถสร้างสินทรัพย์เวอร์ชันสังเคราะห์บนห่วงโซ่เดียวที่มาจากอีกห่วงโซ่หนึ่ง ช่วยให้สามารถใช้สินทรัพย์นั้นในส่วนอื่นของเครื่องสถานะของพื้นที่การค้าได้ เนื่องจากบล็อกเชนส่วนใหญ่เป็นระบบแบบพาสซีฟที่ไม่สามารถสร้างลายเซ็นที่สามารถตรวจสอบได้โดยบล็อกเชนอื่นๆ การบรรลุการแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยอำเภอใจจึงเป็นรูปแบบการทำงานร่วมกันที่ท้าทายยิ่งกว่า อย่างไรก็ตาม กรณีการใช้งานที่เปิดใช้งานโดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยพลการอาจมีความก้าวหน้ามากกว่าที่การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลทำได้ บล็อกเชนความสามารถในการทำงานร่วมกันไม่ใช่กฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ครอบคลุมเทคนิคต่างๆ ที่ช่วยให้บล็อกเชนต่างๆ สามารถสื่อสาร ถ่ายโอนสินทรัพย์และข้อมูลดิจิทัล และส่งเสริมการทำงานร่วมกันที่ได้รับการปรับปรุง สะพานข้ามโซ่แบบกระจายอำนาจอำนวยความสะดวกในการถ่ายโอนข้อมูลและสินทรัพย์ระหว่างบล็อกเชนต่างๆ เช่น Ethereum, Bitcoin, EOS, Binance Smart Chain, Litecoin และอื่นๆ ปัจจุบัน กรณีการใช้งานหลักของการทำงานร่วมกันคือ 1) การส่งสภาพคล่องของสกุลเงินดิจิทัลเฉพาะจากบล็อกเชนหนึ่งไปยังอีกบล็อกหนึ่ง; 2) ทำให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ในห่วงโซ่หนึ่งสำหรับสินทรัพย์อื่นในห่วงโซ่ที่แตกต่างกัน และ 3) อนุญาตให้ผู้ใช้ยืมสินทรัพย์ในห่วงโซ่เดียวโดยใช้โทเค็นหรือ NFT เป็นหลักประกันในห่วงโซ่อื่น เทคนิคการเชื่อมโยงแต่ละเทคนิคเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนการออกแบบของตัวเองในแง่ของความสะดวก ความเร็ว ความปลอดภัย และสมมติฐานด้านความน่าเชื่อถือ เนื่องจากแต่ละบล็อคเชนทำงานภายใต้กฎที่แตกต่างกัน บริดจ์จึงทำหน้าที่เป็นโซนกลางที่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนระหว่างระบบที่แตกต่างกันได้ สิ่งนี้ช่วยปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม ข้อเสียเหล่านี้อาจไม่สามารถเข้าใจได้ง่ายสำหรับผู้ใช้ปลายทาง นอกจากนี้ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเทคนิคบริดจ์แต่ละแบบอาจสะสมเมื่อใดก็ตามที่สินทรัพย์ข้ามสะพานหลายแห่งก่อนที่จะถึงผู้ใช้ปลายทาง การใช้งานที่สำคัญและข้อดีของการทำงานร่วมกันของบล็อคเชน บริการ Web3 ที่ปรับแต่งได้: ความสามารถของโปรโตคอลบล็อกเชนและแอปพลิเคชันในการผสมผสานและจับคู่ "ชิ้นส่วนเลโก้" ที่แตกต่างกันเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสิ่งใหม่ทั้งหมดเครื่องมือและแพลตฟอร์มWeb3 ที่ไม่สามารถทำได้กับอุตสาหกรรมแบบเดิมและรูปแบบธุรกิจของยุคเว็บ3 ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแย้งว่าใช้งานร่วมกันได้ สัญญาอัจฉริยะสามารถเพิ่มพลังให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การดูแลสุขภาพ กฎหมาย หรืออสังหาริมทรัพย์ โดยการอนุญาตให้ข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญถูกส่งไปมาระหว่างเครือข่ายส่วนตัวและเครือข่ายสาธารณะในลักษณะที่ปรับแต่งและควบคุมได้ การทำงานร่วมกันของ Blockchain อาจเปิดใช้งานการทำธุรกรรมหลายโทเค็นและระบบกระเป๋าเงินหลายโทเค็นได้ในที่สุด ทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้ crypto คล่องตัวขึ้น ระบบนิเวศที่มีการกระจายอำนาจมากขึ้น: แม้ว่าการบรรลุการกระจายอำนาจอย่างแท้จริงภายในเครือข่ายบล็อกเชนแต่ละเครือข่ายยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหลายโครงการ แต่การสร้างความสามารถในการทำงานร่วมกันของเครือข่ายข้ามบล็อกเชนหลาย ๆ อัน แสดงให้เห็นถึงการแสดงให้เห็นถึงคำมั่นสัญญาในการกระจายอำนาจของเทคโนโลยีบล็อกเชนขั้นสูงยิ่งขึ้น แทนที่จะพึ่งพาบล็อกเชนเดียวเช่น Ethereum เพื่อประมวลผลธุรกรรมมากมาย แอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ ในที่สุดอาจมีบล็อกเชนเฉพาะแอปพลิเคชันจำนวนมากที่สื่อสารผ่านศูนย์กลางแบบกระจายอำนาจ การทำงานร่วมกันข้ามอุตสาหกรรมที่ได้รับการปรับปรุง: แม้ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนจะมีกรณีการใช้งานเฉพาะอุตสาหกรรมที่หลากหลาย แต่ประโยชน์หลักของเทคโนโลยีนั้นอยู่ที่ความโปร่งใสและการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล การดำเนินการตามสัญญาอัจฉริยะ และข้อตกลงแบบกระจายอำนาจ เมื่อบล็อกเชนที่ใช้โดยองค์กรและอุตสาหกรรมต่างๆ สามารถโต้ตอบกันได้ ตลาดอิสระและแอปพลิเคชันทางธุรกิจที่เคยถูกพิจารณาว่าแยกจากกันสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและมูลค่าได้ง่ายขึ้น ซึ่งหมายความว่าองค์กรและชุมชนที่ปกติแล้วจะไม่มีการโต้ตอบกันสามารถแบ่งปันข้อมูล ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของกันและกัน และส่งเสริมนวัตกรรมได้อย่างราบรื่นมากขึ้น ต่อไปนี้คือการใช้งานที่สำคัญเพิ่มเติมและข้อดีของการทำงานร่วมกันของบล็อกเชนในธุรกรรม เพิ่มความสำเร็จของเทคโนโลยีบล็อคเชน เทคโนโลยีบล็อคเชนทำงานบนหลักการของการแบ่งปันและการบูรณาการ ความสามารถในการทำงานร่วมกันช่วยเพิ่มความสะดวกในการแบ่งปันและบูรณาการข้อมูล จึงเป็นการเสริมความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีบล็อกเชน สิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมการทำธุรกรรมบล็อคเชนเพิ่มเติม ช่วยเพิ่มอนาคตของโครงการเกิดใหม่ การทำงานร่วมกันของบล็อคเชนสามารถช่วยเพิ่มอัตราการนำไปใช้และความสำเร็จของโครงการทั้งที่มีอยู่และที่เกิดขึ้นใหม่ในสาขาต่างๆ นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับโครงการที่ห่วงโซ่คุณค่ามีความสำคัญ เช่น การดูแลสุขภาพ การเงิน การค้า การบิน ฯลฯ อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมข้ามสายโซ่ การทำงานร่วมกันช่วยลดความยุ่งยากในการทำธุรกรรมข้ามสายโซ่โดยทำให้บล็อกเชนสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ การปรับปรุงธุรกรรมหลายโทเค็น การทำงานร่วมกันของบล็อคเชนยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินการธุรกรรมหลายโทเค็น รับประกันความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การทำงานร่วมกันของบล็อคเชนเป็นกระบวนการที่ปลอดภัยและมีโอกาสน้อยที่สุดที่จะเกิดการฉ้อโกง แม้ว่าความสามารถในการทำงานร่วมกันถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่ต้องแก้ไขเพื่อทำให้บล็อกเชนดึงดูดผู้ใช้มากขึ้น ข้อเสียของการทำงานร่วมกันของ Blockchain แม้จะมีข้อได้เปรียบ แต่ก็มีความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกันของบล็อคเชน: ไม่มีการไหลย้อนกลับของ Blockchain บล็อกเชนที่ลงทะเบียนบนเครือข่ายไม่สามารถย้อนกลับไปยังตำแหน่งเดิมได้ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบข้อมูลก่อนที่จะส่งโหนดเริ่มต้น ความไม่เข้ากันระหว่างเครือข่ายที่แตกต่างกัน ในปัจจุบัน การทำงานร่วมกันของบล็อคเชนนั้นทำงานระหว่างบล็อคเชนต่างๆ ภายในเครือข่ายเดียวกัน ตัวอย่างเช่น Ethereum และ Ripple ไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ ข้อเสียเปรียบนี้จำเป็นต้องพิจารณาทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าอนาคตที่สดใสสำหรับการทำงานร่วมกันของบล็อกเชนทั่วโลก ฟังก์ชั่นที่ถูกจำกัด กระบวนการทำงานร่วมกันของบล็อกเชนนั้นมีข้อจำกัดโดยธรรมชาติ แม้ว่าฟีเจอร์นี้จะรับประกันความปลอดภัยของข้อมูลระหว่างการถ่ายโอน แต่บางครั้งก็อาจนำไปสู่ความซับซ้อนและความยุ่งยากสำหรับผู้ใช้ได้ หลักการทำงานของการทำงานร่วมกันของ Blockchain ที่มีอยู่มากที่สุด บล็อกเชนเลเยอร์ 1 ขาดคุณสมบัติในตัวที่รองรับ การทำงานร่วมกันข้ามสายโซ่ อย่างไรก็ตาม เครื่องมือต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันกำลังเพิ่มระดับการทำงานร่วมกันระหว่างเครือข่ายบล็อกเชนอย่างต่อเนื่อง: Sidechains ประเภทของ แพลตฟอร์มเลเยอร์ 2 เป็นเครือข่าย blockchain ที่แยกจากกันซึ่งเข้ากันได้กับ mainchain เดียว แต่ละ sidechain มีของตัวเอง กลไกฉันทามติ พารามิเตอร์ความปลอดภัย และโทเค็น ไซด์เชนเหล่านี้ให้บริการกรณีการใช้งานเฉพาะที่กระจายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลของระบบนิเวศโดยรวมและอำนาจอธิปไตยในตนเอง โครงการ crypto ที่โดดเด่นเช่น Polkadot และ Cosmos เป็นโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานแบบข้ามสายโซ่ที่ครอบคลุม ซึ่งออกแบบมาเพื่อสร้าง "เครือข่ายเครือข่าย" ที่ทำงานร่วมกันได้ Oracles: ภายในบริบทของเทคโนโลยีบล็อกเชน Oracles เชื่อมช่องว่างข้อมูลระหว่างสภาพแวดล้อมแบบออนไลน์และออฟไลน์ บริการ Oracle แบบกระจายอำนาจเช่น เชนลิงค์และ API3 มีบทบาทสำคัญในการป้อนข้อมูลนอกเครือข่ายไปยังสัญญาอัจฉริยะที่เปิดใช้งานบล็อกเชน และสนับสนุนการทำงานร่วมกันของบล็อกเชน โดยทำให้แน่ใจว่าระบบนิเวศต่างๆ อ้างอิงถึงแหล่งที่มาของความจริงร่วมกัน การเชื่อมต่อและการแลกเปลี่ยน: การเชื่อมต่อแบบ Cross-chain ช่วยให้สินทรัพย์ดิจิทัลที่ฝ่ายเป็นเจ้าของสามารถล็อคไว้ในห่วงโซ่เดียวได้ ในขณะที่สินทรัพย์ที่เหมือนกันจะถูก "สร้าง" บนห่วงโซ่อื่น และส่งไปยังที่อยู่ที่เป็นของเจ้าของเดิม ในทางตรงกันข้าม, การแลกเปลี่ยนอะตอมมิกทำให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนโทเค็นจากเครือข่ายบล็อกเชนที่แตกต่างกันในลักษณะกระจายอำนาจ กระบวนการทั้งสองเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติผ่านสัญญาอัจฉริยะ และมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกในการถ่ายโอนมูลค่าข้ามสายโซ่ที่ราบรื่น การทำงานร่วมกันและอนาคตของ Blockchain ในบริบทของเทคโนโลยีบล็อกเชน ความสามารถในการทำงานร่วมกันช่วยแก้ไขความท้าทายของสินทรัพย์และข้อมูลที่มีปฏิสัมพันธ์กันในเครือข่ายต่างๆ แม้ว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลและมูลค่าทางดิจิทัลระหว่างสองฝ่ายจะกลายเป็นเรื่องตรงไปตรงมาภายในแพลตฟอร์มบล็อกเชนเดียวกัน (เช่น Bitcoin, Litecoin หรือ Ethereum) ความเรียบง่ายแบบเดียวกันนี้ไม่ได้ขยายไปสู่สถานการณ์ที่ฝ่ายต่าง ๆ ใช้แพลตฟอร์มบล็อกเชนที่แตกต่างกัน เนื่องจากธุรกิจทั่วโลกกำลังใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนภายในเครือข่ายบล็อกเชนที่หลากหลายมากขึ้น กระบวนการถ่ายโอนข้อมูลทางดิจิทัลจึงมีความซับซ้อนมากขึ้น การทำงานร่วมกันคาดว่าจะบรรเทาความท้าทายเหล่านี้ ทำให้การทำธุรกรรมข้ามเครือข่ายตรงไปตรงมามากขึ้นสำหรับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แล้วโปรเจ็กต์ใดที่เสนอความหวังที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตที่ทำงานร่วมกันได้หลายห่วงโซ่? ในหมู่พวกเขา Polkadot ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับการคาดหวังมากที่สุดในพื้นที่บล็อกเชน Polkadot ก่อตั้งโดย Gavin Wood ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ร่วมกับ Vitalik Buterin โดยมุ่งมั่นที่จะจัดการกับข้อจำกัดสำคัญที่กำลังประสบกับรุ่นก่อน ประการแรก ใช้สายโซ่หลักสำหรับระบบ ซึ่งเรียกว่า "สายโซ่รีเลย์" ที่เชื่อมต่อและสนับสนุนบล็อกเสริมเฉพาะแอปพลิเคชันหรือParachains ต่างๆ ซึ่งช่วยให้สามารถสื่อสารระหว่างสายโซ่และธุรกรรมข้ามสายโซ่ได้ Parachains สร้างบล็อกสำหรับเครื่องมือตรวจสอบธุรกรรมบนห่วงโซ่รีเลย์ โดยบล็อกเหล่านี้จะถูกเพิ่มเข้าไปในห่วงโซ่สุดท้ายในภายหลัง ดังนั้นจึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยที่เพียงพอ นอกจากนี้ Parachains ต่างๆ สามารถทำธุรกรรมแบบขนานโดยไม่มีการรบกวน ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับขนาดของ Polkadot แม้ว่ารายละเอียดเฉพาะของ parachains จะยังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่การกำหนดค่าสำหรับระบบนิเวศจะได้รับการพิจารณาในเร็วๆ นี้ ในขณะเดียวกัน โครงการ Avalanche มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบที่ใช้งานร่วมกันได้ซึ่งเชื่อมโยงบล็อกเชนทั้งหมด ตามที่ John Wu ประธานของ Ava Labs ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่เบื้องหลัง Avalanche blockchain โปรเจ็กต์ไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นทางเลือกที่แข่งขันได้กับ Ethereum แต่จะวางตำแหน่งตัวเองเป็นตัวเลือกที่เข้ากันได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายโอนสินทรัพย์ระหว่างทั้งสองแพลตฟอร์มได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถทำการทดสอบเบต้ากับ Avalanche ที่คุ้มค่าก่อนที่จะขยายขนาดผ่าน Ethereum เมื่อเร็ว ๆ นี้ Wu ได้บอกกับ Blockworks สื่อสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลออนไลน์ว่า "แพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะรุ่นต่อไปจำนวนมากควรเริ่มดูสิ่งเหล่านี้ในเรื่องนั้น เราควรทำงานเพื่อสร้างความสามารถในการทำงานร่วมกัน สร้างประสิทธิภาพ และอนุญาตให้เรานำนักพัฒนาบางส่วนจากที่อื่นเหล่านี้ และทำให้ตลาดนั้นเติบโต" โครงการบล็อกเชนอื่นๆ จำนวนมากยังให้ความสำคัญกับการบรรลุความสามารถในการทำงานร่วมกันและได้รับความสนใจ ตัวอย่างเช่น Cosmos ยืนยันความสำเร็จในโดเมนนี้ โดยมีเครือข่ายที่ดำเนินงานภายในระบบนิเวศ รวมถึง Terra และ Binance Smart Chain (BSC) Polygon มุ่งมั่นที่จะสร้างการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายที่เข้ากันได้กับ Ethereum ทั้งหมด ในขณะที่ Solana ใช้โปรโตคอลการทำงานร่วมกันของ Wormhole เพื่ออำนวยความสะดวกในการโต้ตอบระหว่างระบบนิเวศของ Solana, Terra, Ethereum และ Binance Smart Chain เพียงแค่สร้างบัญชี แล้วเริ่มสำรวจ Bitget-Verse ที่น่าทึ่งวันนี้เลย! ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ผลิตภัณฑ์และโครงการทั้งหมดที่กล่าวถึงในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ถือเป็นการรับรอง บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เท่านั้นและไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

ไขข้อสงสัย Alex Lab (ALEX): เชื่อมช่องว่างระหว่าง Bitcoin และ DeFi เพื่อกำเนิดยุคใหม่

ปี 2023 ถือเป็นปีที่สำคัญในระบบนิเวศของ Bitcoin โดยมีการเพิ่มจำนวนของโทเค็น BRC-20 เข้ามาสร้างความฮือฮาในโลกของคริปโต ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ “ALEX” ได้ปรากฏตัวขึ้นในฐานะผู้นำของวงการ พร้อมเชื่อมโยงโปรโตคอล DeFi เข้ากับบล็อกเชนยุคแรกเริ่ม และสร้าง Automated Market Maker (AMM) ตลอดจน Order Book ขึ้นมาใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพ DeFi ของ Bitcoin Alex Lab (ALEX) คืออะไร ALEX เป็นโปรโตคอล DeFi ที่สร้างขึ้นสำหรับโทเค็น Bitcoin และ BRC-20 โปรโตคอลนี้ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อผู้ใช้ Bitcoin รุ่นใหม่, นวัตกร และระบบนิเวศในวงกว้าง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อขจัดอุปสรรคระหว่าง Layer-1 และ Layer-2 ของ Bitcoin จนนำไปสู่การสร้างประสบการณ์ Bitcoin DeFi ที่ราบรื่นไม่มีสะดุด ด้วยการผสานรวมอย่างลึกซึ้งกับ Stacks ซึ่งเป็นโซลูชัน Layer-2 ของ Bitcoin สำหรับ Smart Contract และนวัตกรรมด้าน AMM และ Order Book นี้เอง โปรโตคอล ALEX ได้ยกระดับระบบนิเวศโทเค็น BRC-20 ทั้งหมดให้กลายเป็นภูมิทัศน์ DeFi ที่มีชีวิตชีวาและหลากหลายมากยิ่งขึ้น ALEX ทำงานอย่างไร ALEX ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก ดังนี้ Bitcoin Oracle ในภูมิทัศน์ DeFi ปัจจุบัน Oracle คือ ช่องทางการเชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดระหว่างโลก On-Chain และ Off-Chain เมื่อนำไปใช้งานอย่างถูกต้อง Oracle จะให้ข้อมูลดัชนีราคาแบบเรียลไทม์สำหรับเหรียญและโทเค็นต่างๆ ส่วน Bitcoin Oracle ของ ALEX นั้น ได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นในฐานะเครื่องมือสร้างดัชนีที่มีคุณสมบัติไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ และต้านทานต่อการถูกเซนเซอร์ (Censorship-Resistant) พร้อมทั้งผสมผสานเข้ากับข้อมูลแบบ On-Chain และ Off-Chain เพื่อให้ข้อมูลดัชนีราคาที่มีความกระจายศูนย์มากที่สุด Bitcoin Bridge Bitcoin และสินทรัพย์ BRC-20 อื่นๆ ไม่ควรถูกจำกัดอยู่ในบล็อกเชนเดียว ตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงมีความพยายามหลายต่อหลายครั้งในการนำ BTC เข้ามาสู่ Ethereum, Solana และบล็อกเชนต่างๆ และในขณะนี้ ALEX ได้นำ BTC เข้าไปสู่ Layer-2 และช่วยให้มีคริปโทเคอร์เรนซีรายการแรกที่สามารถโต้ตอบกับ Smart Contract ได้สำเร็จ Cross-Chain Bridge เท่านั้นยังไม่พอ ALEX ยังเชื่อมช่องว่างระหว่าง Bitcoin และ Ethereum และนำผู้เล่นคริปโตรายใหญ่จาก Chain อื่นๆ เช่น ETH, USDT ฯลฯ มาสู่บล็อกเชน Bitcoin ด้วยเช่นกัน กล่าวคือ สินทรัพย์เหล่านี้จะถูก Wrap โดยใช้ Bridge และผู้ใช้จะได้รับโทเค็นเหล่านั้นในเวอร์ชันของ ALEX เช่น aBTC, sUSDT เป็นต้น ส่วนสินทรัพย์ดั้งเดิมจะถูกเก็บไว้ใน Multisig Wallet เพื่อความคุ้มครองสูงสุด นอกจากนี้ ALEX Bridge ยังได้รับการตรวจสอบโดย CoinFabrik และรางวัลค่าหัวบั๊ก (Bug Bounty) จะถูกปล่อยออกมาเพื่อมอบเป็นรางวัลตอบแทนแก่ทุกคนที่พบช่องโหว่ใดๆ ในระบบอีกด้วย Order Book โลกของ DEX พบสถานการณ์ยากลำบากจากภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้มาอย่างเนิ่นนาน กล่าวคือ AMM จะเป็น Smart Contract แบบกระจายศูนย์ แต่อาจดำเนินการได้ค่อนข้างช้าเมื่อทำการ Swap สินทรัพย์ ส่วน Order Book นั้นมีประสิทธิภาพแต่กลับต้องอาศัยเครื่องมือการจับคู่ Order แบบรวมศูนย์ ด้วยเหตุนี้เอง ALEX จึงนำเสนอโซลูชันที่ไม่เหมือนใครด้วยการย้ายเครื่องมือการจับคู่ Order ไปเป็นแบบ Off-Chain ทำให้มั่นใจได้ถึงประสบการณ์เทรดที่รวดเร็ว กระจายศูนย์ และไม่มีค่าธรรมเนียม Gas (!) Launchpad แม้ว่าระบบนิเวศของ BRC-20 จะเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ แต่ก็ยังมีโปรเจกต์มากมายที่ไม่มีใครสังเกตเห็นหรือต้องล้มเหลวไปเพราะขาดการมีส่วนร่วมจากกลุ่มผู้ใช้งาน Launchpad ของ ALEX เป็นหนึ่งในสถานที่ที่โปรเจกต์ที่ได้รับการยืนยันจากระบบจะสามารถเปิดตัวโทเค็นและแจกจ่ายโทเค็นเหล่านั้นได้ด้วยระบบลอตเตอรี่ กล่าวคือ ระบบจะจับรายชื่อผู้มีสิทธิ์รับรางวัลแบบ Off-Chain และผลลัพธ์จะถูกส่งทางระบบ On-Chain เพื่อให้ทุกคนได้ทำการตรวจสอบ นอกจากนี้ ALEX ยังมอบโอกาสสำหรับการทำ Yield Farming ให้แก่ผู้ที่ต้องการเพิ่มยอดถือครองอีกด้วย โดยอาศัยการแจกจ่ายดอกเบี้ยการกู้ยืมและค่าธรรมเนียมธุรกรรมนั่นเอง ALEX พร้อมให้บริการบน Bitget ALEX ยืนอยู่ในแนวหน้าของยุคใหม่แห่ง Bitcoin DeFi พร้อมเข้ามากำหนดอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลบนบล็อกเชน Bitcoin กล่าวได้ว่า ALEX เป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ใช้เพื่อการมีส่วนร่วมใน Decentralized Finance, การ Tokenize สินทรัพย์ที่จับต้องได้ และยกระดับฟังก์ชันการทำงานของ Bitcoin บนบล็อกเชนที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุด ในขณะที่ความก้าวหน้าเหล่านี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ความพยายามของ ALEX ในการผสานรวมเข้ากับระบบนิเวศดังกล่าวนั้นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพระดับสูงในการเติบโตและนวัตกรรมใน Bitcoin DeFi​ ได้เป็นอย่างดี วิธีเทรด ALEX บน Bitget ขั้นตอนที่ 1: ไปที่หน้า “การเทรด Spot ALEXUSDT / ALEXUSDT spot trading” ขั้นตอนที่ 2: ป้อนจำนวนและประเภท Order จากนั้นคลิก “ซื้อ/ขาย” หรือ “Buy/Sell” สามารถดูวิธีการโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีการเทรด Spot บน Bitget ได้ที่คู่มือฉบับเจาะลึกสู่การเทรด Spot บน Bitget ALEX พร้อมการใช้โทเค็น BRC-20 และโปรโตคอล Ordinal อย่างสร้างสรรค์ กำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในภูมิทัศน์ DeFi ของ Bitcoin อยู่ในขณะนี้ การผสานรวมดังกล่าวไม่เพียงแต่จะขยายขอบเขตของบล็อกเชน Bitcoin เท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับบริการทางการเงินแบบกระจายศูนย์อีกด้วย กล่าวได้ว่า ในขณะที่ชุมชนคริปโตยังคงสำรวจและเปิดใจยอมรับการพัฒนาเหล่านี้ ALEX ก็จะยังคงพัฒนาระบบของโปรโตคอลให้สมบูรณ์แบบและยกระดับอุตสาหกรรม DeFi ต่อไปอย่างแน่นอน เทรด ALEX บน Bitget เลย! ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรดแต่อย่างใด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

Bitget Hot Takes (13 พฤศจิกายน - 19 พฤศจิกายน)

Bitget Hot Takes คือซีรีส์จดหมายข่าวรายสัปดาห์สุดพิเศษโดย Bitget Academy เป็นคู่มือการเริ่มต้นที่ครอบคลุมสำหรับผู้สนใจคริปโตทุกคน สามารถดู Bitget Hot Takes ล่าสุดได้ที่นี่ ธีมหลัก • BGB ทำลายสถิติที่ US$0.583651 • อัตราเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวลงเกินคาด • BlackRock ยื่นขอจด Ethereum Spot ETF ส่วน SEC ชะลอการตัดสินใจเรื่อง Bitcoin Spot ETF 2 กอง, การแปลง Bitcoin ETF 1 กอง และ Ethereum Spot ETF 1 กอง • Sam Altman ถูกถอดออกจากบอร์ดบริหาร OpenAI BGB ทำสถิติใหม่ที่ US$0.583651 ในขณะที่ตลาดในวงกว้างประสบกับ Liquidation (การบังคับขาย) กว่า 332 ล้านดอลลาร์สหรัฐในชั่วข้ามคืนเมื่อวันจันทร์ แต่ BGB กลับขึ้นไปทำ All Time High ใหม่ได้เป็นครั้งที่ 6 ในปี 2023 แตะระดับ US$0.583651 ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2023 เป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ถึงเกือบ 10% BGB อยู่ในแดนบวกตลอดทั้งสัปดาห์ โดยทำผลตอบแทนได้ดีกว่ากลุ่ม 5 อันดับแรกอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมีการย่อตัวลงมาตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ ส่งผลให้โทเค็นทั้งหมดที่กล่าวถึงมีระดับความผันผวนเพิ่มขึ้น จึงไม่เป็นที่แปลกใจว่า BGB ที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดนั้นมีระดับความผันผวนสูงที่สุด แต่เราก็พอใจ เทรนด์การสะสมกลับตัวช่วงราววันที่ 9-10 พฤศจิกายน ทำให้ BGB มีปริมาณลดลง และด้วยเหตุนี้จึงมีอัตราส่วนปริมาณต่อมูลค่าตามราคาตลาด (VMR) ลดลงด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรากำลังเห็นสัญญาณของการกลับตัวอีกครั้งสำหรับการสะสมกำลัง และการทำ All Time High (ATH) ใหม่ได้ก็น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น สามารถอ่านบทสรุปการเดินทางอันน่าทึ่งของ BGB ได้ในบทความ BGB ทำ ATH ใหม่ในเดือนพฤศจิกายน (มีหลายภาษา) หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่มาพร้อมกับ BGB ก็สามารถดูได้ในคู่มือนี้ นอกจากนี้เรายังมีบทวิเคราะห์ BGB รายสัปดาห์ในซีรีส์ Bitget Hot Takes และรายเดือนในซีรีส์ BGB Sail: BGB Sail: ฉบับเดือนตุลาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกันยายน BGB Sail: ฉบับเดือนสิงหาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกรกฎาคม BGB Sail: ฉบับเดือนมิถุนายน BGB Sail: ฉบับเดือนพฤษภาคม BGB Sail: ฉบับเดือนเมษายน BGB Sail: ฉบับเดือนมีนาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ สัญญาณผสม ความผันผวนล่าสุดในตลาดคริปโตอาจเป็นผลมาจากทั้งข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐที่เป็นบวกและความล่าช้าในการตัดสินใจเกี่ยวกับ ETF คริปโต ราคาในสหรัฐอเมริกายังคงทรงตัวในเดือนตุลาคม ส่งผลให้ CPI ทั่วไปต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2021 แม้ว่าเราจะค่อยๆ ใกล้ถึงเป้าหมาย 2% แต่ FED ก็มีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันไว้ถึงในปี 2024 หากทั้งข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลการจ้างงานยังคงบ่งชี้ถึงการหดตัวอยู่ เมื่อดูข้อมูลจาก FedWatch Tool จะเห็นได้ว่าตลาดค่อนข้างแน่ใจเต็มที่ว่าจะไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนธันวาคม ETF คริปโตและหุ้นการขุดคริปโตมีช่วง Rally สั้นๆ ตามตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม การ Rally ล่าสุดก็สะดุดลงจากข่าวการตัดสินใจของ ก.ล.ต. สหรัฐ (SEC) ที่จะชะลอการพิจารณาการยื่นขอจด Bitcoin Spot ETF จาก Franklin Templeton, Global X, Hashdex (ยื่นขอแปลง) และ Ethereum Spot ETF ของ Hashdex ดูเหมือนว่าเราต้องรอจนถึงเดือนมกราคม 2024 เพื่อยืนยันเทรนด์ ส่วนความหวังในเชิงบวกก็เริ่มจางหายไปดังที่เห็นได้จากหุ้นคริปโตตัวหลักๆ เช่น BITO, BITI, BITX และ MSTR ในทางกลับกัน ราคา COIN พุ่งขึ้น 7.9% หลังจากมีข่าวรายงานยอดถือครองของสำนักงานบำนาญแห่งชาติเกาหลีใต้ (National Pension Service: NPS) ซึ่งเป็นกองทุนบำนาญที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ โดยในรายงานเผยว่าได้เข้าซื้อหุ้น Coinbase มูลค่า 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ข่าวสาร Bitget ล่าสุด นอกเหนือไปจาก BGB ที่เป็นโทเค็นดั้งเดิมของ Bitget ซึ่งพุ่งขึ้นอย่างน่าประทับใจแล้ว เราก็ยังได้เห็นโปรเจกต์ที่คุ้นหน้าคุ้นตาพุ่งขึ้นด้วยเช่นกันในการเทรด Spot บน Bitget ทั้ง MOVER/USDT (ลิสต์ครั้งแรกบน Bitget เมื่อ 14 มีนาคม 2023), CHAPZ/USDT (ลิสต์ครั้งแรกบน Bitget เมื่อ 13 พฤศจิกายน 2023), TYPE/USDT (ลิสต์ครั้งแรกบน Bitget เมื่อ 5 กรกฎาคม 2023) และ TEM/USDT (ลิสต์ครั้งแรกบน Bitget เมื่อ 17 มีนาคม 2023) วันนี้เรากำลังเปิดให้คุณแนะนำโปรเจกต์เข้ามา โดยส่งข้อมูลโปรเจกต์ที่คุณชื่นชอบเข้ามา แล้วรับเลย 100 USDT เมื่อได้ลิสต์บน Bitget! แน่นอนว่าการลิสต์ใน Spot ของเรานั้นมาพร้อมกับดีลที่เป็นของดีเด็ดๆ เสมอ:• Bitget Savings: โทเค็นใหม่จะได้รับการเพิ่มเข้าไปใน Savings Vault ของเราภายในไม่กี่วันหลังจากลิสต์ โดยให้ APR สูงสุดถึง 100% ในระยะเวลาที่จำกัด! • Bitget Launchpool: คล้ายกับ Bitget Savings แต่ตัวเลือกนี้ให้ผู้ที่ถือครอง BGB ได้นำยอดถือครองของตนไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ • ซื้อโทเค็นไร้ธรรมเนียม: เรามีโทเค็นมาใหม่ทุกสัปดาห์ และในช่วง 7 วันแรก คุณสามารถซื้อได้ด้วยบัตรเครดิต/เดบิตโดยไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ สัปดาห์นี้เราได้เพิ่ม GAS เข้ามาในโปรแกรม อย่าปล่อยให้โอกาสดีๆ แบบนี้ผ่านไป! ดีลเด็ดโดนใจรออยู่อีกเพียบ • ลงวันที่ไว้เลยกับดีล Black Friday จาก Bitget สำหรับ ภูมิภาคสหภาพยุโรป, สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย, สเปน โปรตุเกส และภูมิภาคลาตินอเมริกา! • ดูโปรแกรมไร้ค่าธรรมเนียมของ Bitget เลย เข้าร่วมได้ทุกวันพุธและทุกสุดสัปดาห์ เฉพาะผู้ใช้ Bitget ที่มีบัตรเครดิต/เดบิตเท่านั้น! • เข้าร่วม Deposit2Win: Mystery Box บรรจุ ETH, BGB, USDT, TIA, T2T2 และ GAS มูลค่า US$50,000 รอให้คุณมาเปิดอยู่! • พิเศษสุดสำหรับนักลงทุนสถาบัน: ฝาก EUR รับ VIP Pass 30 วัน! • Bitget Snowball และ Bitget Smart Trend: ระยะเวลา Subscription ใหม่เริ่มต้นทุกวันจันทร์! • ข้อเสนอสุดพิเศษรายสัปดาห์: APR สูงสุดถึง 10% ใน Bitget Wealthy Tuesday! ปริมาณการเทรดในการเทรด Spot บน Bitget ลดลง 14.2% ตลาด Futures บน Bitget มี OI คริปโตเฉลี่ยหดตัว 8.0% และมี OI ของ Bitcoin เฉลี่ยลดลง 10.5% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา การปรับตัวลงนี้สะท้อนถึงสัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin ในตลาด Futures ของเราที่ลดลงอีก 2.9% ไปอยู่ที่ 45.7% ซึ่งเป็นผลจากการที่ตลาดชะลอตัวลง ศูนย์รางวัล Bitget อัปเกรดแล้ว ผู้ใช้ใหม่สามารถรับไปฟรีๆ ได้สูงสุดถึง 5,027 USDT พร้อมรับโบนัสเพิ่มเติมเมื่อเข้าสู่ระบบบัญชีของตนทุกวัน สมัครเลยเพื่อรับประโยชน์สูงสุดจากโปรโมชันของเรา! โปรโมชันใหม่ เข้าร่วมทีม Bitget Builder — รับส่วนแบ่งจากงบประมาณสำหรับโปรโมชันออฟไลน์มูลค่า US$20,000 และชิงรางวัลผลิตภัณฑ์ “ตระกูล Apple”! บัญชีสถาบันเท่านั้น: ฝาก EUR รับฟรี VIP Pass 30 วัน! Art de Finance (ADF) จะได้รับการลิสต์บน Bitget เข้าร่วมเพื่อรับส่วนแบ่งจาก 700 ADF เลย! Tenset (10SET) จะได้รับการลิสต์บน Bitget เข้าร่วมแล้วรับส่วนแบ่งจาก 10SET มูลค่า US$15,000 เลย! ฝากเพื่อลิสต์: CREPE Token (CRE) - ฝากแล้วรับส่วนแบ่งจากรางวัล 359,000 CRE! Position Grid เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการ — เข้าร่วมและรับส่วนแบ่งจาก Pool รางวัลมูลค่า 30,000 BGB กันเลย! ศึกจ้าวคริปโต Bitget: กระทิง ปะทะ หมี! แต่งบ้านไปกับรางวัลรับเทศกาล! ฝาก US$100 รับโบนัส US$100! RATS (RATS) จะได้รับการลิสต์บน Bitget เข้าร่วมเพื่อรับส่วนแบ่งจาก 6,000 USDT เลย! อีเวนต์เหรียญยอดนิยม 5: รับส่วนแบ่งจากรางวัล 10,000 USDT และ 10,000 BGB! ทำการเทรด Spot Margin ในเดือนพฤศจิกายนเพื่อรับส่วนแบ่งจาก 60,000 USDT และ Mystery Box! รางวัลสำหรับผู้ใช้ใหม่ — ฝาก IOTX เพื่อรับส่วนแบ่งจาก 380,000 IOTX เริ่มใช้งาน Bot Copy Trading เพื่อรับส่วนแบ่งจาก 50,000 USDT Neutron (NTRN) จะได้รับการลิสต์บน Bitget เข้าร่วมแล้วรับส่วนแบ่งจาก NTRN มูลค่า $6,000 เลย! ฝากเพื่อลิสต์: D3D Social (D3D) - ฝากแล้วรับส่วนแบ่งจากรางวัล 30,000 USDT! Learn2Earn: ทำแบบทดสอบ Verified USD (USDV) เพื่อลุ้นรับรางวัล 20,000 USDV และ 10,000 BGB! Verified USD (USDV) จะได้รับการลิสต์บน Bitget เข้าร่วมเพื่อรับส่วนแบ่งจาก 10,000 USDV เลย! Copy Trading — เชิญผู้ติดตามมาชิงรางวัล 50,000 USDT กัน ชวนอ่าน โทเค็น BRC-20: ก้าวถอยหลังและเดินหน้าต่อ Pyth Network (PYTH): ผู้ปฏิวัติวงการใน DeFi Oracle การแฮ็ก Poloniex, การโจมตี Create2 และการปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัล BGB Sail: ฉบับเดือนตุลาคม มอง Bitcoin ในอนาคต: การคาดการณ์ราคาคริปโทเคอร์เรนซี Bitget เปิดตัวโหมดส่วนตัวสำหรับ Copy Trading โหมดส่วนตัวสำหรับ Copy Trading: เนื้อหาที่ Elite Trader ต้องอ่าน โหมดส่วนตัวของ Bitget: เนื้อหาที่ผู้ติดตามต้องอ่าน เพียงแค่สร้างบัญชี แล้วเริ่มสำรวจ Bitget-Verse ที่น่าทึ่งวันนี้เลย!

Bitget Hot Takes (20 พฤศจิกายน - 26 พฤศจิกายน)

Bitget Hot Takes คือซีรีส์จดหมายข่าวรายสัปดาห์สุดพิเศษโดย Bitget Academy เป็นคู่มือการเริ่มต้นที่ครอบคลุมสำหรับผู้สนใจคริปโตทุกคน สามารถดู Bitget Hot Takes ล่าสุดได้ที่นี่ ธีมหลัก • Bitcoin แตะ US$38,000 รับเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า Happy Thanksgiving ให้กับผู้ใช้ Bitget ที่รักของเรา! • Binance ตกลงกับ DoJ, FinCEN, OFAC และ CFTC ส่วน CZ ลงจากตำแหน่ง • Mt. Gox จะเริ่มการชำระคืนในปี 2023 และต่อเนื่องไปถึง 2024 • Sam Altman กลับมารับตำแหน่งใน OpenAI อีกครั้ง BGB ยังคงยืนเหนือ US$0.50 BGB ทำได้ดีทีเดียวในสัปดาห์นี้ ปรับตัวขึ้น 3.7% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา แม้ทั้งตลาดจะได้รับผลกระทบอยู่บ้าง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากข้อกล่าวหาของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ต่อ Binance แต่ BGB ก็ไม่ได้รับผลกระทบ ยิ่งไปกว่านั้นยังปรับตัวขึ้นไปแตะสูงสุดได้ถึง US$0.560936 เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2023 จากความเคลื่อนไหวล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับ BGB ที่มักเป็นไปในเชิงบวก โมเมนตัมก็ยังคงชี้ขึ้น และความผันผวนก็ได้ลดลงอย่างรวดเร็ว ในด้านของโทเค็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนอื่นๆ นั้น BNB เผชิญกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากข่าว ขณะที่ Bitcoin, Ethereum และ XRP เทรดกันในช่วงค่อนข้างคงที่ที่ระดับราคาปัจจุบันหลังจากที่ Bitcoin ขึ้นไปแตะ US$38,000 ทำให้มีความผันผวนโดยรวมน้อยลง แม้ว่า BGB จะไม่ได้รับผลกระทบในแง่ของราคา แต่ก็หนีไม่พ้นความรู้สึกโดยรวมของตลาดที่กลัวจะร่วงลงได้ จึงมีปริมาณและสภาพคล่องลดลง เส้น Accum/Dist แสดงให้เห็นว่าความต้องการ BGB น่าจะลงไปทำ Local Low ในช่วงระหว่างวันที่ 19-23 พฤศจิกายน แต่ตอนนี้ก็กำลังเพิ่มขึ้น สามารถอ่านบทสรุปการเดินทางอันงดงามของ BGB ได้ในบทความ BGB ทำ ATH ใหม่ในเดือนพฤศจิกายน (มีภาษาไทย) หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่มาพร้อมกับ BGB ก็สามารถดูได้ในคู่มือนี้ นอกจากนี้เรายังมีบทวิเคราะห์ BGB รายสัปดาห์ในซีรีส์ Bitget Hot Takes และรายเดือนในซีรีส์ BGB Sail: BGB Sail: ฉบับเดือนตุลาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกันยายน BGB Sail: ฉบับเดือนสิงหาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกรกฎาคม BGB Sail: ฉบับเดือนมิถุนายน BGB Sail: ฉบับเดือนพฤษภาคม BGB Sail: ฉบับเดือนเมษายน BGB Sail: ฉบับเดือนมีนาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ Bitcoin กลับไปที่ US$38,000 นอกเหนือจาก FUD ช่วงสั้นๆ จากดราม่า Binance แล้ว ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ ก็นับว่าเป็นสัปดาห์ที่ค่อนข้างเงียบสงบ จนกระทั่ง Bitcoin ทะยานขึ้นถึง US$38,000 ในช่วงต้นวันขอบคุณพระเจ้า แม้จะรู้สึกเหมือนว่าครั้งสุดท้ายที่เราได้เห็น Bitcoin ในราคานี้นั้นผ่านมานานแล้ว แต่อันที่จริงเพิ่งจะปีที่แล้วนี้เองเมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 ช่วงก่อนที่ Terra (LUNA) จะล่ม เมื่อพูดถึงคริปโทเคอร์เรนซีที่ดังกระฉ่อน ปัจจุบันใช้ชื่อว่า LUNC และกำลังกลับมาอีกครั้งจากความพยายามของชุมชนที่จะชุบชีวิตบล็อกเชนนี้ LUNC ยังคงอยู่ในรายชื่อคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุด 100 อันดับแรกตามมูลค่าตามราคาตลาด (อันดับ 77 ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2023) โดยราคาขึ้นมาแล้ว 22% จากต้นเดือน ส่วนบน Bitget นั้น USTC ก็อยู่ใน Top Gainer รายวัน โดยเพิ่มขึ้น 24 ชั่วโมงที่ 157.9% จบวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ US$0.040438 ปัจจุบันสัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin อยู่ที่ 49.3% (ณ ราคาปิดวันที่ 26 พฤศจิกายน 2023) ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ของราคา BTC จึงยังคงส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดโดยรวม โดยรอบนี้นับว่าเป็นไปในทางที่ดี อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่านี่เป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันแล้วที่ดัชนีความกลัวและความโลภลดลง ราคา BTC ยังคงอยู่ที่ประมาณ US$37,000 และการสะสมก็เพิ่มขึ้นด้วยความหวังว่า “BTC ETF จะได้รับการอนุมัติในเร็ววัน” ข่าวสาร Bitget ล่าสุด แจ้งเตือนรายการลิสต์ใหม่: Holdstation (HOLD) เป็นการลิสต์ครั้งแรกรายการใหม่บน Bitget และ Myro (MYRO) เป็นรายการลิสต์ใหม่ในโซนนวัตกรรมของ Bitget น่าจะไม่ต้องพูดซ้ำกันอีกแล้วถึงโอกาสอันยอดเยี่ยมที่มาพร้อมกับการลิสต์ครั้งแรกบน Bitget ส่วนรายการลิสต์ใหม่นั้นก็มักจะทำผลตอบแทนได้ค่อนข้างดีเช่นกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเรามีการลิสต์ครั้งแรกบน Bitget ใหม่ด้วยกัน 3 รายการ ได้แก่ Vertex (VRTX), D3D Social (D3D) และ Plexus (PLX) ซึ่งทั้ง 3 ตัวก็ได้เป็น Top Gainer รายวันด้วย! นอกจากนี้เรายังได้เห็นการผงาดขึ้นมาของ Degis (DEG) ซึ่งเป็นตัวประเดิมการลิสต์ครั้งแรกบน Bitget ด้วยเช่นกัน โดยพุ่งขึ้น 2 วันติดต่อกันดังที่เห็นในตารางสรุป หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรเจกต์เหล่านี้และสาเหตุที่ทำให้ทำกำไรได้อย่างยอดเยี่ยม ก็สามารถดูได้จากคู่มือต่างๆ ของเราดังต่อไปนี้: พบกับ Degis (DEG) บน Bitget CandyBomb: ประกันภัยคริปโตและจัดการความเสี่ยงในแบบไม่ยุ่งยาก Vertex (VRTX): แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่รวมเอาสิ่งที่ดีที่สุดของ DEX และ CEX เข้าไว้ด้วยกัน D3D Social (D3D): อนาคตของโซเชียลเน็ตเวิร์กแบบกระจายศูนย์ Plexus (PLX): ลดความซับซ้อนของธุรกรรม Cross-Chain Pyth Network (PYTH): ผู้ปฏิวัติวงการใน DeFi Oracle Chappyz (CHAPZ): ใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อส่งเสริมชุมชนที่แท้จริงใน Web3 แน่นอนว่าการลิสต์ใน Spot ของเรานั้นมาพร้อมกับดีลที่เป็นของดีเด็ดๆ เสมอ:• Bitget Savings: โทเค็นใหม่จะได้รับการเพิ่มเข้าไปในคลัง Savings ของเราภายในไม่กี่วันหลังจากลิสต์ โดยให้ APR สูงสุดถึง 100% ในระยะเวลาที่จำกัด! ตัวเลือกที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ได้แก่ D3D, PLX และ CRE ให้ APR สูงสุดถึง 30% และ SKL ให้ APR สูงสุดถึง 160%! รีบรับผลตอบแทนสูงใน Savings เลยก่อนหมดโควตา! • Bitget Launchpool: คล้ายกับ Bitget Savings แต่มีให้ผู้ที่ถือครอง BGB ได้นำยอดถือครองของตนไปใช้จริง! ดีลเด็ดโดนใจรออยู่อีกเพียบ • ดูโปรแกรมไร้ค่าธรรมเนียมของ Bitget เลย: เข้าร่วมได้ทุกวันพุธและทุกสุดสัปดาห์สำหรับผู้ใช้ Bitget ที่มีบัตรเครดิต/เดบิต! • เข้าร่วม Deposit2Win: Mystery Box บรรจุ ETH, BGB, USDT, TIA, T2T2, GAS มูลค่า US$50,000 รอให้คุณมาเปิดอยู่ • พิเศษสุดสำหรับนักลงทุนสถาบัน: ฝาก EUR รับ VIP Pass 30 วัน! • Bitget Snowball และ Bitget Smart Trend: ระยะเวลา Subscription ใหม่เริ่มต้นทุกวันจันทร์! • โอกาสในการรับผลตอบแทนสุดพิเศษรายสัปดาห์: APR สูงสุดถึง 10% ใน Bitget Wealthy Tuesday ปริมาณการเทรด Spot บน Bitget ลดลงครึ่งหนึ่งจากความปั่นป่วนที่เกิดขึ้น ส่วนตลาด Futures บน Bitget มี OI คริปโตเฉลี่ยลดลง 5.7% และมี OI ของ Bitcoin เฉลี่ยลดลง 1.8% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา สะท้อนถึงสัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin ในตลาด Futures ของเราที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 แต่ก็ยังคงต่ำกว่า 50% โดยอยู่ที่ 47.7% ศูนย์รางวัล Bitget อัปเกรดแล้ว ผู้ใช้ใหม่สามารถรับไปฟรีๆ ได้สูงสุดถึง 5,027 USDT พร้อมรับโบนัสเพิ่มเติมเมื่อเข้าสู่ระบบบัญชีของตนทุกวัน สมัครเลยเพื่อรับประโยชน์สูงสุดจากแคมเปญโปรโมชันของเรา! อีเวนต์ใหม่ เข้าร่วมทีม Bitget Builder — รับส่วนแบ่งจากงบประมาณสำหรับอีเวนต์ออฟไลน์มูลค่า US$20,000 และชิงรางวัลผลิตภัณฑ์ “ตระกูล Apple”! บัญชีสถาบันเท่านั้น: ฝาก EUR รับฟรี VIP Pass 30 วัน! รับรางวัลง่ายๆ $3-$10 ได้ทุกสัปดาห์สำหรับผู้ใช้ USD! ฝากและเทรดครั้งแรก ลุ้นคว้าโทเค็นยอดนิยม! สะสมตราและรับรางวัลเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าด้วย Bitget Copy Trading Learn2Earn: ทำแบบทดสอบ Vertex Protocol (VRTX) เพื่อชิง 12,000 VRTX และ 10,000 BGB! Learn2Earn: ทำแบบทดสอบโทเค็น BRC20 เพื่อลุ้นรับรางวัล 5,000 BGB! ฝากเพื่อลิสต์: El Hippo (HIPP) - ฝากแล้วรับส่วนแบ่งจากรางวัล 10,000 USDT! Tenset (10SET) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 10SET มูลค่า $15,000 กัน! Art de Finance (ADF) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 700 ADF กัน! The Root Network (ROOT) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 1,200,000 ROOT กัน! Pyth Network (PYTH) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก PYTH มูลค่า $16,000 กัน! SKALE (SKL) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก SKL มูลค่า $6,000 กัน! D3D Social (D3D) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก D3D มูลค่า $20,000 กัน! Plexus (PLX) จะได้รับการลิสต์บน Bitget — มารับส่วนแบ่งจาก 15,000 USDT กัน! Tezos (XTZ) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก XTZ มูลค่า $6,000 กัน! CREPE Token (CRE) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 540,000 CRE กัน! Holdstation (HOLD) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 13,000 HOLD กัน! Myro (MYRO) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 800,000 MYRO กัน! แต่งบ้านไปกับรางวัลรับเทศกาล! ฝาก $100 รับโบนัส $100! เริ่มใช้งาน Bot Copy Trading เพื่อรับส่วนแบ่งจาก 50,000 USDT ชวนอ่าน โทเค็น BRC-20: ก้าวถอยหลังและเดินหน้าต่อ มูลค่าตามราคาตลาดของโทเค็น BRC-20 แตะระดับ 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ: เพราะเหตุใดและอย่างไร บอกลาความยุ่งยาก: ทำไมคุณควรใช้วิดเจ็ตคริปโตเมื่อทำการเทรด ทำความเข้าใจฟีเจอร์การบล็อกบน Bitget P2P ไขปริศนากลไกทางเทคนิคของการ Stake ในบล็อกเชน การ Stake คริปโต: วิสัยทัศน์สำหรับอนาคต การ Stake ในคริปโตคืออะไร: วิวัฒนาการและมุมมองในอนาคต ทำความเข้าใจกับระยะเวลาล็อกสินทรัพย์ในการ Stake คริปโต การ Stake เชิงกลยุทธ์ในคริปโต: การใช้ระยะเวลาล็อกสินทรัพย์เพื่อให้ได้ผลตอบแทนเต็มที่ เพิ่มรางวัลจากการ Stake คริปโตให้สูงสุด: เจาะลึกการ Stake Solana (SOL) ปลดล็อกศักยภาพกับ Avalanche: Stake AVAX เพื่อรับรางวัล เพิ่มรางวัลจากการ Stake ให้สูงสุดกับ Kusama (KSM) รับรางวัลจากการ Stake คริปโตกับ AAVE เบราว์เซอร์ที่ใช้แล้วรับคริปโตได้: คู่มือปี 2024 เพื่อการรับผลตอบแทนขณะท่องเว็บ คริปโตที่ดีที่สุดในการรับผลตอบแทนแบบ Passive Income: คู่มือปี 2024 เพียงแค่สร้างบัญชี แล้วเริ่มสำรวจ Bitget-Verse ที่น่าทึ่งวันนี้เลย!

สรุปภาพรวม Bitget Crypto Loan

สรุปใจความสำคัญ Bitget Crypto Loan อนุญาตให้ผู้ใช้วางหลักประกันโดยใช้สินทรัพย์ของตนเพื่อกู้ยืมโทเค็นจำนวนหนึ่งได้ ซึ่งจะถือเป็นการใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด Bitget Crypto Loan ต่างจากการกู้ยืมผ่าน DeFi ตรงที่ให้อัตราดอกเบี้ยคงที่, การดำเนินการที่เรียบง่าย, มีความปลอดภัยที่สูงขึ้น, ไม่มีค่าธรรมเนียม Gas On-Chain แล้วยังมีข้อดีอื่นๆ อีกมากมาย Bitget รองรับโทเค็นหลากหลายเพื่อนำมาใช้เป็นหลักประกัน ซึ่งรวมถึง Bitcoin, Ethereum, USDT และอื่นๆ สินทรัพย์คริปโตที่กู้ยืมมาจาก Bitget Crypto Loan สามารถนำไปใช้งานได้อย่างอิสระ เพื่อหลีกเลี่ยง Liquidation คุณสามารถลด LTV ของคุณได้โดยการฝากหลักประกันเพิ่มเติมหรือชำระคืนเงินกู้บางส่วน Bitget Crypto Loan คืออะไร การกู้ยืมคริปโต (Crypto Loan) อนุญาตให้คุณใช้สินทรัพย์คริปโตเป็นหลักประกันในการกู้ยืมคริปโตอื่นๆ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ผู้ใช้สามารถกู้ยืมโทเค็น B จำนวนหนึ่งได้โดยใช้โทเค็น A ในจำนวนที่สอดคล้องกันเป็นหลักประกันในการกู้ยืม นอกจากนั้น ผู้กู้ยืมยังต้องชำระดอกเบี้ยจำนวนหนึ่งด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ โดยปกติแล้วระบบจะกำหนดให้ใช้การวางหลักประกันไว้เกินมูลค่า (Over-Collateralization) เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น นี่คือวิธีที่ Bitget Crypto Loan มอบเงินทุนเพิ่มเติมให้แก่ผู้ใช้เพื่อให้พวกเขาได้ใช้สินทรัพย์ของตนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในขณะที่รับประกันว่าจะสามารถควบคุมหลักประกันได้อย่างมั่นคง ปัจจุบัน Bitget Crypto Loan รองรับเฉพาะการกู้ยืมที่มีระยะเวลาตายตัว (Fixed-Term) เท่านั้น โดยที่อัตราดอกเบี้ยจะยังคงเท่าเดิมตลอดระยะเวลาดังกล่าว ภายใต้โมเดลระยะเวลาตายตัว ผู้ใช้จะต้องชำระคืนเงินกู้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ในกรณีที่ชำระคืนล่าช้า ส่วนที่ค้างชำระจะต้องเสียดอกเบี้ยในอัตรา 200% ของอัตราดอกเบี้ยเดิมของเงินกู้นั้นๆ อัตราส่วนเงินกู้ต่อมูลค่า (LTV) คืออะไร อัตราส่วนเงินกู้ต่อมูลค่า (Loan-To-Value: LTV) เป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้การประเมินความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในการกู้ยืมคริปโตอัตราส่วน LTV = มูลค่าของหนี้สิน ÷ มูลค่าของหลักประกัน อัตราส่วนเงินกู้ต่อมูลค่า (LTV) มีความผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์และดอกเบี้ยที่ได้รับ เพื่อลดความเสี่ยงของการขาดแคลนหลักประกัน เราจึงได้กำหนดมาตรฐานการควบคุมความเสี่ยง 3 ข้อไว้สำหรับอัตราส่วนเงินกู้ต่อมูลค่า โดยพิจารณาจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกัน ทั้งนี้ มาตรฐานการควบคุมความเสี่ยงทั้ง 3 ข้อสำหรับ Order จะถูกกำหนดขึ้นโดยสินทรัพย์หลักประกัน (Collateral Asset) ที่เลือกไว้ ณ เวลาที่ทำการกู้ยืม LTV เริ่มต้น: อัตราส่วน LTV เริ่มต้นจะกำหนดวงเงินกู้ยืมสูงสุดที่ผู้ใช้กู้ได้ โดยอิงตามจำนวนหลักประกันของตน สมมติว่า LTV เริ่มต้นของ BTC อยู่ที่ 65% และคุณใช้ BTC มูลค่า 1,000 USDT เป็นหลักประกัน คุณก็จะสามารถกู้ยืมสินทรัพย์อื่นๆ ได้ในมูลค่าสูงสุดถึง 650 USDT Margin Call LTV: เมื่ออัตราส่วน LTV ไปแตะระดับ Margin Call LTV คุณจะได้รับแจ้งเตือนให้เติมหลักประกันของคุณ ซึ่งหมายความว่า Order ที่เกี่ยวข้องมีระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นกว่าเดิมแล้ว Liquidation LTV: เมื่ออัตราส่วน LTV ถึงอัตราส่วน Liquidation LTV ระบบจะ Liquidate หลักประกันและปิด Order ที่เกี่ยวข้อง ความแตกต่างระหว่างการกู้ยืมของ Bitget และการกู้ยืมผ่าน DeFi Bitget Crypto Loan โดดเด่นกว่าการกู้ยืมผ่าน DeFi ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่, ไม่มีข้อกำหนดสำหรับ Address ภายนอก, ขั้นตอนการดำเนินการกู้ยืมที่ง่ายดายยิ่งกว่าเดิม และไม่มีค่าธรรมเนียม Gas แง่มุม Bitget Crypto Loan การกู้ยืมผ่าน DeFi ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย ต่ำ (ระยะเวลาตายตัว) สูง ข้อกำหนดสำหรับ Address ภายนอก N/A มี การดำเนินการกู้ยืม เรียบง่าย (ไม่มีการดำเนินการแบบ On-Chain) ซับซ้อน (การดำเนินการแบบ On-Chain) ราคา ไม่มีค่าธรรมเนียม Gas ต้องเสียค่าธรรมเนียม Gas ความเสี่ยง ความเสี่ยงจากการดำเนินการส่วนบุคคล ความเสี่ยงจาก Smart Contract ความเสี่ยงจาก Oracle ความเสี่ยงที่จะเกิด Liquidation การยืนยันตัวตน มี N/A คริปโทเคอร์เรนซีที่มีให้บริการสำหรับหลักประกันและการกู้ยืม ปัจจุบัน Bitget รองรับ Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Tether (USDT) และสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อใช้เป็นหลักประกันและใช้ในการกู้ยืม คุณสามารถไปที่หน้าแรกของ Bitget Crypto Loan เพื่อดูรายการสินทรัพย์ทั้งหมดได้เลย ทั้งนี้ โปรดทราบว่า Bitget Crypto Loan ไม่รองรับการกู้ยืมสินทรัพย์ในสกุลเดียวกันกับหลักประกันที่ใช้งาน ตัวอย่างเช่น คุณไม่สามารถใช้ BTC เป็นหลักประกันในการกู้ยืม BTC เพิ่มเติมได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คุณจะสามารถกู้ยืม BTC ได้โดยใช้สินทรัพย์อื่นเป็นหลักประกันเท่านั้น วงเงินกู้ยืมสูงสุดจะถูกกำหนดโดยวงเงินของบัญชีของคุณหรือสินทรัพย์ที่มีอยู่ใน Pool โดยระบบจะเลือกใช้จำนวนใดก็ตามที่มีมูลค่าต่ำกว่า ทั้งนี้ วงเงินของบัญชีของคุณ หมายถึง วงเงินกู้ยืมรายบุคคลของคุณสำหรับคริปโทเคอร์เรนซีแต่ละรายการ ในปัจจุบัน จำนวนขั้นต่ำสำหรับการกู้ยืม 1 รายการ คือ 200 USDT ซึ่งเป็นจำนวนที่คำนวณขึ้นตามราคาดัชนีของคริปโทเคอร์เรนซีที่กู้ยืมมาเมื่อเทียบกับ USDT อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าวงเงินดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง การใช้สินทรัพย์จากการกู้ยืมคริปโต เมื่อคุณกู้ยืมสินทรัพย์จาก Bitget Crypto Loan คุณสามารถตัดสินใจได้เลยว่าจะใช้สินทรัพย์คริปโตที่ยืมมาอย่างไร โดยคุณสามารถเทรดสินทรัพย์ที่ยืมมาในตลาด Spot, ใช้สินทรัพย์นั้นเพื่อ Subscribe กับผลิตภัณฑ์ Earn ของ Bitget, ถอนสินทรัพย์ดังกล่าวออกจากแพลตฟอร์ม หรือจะนำไปใช้งานในด้านอื่นๆ ก็ได้อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องล็อกหลักประกันไว้ใน Bitget Crypto Loan เสมอเพื่อให้การรับรองสินทรัพย์ที่กู้ยืมมา วิธีรับเงินกู้คริปโตบน Bitget อันดับแรกให้เปิดหน้าแรกของ Bitget Crypto Loan จากนั้นเลือกสินทรัพย์คริปโตที่คุณต้องการกู้ยืมแล้วคลิก “กู้ยืม / Borrow” เลือกประเภท “ระยะเวลาการกู้ยืม / Loan Term” พร้อมทั้งสินทรัพย์ที่ต้องการกู้ยืม และหลักประกันจากบัญชี Spot ของคุณ ตรวจสอบรายละเอียดการกู้ยืมให้รอบคอบ รวมถึงอัตราดอกเบี้ย, LTV เริ่มต้น, Margin Call LTV และ Liquidation LTV เมื่อแน่ใจว่าข้อมูลทั้งหมดถูกต้องแล้ว ให้คลิก “ยืนยัน / Confirm” เพื่อส่งข้อมูลการขอเงินกู้ เมื่อได้รับการยืนยัน ระบบจะฝากหลักประกันของคุณเข้าสู่ Bitget Crypto Loan และปล่อยสินทรัพย์ที่กู้ยืมให้โดยอัตโนมัติ คลิกเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Bitget Crypto Loan การคำนวณดอกเบี้ยและ Liquidation เงินกู้ ดอกเบี้ย = เงินกู้ × (อัตราดอกเบี้ยรายวัน ÷ 24) × ชั่วโมงในระยะเวลา ระบบจะคำนวณดอกเบี้ยเป็นรายชั่วโมงโดยช่วงสะสมดอกเบี้ยขั้นต่ำคือ 1 ชั่วโมง (ช่วงสะสมดอกเบี้ยที่น้อยกว่า 1 ชั่วโมงจะถูกนำไปคำนวณเป็น 1 ชั่วโมง) ทั้งนี้ ช่วงสะสมดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น 1 ชั่วโมงสำหรับแต่ละ 1 ชั่วโมงที่ผ่านไป Liquidation เงินกู้ หมายความว่าผู้ให้กู้ยืมมีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของหลักประกันของคุณทันทีหากคุณไม่ปฏิบัติตามภาระหน้าที่ดังที่กำหนดไว้ กรณีเช่นนี้อาจเกิดขึ้นได้ เช่น เมื่อมูลค่าของหลักประกันลดลง หรือเมื่อมูลค่าของสินทรัพย์ที่กู้ยืมมาเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจากดอกเบี้ยที่สะสม กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ระบบจะทริกเกอร์ Liquidation เมื่อ LTV เกิน Liquidation LTV นั่นเอง เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระคืนเงินกู้ในระหว่างกระบวนการ Liquidation ระบบจะแปลงสินทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกันให้เป็นเหรียญที่กู้ยืมมาในราคาตลาด Spot ปัจจุบัน แล้วระบบจะ Liquidate ในแต่ละครั้งโดยอัตโนมัติด้วยอัตรา 50% ของหลักประกัน จนกว่าอัตราส่วน LTV จะต่ำกว่าอัตราส่วน LTV เริ่มต้น หากหลักประกันที่เหลืออยู่หลังจาก Liquidation บางส่วน คือ 100 USDT หรือน้อยกว่านั้น ระบบจะทำการ Liquidate Position ทั้งหมด นอกจากนี้ ระบบจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 2% จากจำนวน Liquidation และสินทรัพย์ที่เหลือจะถูกส่งคืนไปยังบัญชี Spot ของคุณ เพื่อหลีกเลี่ยง Liquidation คุณสามารถลด LTV ของคุณได้โดยการฝากหลักประกันเพิ่มเติมหรือชำระคืนเงินกู้บางส่วน ทั้งนี้ เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณตรวจสอบ LTV ของคุณและรักษาอัตราดังกล่าวให้ต่ำอยู่เสมอเพื่อหลีกเลี่ยง Liquidationหากยังไม่ได้เป็น Bitgetter สมัครเพื่อเริ่มต้นการเดินทางของคุณสู่โลกคริปโตได้เลย!

Plexus (PLX): ลดความซับซ้อนของธุรกรรม Cross-Chain

เมื่อเทคโนโลยีบล็อกเชนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประสบการณ์การใช้งานก็ทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในการที่จะให้มีผู้คนในวงกว้างนำบล็อกเชนไปใช้งาน ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะส่งเสริมความสามารถในการทำงานร่วมกันและทำให้ DeFi ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น จึงได้มีการสร้าง Plexus ขึ้นด้วยความมุ่งมั่นที่จะเชื่อมต่อสภาพคล่องจากทุก Chain เข้าด้วยกันโดยไม่ต้องมีการสร้างสภาพคล่องเป็นของตนเอง ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคตที่สามารถทำธุรกรรม Cross-Chain กับสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทต่างๆ ได้ในรูปแบบที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และคุ้มต้นทุน Plexus คืออะไร Plexus เป็น DEX Aggregator แบบ Cross-Chain ซึ่งเป็น Bridge ที่เชื่อมต่อเครือข่ายบล็อกเชนต่างๆ เข้าด้วยกัน และทำให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ในการ Swap แบบ Cross-Chain ที่รวดเร็วที่สุด ถูกที่สุด และปลอดภัยที่สุด Plexus แตกต่างจาก Bridge แบบดั้งเดิม โดยโดดเด่นด้วยการให้ความสำคัญกับประสบการณ์การใช้งานผ่าน Cross-Chain Routing Protocol (CCRP) ที่ใช้อัลกอริทึม Theta วิสัยทัศน์ของแพลตฟอร์มคือการเป็นศูนย์กลาง DeFi ที่ทุกคนสามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนสินทรัพย์บนบล็อกเชนใดก็ได้ได้อย่างง่ายดายเพียงไม่กี่คลิก Plexus ทำงานอย่างไร Plexus จัดการปัญหาความท้าทายด้านขีดความสามารถในการทำงานร่วมกันที่มีอยู่ในระบบนิเวศบล็อกเชนปัจจุบันผ่านเทคโนโลยี CCRP ที่ปฏิวัติวงการ โปรโตคอลนี้ทำหน้าที่เป็นแกนหลัก โดยทำให้เกิด Node เครือข่ายบน Layer-1 Chain แต่ละ Chain ซึ่งในการยกระดับประสิทธิภาพของการ Swap แบบ Cross-Chain นั้น ข้อมูลสภาพคล่องแบบเรียลไทม์จากทุก Chain จะมาบรรจบกันที่ Relayer Node แล้วอัลกอริทึมจะคำนวณเส้นทางการแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมที่สุด กระบวนการที่มีลักษณะเฉพาะนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถดำเนินธุรกรรม Swap ระหว่าง Chain ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยด้วยการยืนยันเพียงครั้งเดียว ที่มา: เว็บไซต์ Plexus การออกแบบ CCRP ยังช่วยยกระดับความปลอดภัยและเสถียรภาพของการ Swap แบบ Cross-Chain ที่ดำเนินการบน Plexus อีกด้วย ในขณะที่โปรโตคอล Cross-Chain แบบดั้งเดิมใช้งาน Validator Node แยกกัน แต่ Plexus จะใช้ Relayer Node และ Oracle แบบกระจายศูนย์เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของการสื่อสารแบบ Cross-Chain โดยหลักฐานธุรกรรมจาก Chain A จะถูกส่งไปยัง Validator Contract ใน Chain B โดยตัว Relayer Node ส่วน Oracle แบบกระจายศูนย์นั้นก็จะถ่ายโอนข้อมูลจาก Chain A ไปยัง Validator Contract ของ Chain B ไปด้วยในเวลาเดียวกัน กระบวนการตรวจสอบความถูกต้องแบบคู่นี้ช่วยเสริมความปลอดภัย ทำให้มั่นใจได้ว่าการประมวลผลธุรกรรมจะมีความรวดเร็ว มีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำ และมีประสบการณ์การใช้งานที่ปลอดภัย Plexus นำเสนอชุดผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้ ดังนี้: - การ Swap แบบ Cross-Chain: การ Swap แบบ Cross-Chain สามารถเป็น Bridge เชื่อมโยงทุกโทเค็นบนหลากหลาย Chain ได้ด้วยธุรกรรมเดียว ซึ่งช่วยลดความจำเป็นที่ผู้ใช้จะต้องฝ่าด่านความซับซ้อนของ DEX และ Bridge มากมายไปทีละตัว ผลิตภัณฑ์นี้ยังช่วยให้ผู้ใช้ชำระค่าธรรมเนียม Gas สำหรับการ Swap แบบ Cross-Chain ด้วยโทเค็นปลายทางเพียงอย่างเดียวได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือผู้ใช้สามารถ Swap ระหว่าง Chain ต่างๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องถือโทเค็นแยกสำหรับแต่ละ Chain ใน Wallet ของตัวเองเพื่อชำระค่าธรรมเนียม Gas แยกกัน โดยแพลตฟอร์มจะหักค่าธรรมเนียม Gas จากโทเค็นปลายทางไปโดยอัตโนมัติ แล้วคืนส่วนที่เหลือให้กับผู้ใช้ - การ Swap หลายโทเค็นแบบ Cross-Chain: Plexus ช่วยให้กระบวนการย้ายหลายโทเค็นข้ามไป Chain ต่างๆ นั้นทำได้ง่ายขึ้น โดยให้ผู้ใช้สามารถประมวลผลการ Swap แบบ Cross-Chain หลายรายการได้ในธุรกรรมเดียว ซึ่งไม่เพียงจะช่วยประหยัดค่าธรรมเนียม Gas เท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับประสิทธิภาพโดยรวมอีกด้วย - Cross-Chain Vault: Plexus Vault จัดการกับความซับซ้อนของการต้องเข้าไปใช้งานหลายโปรโตคอล, DEX และแพลตฟอร์ม Liquidity Staking ตาม Chain ต่างๆ หลายแห่ง โดยทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลสภาพคล่องจากแหล่งต่างๆ เข้ามา ทำให้ผู้ใช้ Plexus Vault มีสภาพแวดล้อมการ Stake ที่เต็มประสิทธิภาพด้วยอินเทอร์เฟซการใช้งานเดียว กระบวนการ Stake จึงทำได้ง่ายขึ้น - Cross-Chain API: Plexus API ช่วยให้ผู้ใช้และพาร์ทเนอร์เรียกข้อมูลสัญญาแบบ Cross-Chain ได้ รวมไปถึงสามารถดึงข้อมูลและ Swap แบบเหมาะสมที่สุดได้ ด้วยการผสานการทำงานของ Chain, Bridge และ DEX ต่างๆ มากมาย จึงทำให้ Plexus API สามารถนำเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมเพื่อการเข้าถึงข้อมูลสภาพคล่องและดำเนินการธุรกรรมแบบ Cross-Chain ได้ เศรษฐศาสตร์ของโทเค็น โทเค็น PLX หัวใจสำคัญของ Plexus คือโทเค็น PLX ซึ่งขับเคลื่อนโมเดลธุรกิจและฟังก์ชันด้านอรรถประโยชน์ของ Plexus โปรโตคอล Plexus มีการสร้างรายได้ ซึ่งรายได้นี้จะจัดสรรอย่างมีกลยุทธ์เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชน แผนการแจกจ่ายมีความโปร่งใส โดย 40% มอบให้กับผู้ถือ PLX, 40% ให้กับกองทุนการซื้อคืน และ 20% ให้กับ Treasury สำหรับค่าธรรมเนียม Gas แนวทางที่มีโครงสร้างนี้สร้างหลักประกันให้กับระบบนิเวศที่ยุติธรรมและยั่งยืน โทเค็น gPLX Governance PLEXUS (gPLX) ทำหน้าที่เป็นโทเค็นการกำกับดูแล และสามารถรับได้จากนำโทเค็น PLX มา Stake ตามระยะเวลาที่กำหนด โดยสำหรับทุก PLX ที่ Stake นั้น ผู้ Stake จะได้รับ 1 gPLX ซึ่งแสดงถึงความเป็นเจ้าของและการกำกับดูแลภายในระบบนิเวศของ Plexus ผู้ถือ gPLX จะได้รับดังนี้: - สิทธิ์โหวต: ผู้ถือมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำกับดูแล Plexus โดยจะมีอิทธิพลต่อนโยบาย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การดำเนินงานของโปรโตคอล และยกระดับรูปแบบการกำกับดูแล ผู้ที่มีส่วนร่วมในการอภิปรายและการโหวตของ DAO จะได้รับรางวัลเป็นโทเค็น PLX ซึ่งเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและการมีส่วนช่วยในโปรโตคอล Plexus - การแบ่งรายได้ของโปรโตคอล: สมาชิกการกำกับดูแล (ผู้ Stake) จะได้รับค่าธรรมเนียมธุรกรรม Plexus จำนวน 16.5% เป็นรางวัลจากการ Stake ซึ่งแบ่งไปตามสัดส่วนที่ตนได้ Stake ไว้ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผู้เข้าร่วมที่กระตือรือร้นจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ครอบคลุมและคุ้มค่า PLX พร้อมให้บริการบน Bitget เรายินดีที่จะประกาศว่า PLX จะได้รับการลิสต์บน Bitget ในวันที่ 24 พฤศจิกายน โทเค็น PLX เป็นส่วนสำคัญของแพลตฟอร์ม Plexus ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งเครื่องมือสำหรับอรรถประโยชน์และช่องทางในกระบวนการกำกับดูแล กล่าวสั้นๆ คือช่วยให้ผู้ใช้ได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและกำหนดทิศทางการดำเนินงานของ Plexus ได้ จึงพลาดไม่ได้กับโอกาสที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของการพลิกโฉมระบบกระจายศูนย์นี้ โดยสามารถเทรด PLX ได้บน Bitget และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตแห่ง DeFi ไปกับ Plexus วิธีเทรด PLX ที่ Bitget ขั้นตอนที่ 1: ไปที่หน้า “การเทรด Spot PLXUSDT / PLXUSDT spot trading” ขั้นตอนที่ 2: ป้อนจำนวนและประเภท Order จากนั้นคลิก “ซื้อ/ขาย หรือ Buy/Sell” สามารถดูวิธีการโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีการเทรด Spot บน Bitget ได้ที่ ​คู่มือฉบับเจาะลึกสู่การเทรด Spot บน Bitget เมื่อมองไปยังอนาคต Plexus ไม่เพียงช่วยให้ทำการ Swap แบบ Cross-Chain ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังจัดการปัญหาความท้าทายที่มากับเรื่องค่าธรรมเนียม Gas อีกด้วย โดยให้ผู้ใช้ได้มีโซลูชันที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพสำหรับการแลกเปลี่ยนโทเค็นข้ามหลากหลายบล็อกเชน ความมุ่งมั่นของแพลตฟอร์มในการยกระดับประสบการณ์การใช้งานทำให้แพลตฟอร์มนี้มีความแตกต่างในภูมิทัศน์ของ DeFi ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ด้วย Plexus ผู้ใช้สามารถตั้งตารออนาคตที่การทำธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ แบบ Cross-Chain นั้นเป็นไปได้ อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อผู้ใช้และคุ้มค่าอย่างน่าทึ่งด้วย เทรด PLX บน Bitget เลย! ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

Pyth Network (PYTH): ผู้ปฏิวัติวงการใน DeFi Oracle

Smart Contract บนบล็อกเชนนั้นดำเนินการได้ด้วยตนและเป็นอัตโนมัติ แต่ไม่มีความสามารถในการดึงและยืนยันข้อมูลแบบ Native จากภายนอกเครือข่าย ข้อจำกัดนี้เป็นอุปสรรคต่อศักยภาพของเครือข่ายเอง เนื่องจากแอปพลิเคชันในโลกแห่งความเป็นจริงมักต้องใช้ข้อมูลภายนอกดังกล่าว Oracle จึงทำหน้าที่เป็น Bridge ที่ดึงและยืนยันข้อมูลภายนอกนี้สำหรับ Smart Contract อย่างไรก็ตาม ความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจของ Oracle เหล่านี้กลายเป็นข้อกังวล เนื่องจากมีอิทธิพลอย่างมากต่อการดำเนินการของ Smart Contract ข้อมูลที่จัดหาโดย Oracle สามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลลัพธ์ของ Smart Contract ทำให้การเลือก Oracle ที่เชื่อถือได้มีความสำคัญอย่างยิ่ง นี่คือเหตุผลว่าทำไม Pyth Network ซึ่งเป็น Oracle แบบกระจายศูนย์จึงได้รับความสนใจในฐานะโซลูชันที่มีศักยภาพ Pyth Network คืออะไร DeFi ได้สัญญาว่าจะปรับเปลี่ยนวิธีที่เราจัดการเงินของเรา ซึ่งเพิ่มขีดความสามารถของบุคคลในการควบคุมโชคชะตาทางการเงินของตนเอง อย่างไรก็ตาม Oracle แบบดั้งเดิมยังมีปัญหาในการจัดหาข้อมูลตลาดที่มีคุณภาพระดับสถาบันและมี Latency ต่ำเป็นพิเศษ ซึ่งจำเป็นสำหรับบริการทางการเงินที่ซับซ้อนบนบล็อกเชน ช่องว่างนี้กระตุ้นการถือกำเนิดขึ้นของ Pyth Network ในปี 2020 Pyth Network เป็น Oracle แบบกระจายศูนย์ที่เป็นนวัตกรรมที่ดึงข้อมูลตลาดการเงินจากผู้เผยแพร่บุคคลที่หนึ่งกว่า 90 ราย รวมถึงแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนและบริษัท Market Making รายใหญ่ทั่วโลก (เช่น CBOE, Binance, OKX, Bybit เป็นต้น) และเผยแพร่ข้อมูลไปยังบล็อกเชนกว่า 40 แห่ง Pyth Network ทำงานอย่างไร ลองนึกภาพ Pyth เป็นมาร์เก็ตเพลสแบบกระจายศูนย์สำหรับข้อมูลตลาด Pyth นั้นแตกต่างจาก Oracle แบบดั้งเดิมที่พึ่งพา Node ที่รวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ โดยโดดเด่นด้วยการจูงใจให้เจ้าของข้อมูลทางการเงินดั้งเดิมมอบข้อมูลดังกล่าวให้กับบล็อกเชนโดยตรง โมเดลข้อมูล "บุคคลที่หนึ่ง" ที่ไม่เหมือนใครนี้ทำให้การใช้งาน Pyth มีความยั่งยืนในโลก DeFi ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้ให้บริการข้อมูลของเครือข่าย ซึ่งประกอบด้วยแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนระดับโลก บริษัทการเทรด และ Market Maker เป็นผู้สร้างและเจ้าของข้อมูลที่พวกเขามอบให้อย่างแท้จริง 3 องค์ประกอบของเครือข่าย Pyth Network 1. ผู้ให้บริการข้อมูล ผู้มีส่วนร่วมใน Pyth คือ แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนระดับโลก, บริษัทการเทรด, Market Maker และผู้ร่วมตลาดแบบสถาบันและแบบกระจายศูนย์อื่นๆ ที่ก่อตัวเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายและให้ข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนโดยตรง Pyth เชี่ยวชาญในข้อมูลราคา 2 ประเภท ได้แก่ ราคาสินทรัพย์ที่เทรดได้จากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน และราคาธุรกรรมล่าสุดจากนักเทรด 2. Pyth Protocol หัวใจหลักของ Pyth คือโปรโตคอลที่ออกแบบมาเพื่อรวบรวมข้อมูลจากผู้ให้บริการต่างๆ รวมเป็นราคาเดียวและช่วงความเชื่อมั่นทุกๆ 400 มิลลิวินาทีสำหรับฟีดราคาแต่ละรายการ การรวบรวมข้อมูลนี้เกิดขึ้นบนบล็อกเชนที่มีการใช้งานเฉพาะที่ชื่อ Pythnet ซึ่งกำหนดค่าเป็น Chain แบบ Proof of Authority เพื่อให้มั่นใจถึงความสมบูรณ์และความแม่นยำของข้อมูล 3. ผู้ใช้ข้อมูล ผู้ใช้ขั้นสุดท้ายซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนบล็อกเชนที่รองรับ Pyth จะอ่านฟีดราคาที่รวบรวมมาเหล่านี้และนำข้อมูลเหล่านี้ไปรวมเข้ากับตรรกะ Smart Contract ของตนอย่างราบรื่น โดยสิ่งที่ทำให้ Pyth แตกต่างคือสถาปัตยกรรม "Pull Oracle" ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้ข้อมูลสามารถขออัปเดตราคาได้เมื่อจำเป็น แนวทางที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ประหยัดค่า Gas ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้จะต้องจ่ายเฉพาะราคาที่ต้องการใช้เท่านั้น ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม Gas จากการอัปเดตที่ไม่ได้ใช้ ผลิตภัณฑ์ของ Pyth Network Pyth Price Feeds Pyth Price Feeds นำเสนอฟีดราคาที่มี Latency ต่ำจำนวนกว่า 350 รายการ อัปเดตทุกๆ 400 มิลลิวินาทีสำหรับสินทรัพย์กลุ่มต่างๆ เช่น คริปโทเคอร์เรนซี, Equity และอื่นๆ โดยผลิตภัณฑ์นี้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีการ Subscription หรือติดต่อกับทีมขาย ซึ่งนักพัฒนาเพียงแค่ต้องผสานรวมผลิตภัณฑ์นี้เข้ากับแอปพลิเคชันของตน Pyth Benchmarks Pyth เป็นมากกว่าการอัปเดตแบบเรียลไทม์ด้วย Pyth Benchmarks ผลิตภัณฑ์นี้อนุญาตให้ผู้ใช้ค้นหาประวัติราคาจาก Pyth Price Feeds ที่เก็บถาวรไว้ โดยให้แนวทางการคำนวณและการนำเสนอที่เป็นมาตรฐาน ทำให้กระบวนการชำระราคาและการประเมินมูลค่ามีความสอดคล้องกัน เหตุใด Pyth Network จึงเป็นผู้ปฏิวัติวงการในหมู่ Blockchain Oracle โมเดลสามเท่าช่วยให้ Pyth Network จัดการกับข้อจำกัดของ Oracle แบบดั้งเดิมได้ โดยมุ่งเน้นไปที่ความเร็ว ความครอบคลุม และการจัดหา/คุณภาพของข้อมูล: - การอัปเดตที่มีความถี่สูงและมี Latency ต่ำ: ในขณะที่ Oracle แบบดั้งเดิมประสบปัญหากับการอัปเดตที่ช้า Pythnet จะอัปเดต Pyth Price Feed แต่ละรายการเป็นจำนวนหลายครั้งต่อวินาที เพื่อให้มั่นใจว่าแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์สามารถเข้าถึงราคาแบบ Off-Chain ล่าสุดได้สำหรับทุกธุรกรรม แนวทางนี้ให้การอัปเดตในระดับที่ก่อนหน้านี้ทำไม่ได้ - ความครอบคลุมของฟีดราคาและความพร้อมใช้งานแบบ Multi-Chain: ศักยภาพทางเทคนิคของ Pyth ช่วยให้สามารถขยายการรองรับฟีดราคาเป็นหลายพันฟีดได้ ด้วยการสนับสนุนจากธุรกรรมที่มีความสามารถในการรับส่งข้อมูล (Throughput) สูงและคุ้มค่าของ Solana ทำให้ Pyth Price Feeds สามารถเข้าถึงได้บนบล็อกเชนที่รองรับ Pyth ทั้งหมดเป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการ Deploy แบบแยกทีละรายการบนแต่ละ Chain เป้าหมาย ทำให้ Pyth เป็น Oracle ที่น่าสนใจสำหรับการเปิดตัวฟีดข้อมูลใหม่ ด้วยเหตุนี้ Pyth Network จึงสามารถรองรับบล็อกเชนได้มากกว่า 40 แห่งในขณะที่เขียนบทความนี้ - ข้อมูลที่มีความละเอียดสูง ความเที่ยงตรงสูง และโปร่งใส: ด้วยการมุ่งเน้นไปที่ข้อมูล "บุคคลที่หนึ่ง" Pyth จึงรับประกันได้ถึงราคาที่แม่นยำ เนื่องจากผู้ให้บริการข้อมูลมีส่วนร่วมในการค้นพบราคา (Price Discovery) อย่างแข็งขัน ความโปร่งใสของกลไกการรวบรวมของ Pyth Network ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบข้อมูลแต่ละหน่วยย้อนกลับไปยัง Public Key ของผู้ให้บริการข้อมูลได้ ความโปร่งใสนี้ ร่วมกับความสอดคล้องกันในด้านชื่อเสียงของผู้ให้บริการข้อมูล ช่วยลดความเสี่ยงของการปลอมแปลงข้อมูลที่ไม่ยุติธรรม โทเค็น PYTH เป็นข้อพิสูจน์ถึงคุณค่าของ Pyth Network โทเค็น PYTH ได้รับการออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อน Pyth ไปสู่ฟังก์ชันการทำงานแบบกระจายศูนย์ มีความยั่งยืนในตนเอง และไม่ต้องอาศัยการอนุญาต (Permissionless) ซึ่งเป็นภารกิจที่เน้นย้ำโดยการนำ On-Chain Governance มาใช้ โดย On-Chain Governance ของ Pyth Network มีบทบาทสำคัญในการกำหนดพารามิเตอร์เครือข่ายที่สำคัญ ตั้งแต่การกำหนดค่าธรรมเนียมการอัปเดตและการแจกจ่ายรางวัลสำหรับผู้ให้บริการข้อมูล ไปจนถึงการอนุมัติการอัปเดตซอฟต์แวร์ทั่วทุกบล็อกเชน PYTH ส่งเสริมความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมจาก Stakeholder ต่างๆ ของ Pyth Network PYTH พร้อมให้บริการบน Bitget เรายินดีที่จะประกาศว่า PYTH ได้รับการลิสต์ในโซนนวัตกรรมและโซน DeFi ของ Bitget แล้ว นี่เป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักลงทุนที่จะเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการ Oracle ของ Pyth Network เข้าร่วม Bitget และเทรด PYTH แล้วโอบรับอนาคตที่ไร้ขีดจำกัดของ DeFi ด้วยความมั่นใจ! วิธีเทรด PYTH บน Bitget ขั้นตอนที่ 1: ไปที่หน้า “การเทรด Spot PYTHUSDT / PYTHUSDT spot trading” ขั้นตอนที่ 2: ป้อนจำนวนและประเภท Order จากนั้นคลิก “ซื้อ/ขาย หรือ Buy/Sell” สามารถดูวิธีการโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีการเทรด Spot บน Bitget ได้ที่ ​คู่มือฉบับเจาะลึกสู่การเทรด Spot บน Bitget เมื่อมองไปข้างหน้า อนาคตของ Pyth Network และ PYTH ก็ดูสดใส ในขณะที่อุตสาหกรรมบล็อกเชนขยายไปสู่สินทรัพย์กลุ่มใหม่ๆ เช่น พลังงาน, อัตรา Treasury และสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง โมเดลข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งของ Pyth Network ก็มีความพร้อมในการรองรับความก้าวหน้าเหล่านี้ โดย Pyth จะแตกต่างจาก Oracle รุ่นเก่าที่มีปัญหาเรื่องข้อจำกัดด้านความเร็ว การกำหนดราคา และการแจกจ่าย เพราะสามารถขยายการรองรับได้โดยไม่กระทบต่อปัจจัยสำคัญเหล่านี้ เทรด PYTH บน Bitget เลย! ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

มูลค่าและราคาของ Ethereum (ตอนที่ 2)

ในตอนที่ 1 เราได้พูดคุยถึงปัจจัยของเงินและดูว่า Ethereum เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมากน้อยเพียงใดกันไปแล้ว ในตอนนี้เราจะพาไปเจาะลึกส่วนที่ซับซ้อนขึ้น ซึ่งก็คือการประเมินมูลค่า จนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครค้นพบโมเดลการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ คริปโทเคอร์เรนซี โมเดลที่มีอยู่ก็เป็นเพียงการดัดแปลงจากของตลาดดั้งเดิม ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างไปอย่างมากและมีตัวแปรน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับโลกดิจิทัลที่ไม่เคยหยุดนิ่ง นี่เป็นเพียงความพยายามที่จะวัดปริมาณศักยภาพในการเติบโตของ Ethereum ซึ่งเป็นคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ตามมูลค่าตามราคาตลาดและเป็นโทเค็นดั้งเดิมของบล็อกเชนเพื่อการนำไปประยุกต์ใช้งานที่ใหญ่ที่สุด Ethereum และ Bitcoin มีความแตกต่างกันโดยธรรมชาติ โมเดลการประเมินมูลค่าที่มีอยู่ส่วนใหญ่จะเป็นวิธีการประเมินมูลค่า Bitcoin ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ประการแรก Bitcoin มีลักษณะเฉพาะของการเป็นหนึ่งในคริปโทเคอร์เรนซีที่เก่าแก่ที่สุด จึงทำให้มีข้อมูลมากมายและเพียงพอ อีกทั้งอุปทานก็มีจำกัดเพียง 21,000,000 หน่วย ซึ่งคล้ายกับลักษณะความขาดแคลน (Scarcity) ของทองคำและหุ้นบางตัว จึงทำให้มีน้ำหนักมากขึ้นในการนำโมเดลที่ได้รับการยอมรับกันอยู่แล้วมาประยุกต์ใช้ อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับทองคำ Bitcoin ทำหน้าที่ไปทางการเป็นที่เก็บรักษามูลค่าเสียมากกว่า (ต้องเน้นว่า ไปทาง…เสียมากกว่า) เพราะ Satoshi ออกแบบสถาปัตยกรรมหลักของบล็อกเชน Bitcoin ด้วยวัตถุประสงค์เฉพาะในการสร้างเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ Peer-to-Peer ล้วนๆ จึงทำให้มีความสามารถในการรับส่งข้อมูล (Throughput) และความสามารถในการปรับตัวที่ต่ำกว่า ในขณะที่ Ethereum นั้นถูกมองว่าเป็นบล็อกเชนเพื่อการนำไปประยุกต์ใช้งานมาตั้งแต่เริ่มต้น โดยมีฟังก์ชันการทำงานของ Smart Contract ในตัวที่สามารถประมวลผลธุรกรรมต่อวินาทีได้ในจำนวนที่มากกว่า จึงช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างได้อย่างง่ายดายและรองรับการประยุกต์ใช้งานที่หลากหลาย ผู้ใช้ Ethereum ทุกคนต้องชำระค่ากิจกรรม (ค่าธรรมเนียม Gas) โดยใช้ ETH จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงราคา ETH กับการขยายตัวของระบบนิเวศ Ethereum ถึงได้มีความสัมพันธ์กัน นอกจากนี้ยังมี L2, Bridge, Oracle และหน่วยงานภายนอกต่างๆ ที่ใช้ประโยชน์จากบล็อกเชน Ethereum ด้วยเช่นกัน การประเมินมูลค่า Ethereum เคยซับซ้อนกว่า Bitcoin เนื่องด้วยกลไกภาวะเงินเฟ้อ (Inflationary) ของอุปทาน ETH แต่โชคดีที่เกิด The Merge ขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญประการหนึ่งคือการลดจำนวน ETH ที่เข้าสู่ระบบรายวัน การเปลี่ยนแปลงนี้คาดว่าจะทำให้กระบวนการประเมินมูลค่าทำได้ง่ายขึ้นในอนาคต หากดูที่ค่าความผันผวน 30 วันของ Ethereum จะพบว่ามาถึงจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2023 และค่าความผันผวน 90 วันต่ำสุดในวันที่ 27 มิถุนายน 2023 จึงมีความสมเหตุสมผลมากขึ้นอย่างแน่นอนที่จะคาดการณ์ราคา ETH โดยใช้ข้อมูลนับตั้งแต่ “The Merge” เป็นต้นไป สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือเรากำลังเข้าสู่ขอบเขตของสมมติฐานที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่ผ่านการลดความซับซ้อนลงหรือตัดออกเพื่อทำให้โมเดลการประเมินมูลค่าต่อไปนี้น่าเชื่อถือ (โดยสรุปคืออย่ายึดสิ่งนี้เป็นสรณะเพียงสิ่งเดียว) ราคาทั้งหมดที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้จะหมายถึงว่าอยู่ในสกุลเงิน USD อุปสงค์และอุปทาน หลักเศรษฐศาสตร์เรื่องอุปสงค์และอุปทานพูดถึงสาเหตุและลักษณะการเปลี่ยนแปลงในราคาของสินทรัพย์ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ตามทฤษฎีแล้ว จะมีอยู่ด้วยกัน 3 สถานการณ์ที่ทำให้ราคาสูงขึ้น ได้แก่ เมื่ออุปสงค์คงที่แต่อุปทานลดลง เมื่ออุปทานคงที่แต่อุปสงค์เพิ่มขึ้น และเมื่ออุปทานลดลงแต่อุปสงค์เพิ่มขึ้นในเวลาเดียวกันซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ เมื่อดูจากความผันผวนของราคา ETH ที่แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เราจะพยายามอธิบายศักยภาพในการเติบโตของเหรียญนี้โดยใช้ทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานก่อน เราสามารถคำนวณความยืดหยุ่นของอุปสงค์ได้ทันทีโดยใช้อุปทานหมุนเวียนและราคาของ Ethereum เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคา ETH คือ 31.39% (จาก 1,472 ในวันที่ 16 กันยายน 2022 เป็น 1,934.05 ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2023) ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงของอุปทานหมุนเวียนของเหรียญคือ -0.24% ซึ่งแปลได้เป็นค่าสัมบูรณ์ที่ 0.01 สำหรับความยืดหยุ่นของราคา บ่งชี้ว่ามีความต้องการ ETH ที่เกือบคงที่ไม่ว่ากลไกตลาดจะเป็นเช่นไรก็ตาม อัตราภาวะเงินฝืดรายวันสูงสุดต่อปีของอุปทานของ Ethereum ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2022 ถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2023 คือ 3.9% ในช่วงเวลาเดียวกัน ราคามีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นควบคู่ไปกับอัตรานี้ ดังแสดงในกราฟด้านล่าง เมื่อลากเส้นเทรนด์ไลน์ให้เป็น “การคาดการณ์ที่ดูมีหลักการที่สุด” ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ราคา ETH จะไปถึงช่วง 3,800 ถึง 4,000 เนื่องด้วยอุปทานมีการเปลี่ยนแปลงที่ต่ำกว่า 0 (ภาวะเงินฝืด) ใน 194 จาก 289 วันนับตั้งแต่ The Merge หรือคิดเป็น 2 ใน 3 เราจึงมั่นใจในการคาดการณ์นี้ 67% สมมติว่าอุปสงค์ยังคงเท่าเดิม ราคา ETH ก็ควรเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หากอุปทานลดลงครึ่งหนึ่งใช่หรือไม่ ต้องบอกว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจยากเกินกว่าจะรับรู้จริงได้ อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 14 ปี (สมมติว่าประมาณการที่ดีที่สุดคืออุปทานลดลง 5% ในแต่ละปี) เพื่อให้อุปทาน ETH ลดลงจากราวๆ 120 ล้านเหลือ 60 ล้าน เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มุ่งหวังที่จะเพิ่มผลกำไรให้ได้สูงสุดภายในกรอบเวลาสั้นๆ การตัดสถานการณ์นี้ออกจากกรณีตัวอย่างที่อาจเกิดขึ้นของเราก็ถือว่าเป็นการประเมินอย่างรอบคอบ เมื่อพูดถึงเรื่องอุปสงค์ ก็ดูเหมือนจะมี 2 ตัวเลือกที่ยุติธรรม นั่นคือ มูลค่าสินทรัพย์ที่ล็อกไว้กับระบบ (Total Value Locked: TVL) และปริมาณ On-Chain โดยที่ TVL จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าเนื่องจากมีความผันผวนน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับตัวชี้วัดอื่นๆ ส่วนปริมาณ On-Chain นั้นขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากสาเหตุชั่วคราว เช่น การไหลเข้าของ Airdrop Hunter ดังนั้นผลกระทบต่อราคา ETH จึงควรจะมีค่อนข้างเล็กน้อยกว่า (ดูเส้นเทรนด์ไลน์ที่แทบจะวิ่งตรงเป็นแนวนอน) กราฟด้านบนช่วยให้เรามีความเข้าใจอย่างกว้างๆ ถึงลักษณะของอุปทาน, TVL และปริมาณ On-Chain ที่ส่งผลต่อราคา ETH ทีนี้เราจะมาลองสร้างโมเดลการถดถอย (Regression Model) ซึ่งอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตอบสนอง (Response Variable) ในที่นี่คือราคา ETH กับตัวชี้วัด 3 ตัวที่กล่าวถึงข้างต้นที่เป็นตัวแปรอธิบาย (Explanatory Variable) กล่าวโดยง่ายคือ ถึงเวลาดูว่าราคา ETH เปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใดเมื่อตัวทำนายแต่ละตัวเปลี่ยนแปลง ที่มา: Bitget Academy นี่คือสรุปของโมเดลของเรา สถิติระบุว่านี่เป็นโมเดลที่สมเหตุสมผล ดังนั้นการคาดการณ์ราคา ETH สามารถกำหนดได้ดังนี้: • วันที่และอุปทานเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้มากกว่า ในขณะที่ปริมาณ On-Chain เป็นปัจจัยที่มีนัยสำคัญน้อยที่สุด • อุปทานและปริมาณ On-Chain มีความสัมพันธ์กันในเชิงลบกับราคา ETH • ราคา ETH เพิ่มขึ้นเมื่อ TVL เพิ่มขึ้น • ราคา ETH เพิ่มขึ้นทุกวัน มีช่วงเวลาที่ทับซ้อนกันระหว่างราคา ETH ที่คาดการณ์ไว้ (ราคาที่ปรับให้เหมาะสม) กับราคา ETH จริง และกราฟของราคาที่ปรับให้เหมาะสมนั้นแทบจะดูเหมือนเป็นเส้นเทรนด์ไลน์ของราคา ETH โปรดทราบว่าโมเดลนี้ไม่ได้พิจารณาถึงเหตุการณ์ต่างๆ เช่น FTX ล่มสลายในเดือนพฤศจิกายน 2022 หรือการอัปเกรด Shapella ในเดือนเมษายน 2023 ดังนั้นจึงมีค่าที่แตกต่างกัน หากมองว่าโมเดลนี้ดีพอที่จะใช้ประมาณราคา ETH อย่างคร่าวๆ ก็สามารถคาดการณ์ราคา ETH ได้ดังนี้: แม้ว่าปริมาณ On-Chain และราคา ETH ดูเหมือนจะเบนออกจากกัน แต่เรายังคงถือว่าเป็นการวัดอุปสงค์ แม้ว่าอาจเชื่อถือได้ไม่ทั้งหมดก็ตาม เพื่อให้บรรลุอัตราภาวะเงินฝืดรายวันต่อปีของอุปทาน ETH ซึ่งเพิ่มขึ้นทุกปีและถึงจุดสูงสุดที่ 3.9% ภายในสิ้นปี 2030 (ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2023) คาดว่าจะมีอัตราเร่ง (Acceleration Rate) ที่ 0.6 ในทำนองเดียวกัน อัตราเสื่อม (Depreciation Rate) ที่ 0.1 ถือว่าสมเหตุสมผลสำหรับทั้ง TVL และปริมาณ On-Chain ของ Ethereum เมื่อพิจารณาพัฒนาการของ บล็อกเชน L1 ที่มีอยู่และที่อาจมาใหม่ในอนาคต แม้ว่าจะตั้งสมมติฐานอย่างกล้าหาญด้วยอัตราเสื่อมที่ 0.5 สำหรับปริมาณ On-Chain ของ Ethereum ราคา ETH ที่เป็นตัวเงินที่คาดการณ์ในปี 2030 จะอยู่ที่ 112,046 โดยพื้นฐานแล้ว ปี 2023 ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นปีที่ดีสำหรับ Ethereum โดยราคาปรับตัวขึ้นจาก 1,196.61 เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2023 ไปเป็น 1,934.05 ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2023 หากเหรียญสามารถรักษาอัตราการเติบโตนี้ได้ มูลค่าที่คาดการณ์ไว้ซึ่งเป็นผลลัพธ์ก็จะเกินกว่าค่าที่ได้จากตัวชี้วัดอุปสงค์/อุปทาน การคาดการณ์นี้จะให้ผลตอบแทน ROI ที่ปรับอัตราเงินเฟ้อแล้วอยู่ที่ 104.1% โดยสมมติว่า CPI เปลี่ยนแปลงต่อปี 2% การคาดการณ์ที่ปลอดภัยที่สุดอยู่ที่ 2,164 ณ สิ้นปี 2030 ซึ่งเทียบเท่ากับ ROI ที่ 11.9% หรือ ROI ที่ปรับอัตราเงินเฟ้อแล้วที่ 2.3% การนำกฎของ Metcalfe มาใช้กับ Ethereum กฎของ Metcalfe มีหลักอยู่ที่ความคาดหวังว่ามูลค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตั้งอยู่ในแกนกลางของเครือข่ายนั้นจะเพิ่มขึ้นผ่านการดำเนินงานของเครือข่าย เหรียญ Ether ทำหน้าที่เป็นรากฐานให้กับกิจกรรมทั้งหมดบนบล็อกเชน Ethereum ซึ่งหมายความว่าควรมีความสัมพันธ์กันในระดับหนึ่งระหว่างราคาหรือมูลค่าตามราคาตลาดของ ETH (ซึ่งแสดงถึงมูลค่าของบล็อกเชน) กับฐานผู้ใช้ เราจะสามารถลองใช้กฎของ Metcalfe เพื่อคาดการณ์ราคา ETH ได้ คำถามจะอยู่ที่การกำหนดตัวบ่งชี้ที่เหมาะสมเพื่อเป็นตัวแทนผู้ใช้ Ethereum เราทดลองใช้ Address ที่มีการใช้งานรายวันและธุรกรรมรายวัน โดยให้น้ำหนักโน้มเอียงไปทาง Address มากกว่า เราใช้การวิเคราะห์การถดถอย (Regression Analysis) อีกครั้งเพื่อทำให้เส้นโค้งของ Metcalfe เข้ากับแต่ละตัวชี้วัดที่กำหนด แต่คราวนี้จะขยายกรอบเวลาออกไปเป็น 5 ปี ด้วยการใช้ค่าสัมประสิทธิ์การตัดสินใจ (Coefficient of Determination) เป็นสถิติหลักในการวัดประสิทธิภาพของโมเดลนี้ สามารถสรุปได้อย่างปลอดภัยว่า Address ที่มีการใช้งานรายวัน (46.7%) หรือธุรกรรมรายวัน (52.2%) ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวทำนายที่เชื่อถือได้สำหรับราคา ETH เมื่อเป็นเช่นนี้ การคาดการณ์ราคา ETH ของเรามีแนวโน้มที่จะเชื่อถือได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ตามการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทาน การประมาณมูลค่ายุติธรรม (Fair Value) สำหรับ Ethereum เมื่อใช้ Address ที่มีการใช้งานรายวัน (Met Active) สอดคล้องอย่างใกล้ชิดกับมูลค่าตามราคาตลาดที่แท้จริงของเหรียญ ในขณะที่เมื่อใช้ธุรกรรมรายวันเป็นตัวแทนของผู้ใช้ (Met Tx) การประมาณการจะให้มูลค่าที่สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยจากข้อมูล ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2023 Met Active และ Met Tx สูงกว่ามูลค่าตามราคาตลาด Ethereum ถึง 27.5% และ 629% ซึ่งบ่งชี้ว่ามีพื้นที่ให้ราคาเติบโตได้อย่างมาก ระหว่างปี 2021 ถึงมิถุนายน 2022 ราคา Ethereum มีมูลค่าสูงกว่าที่ควรเป็น (Overvalued) เมื่อเทียบกับ Met Active ในช่วงเวลาดังกล่าวมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย ทั้งราคาของ Bitcoin ที่ขึ้นไปแตะจุด All Time High ที่เกือบ 70,000 ในเดือนพฤศจิกายน 2021 และ NFT ของ Beeple ที่มีชื่อว่า “Everydays: the First 5000 Days” ถูกขายที่โรงประมูลชั้นนำอย่าง Christie’s ซึ่งเป็น NFT ที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ รวมถึงยังเป็นผลงานที่แพงที่สุดเป็นอันดับ 3 จากศิลปินที่ยังมีชีวิตอยู่ที่เคยขายในการประมูลด้วยราคาสูงถึง 38,525 ETH หรือ 69.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ ขณะนั้น นอกจากนี้ก็เป็นช่วงระหว่างการเตรียมการสำหรับ Ethereum Merge ที่กำหนดไว้ในปี 2022 มูลค่าตามราคาตลาดของ Ethereum ที่พุ่งขึ้นนั้นจึงมีคำอธิบายที่ตามมาอย่างเพียงพอจากกิจกรรมการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นสัดส่วนกันกับอัตราส่วนระหว่างปริมาณ On-Chain กับมูลค่า Met Active หากเราพิจารณาค่า Metcalfe ค่าใดค่าหนึ่งเป็นมูลค่าที่แท้จริงของ Ethereum และถือว่าอัตราภาวะเงินฝืดต่อปีของอุปทานของเหรียญอยู่ที่ 0.3% แล้ว ราคาในอนาคตของ ETH สามารถผันผวนจาก 2,520 ถึง 14,405 ได้ภายในปี 2030 โดยมี ROI อยู่ที่ 30.3% และ 645% ตามลำดับ เมื่อพิจารณาจากอัตราประสิทธิภาพของ Met Active และ Met Tx ที่ประมาณ 50% จะเป็นการรอบคอบมากขึ้นหากดูที่การคาดการณ์โดยพิจารณาจากราคา ETH ปัจจุบัน (1,934 ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2023) และอัตราการเติบโตนับตั้งแต่ The Merge (40% ต่อปี) ซึ่งคิดเป็น ROI ที่ปรับอัตราเงินเฟ้อแล้วที่ 37.25% หรือผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินที่ 12.45 เท่าในช่วง 7 ปี บทสรุป เรามาทบทวนแนวคิดเรื่องอุปสงค์ที่ไม่ยืดหยุ่นสำหรับ ETH ซึ่งเป็นผลโดยตรงจาก Ethereum Merge ไม่มีตัวทำนายใด (อุปทาน, TVL, ปริมาณ On-Chain, Address ที่มีการใช้งานรายวัน หรือธุรกรรมรายวัน) ที่สามารถเสนอการคาดการณ์ที่แข็งแกร่งสำหรับราคา ETH จริงได้ ไม่ว่าจะพิจารณาอัตราการเติบโตตั้งแต่หลังจาก The Merge หรือในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 มีความเป็นไปได้สูงที่ราคา Ethereum จะยังคงแสดงเทรนด์ขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของ Ethereum ในฐานะทางเลือกอันดับแรกแทน BTC และสถานะในการเป็นเหรียญที่มีอรรถประโยชน์มากที่สุด เมื่อดูจากการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) มักไม่รวม ETH อยู่ในคดีที่เกี่ยวข้องกับคริปโต รวมถึงการยื่นขอจด Ethereum ETF อีกหลายกองที่รอการอนุมัติ และดูจาก Ethereum Wallet ของมูลค่า 2.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐของอดีตประธานาธิบดี Trump ของสหรัฐอเมริกา ก็เห็นได้ชัดว่า Ethereum มีเหตุผลเพียงพอที่จะพิจารณาได้ว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการนำไปใช้งานในกระแสหลัก หรือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดเป็นอันดับ 2 หากคุณเป็น Bitcoin Maximalist บทความที่เกี่ยวข้อง: มูลค่าและราคาของ Bitcoin ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ขอแนะนำให้คุณปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนทำการตัดสินใจใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน

Bitget มอบเงินลงทุน 50 ล้านดอลลาร์ให้กับ Sei Network: ร่วมขับเคลื่อนบล็อกเชน Layer-1 ที่เร็วที่สุดไปสู่อีกระดับ

ในบทความนี้ เราจะไปทำความรู้จักกับ Sei Network และหลักการทำงาน รวมถึงไปดูรายละเอียดความร่วมมืออันน่าตื่นเต้นระหว่าง Sei Network และ Bitget กัน สรุปใจความสำคัญ - Sei Network คือ บล็อกเชน Layer-1 แบบเฉพาะเซกเตอร์ที่ได้รับการพัฒนามาให้เหมาะสำหรับการเทรด ด้วยความสามารถในการทำให้ธุรกรรมมีความมีผลสมบูรณ์ (Finality) ได้ภายใน 500 มิลลิวินาที (ms) พร้อมทั้งสามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากถึง 20,000 รายการต่อวินาที - เครื่องมือจับคู่ Order ดั้งเดิมของ Sei Network ร่วมกับการออกแบบมาให้มีคุณสมบัติป้องกัน MEV (MEV-Proof) ทำให้มั่นใจได้ว่าธุรกรรมบนเครือข่ายทั้งหมดจะได้รับการประมวลผลอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย - Sei Network นำเสนอแนวทางใหม่ในการสร้างบล็อก การจัดระเบียบธุรกรรม การประมวลผลบล็อก และการทำงานแบบคู่ขนาน (Parallelization) ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อแอปพลิเคชันสำหรับการเทรดหลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว - เมื่อเล็งเห็นถึงศักยภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลงของโปรเจกต์ Sei แล้ว Bitget จึงได้ทำการลงทุนเชิงกลยุทธ์มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ นับเป็นก้าวสำคัญในภูมิทัศน์แห่งวงการ DeFi ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างต่อเนื่องรวดเร็วในระดับที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน สำหรับอุตสาหกรรมบล็อกเชนเองก็ไม่ต่างกัน จะเห็นได้ว่าการแข่งขันพัฒนาบล็อกเชน Layer-1 ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั้นยังคงดุเดือด โดยมี Sei Network เป็นผู้นำในวงการ Bitget แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนอนุพันธ์คริปโตระดับแนวหน้าของโลกได้ตระหนักถึงศักยภาพของ Sei Network และตัดสินใจลงทุนมูลค่ามหาศาลถึง 50 ล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนโปรเจกต์ผู้ปฏิวัติวงการนี้ไปสู่อีกระดับ การลงทุนในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของ Bitget ที่มีต่อศักยภาพของ Sei และความทุ่มเทในการส่งเสริมการเติบโตของระบบนิเวศ DeFi Sei Network: ดาวดวงใหม่ในวงการบล็อกเชน Sei Network คือ บล็อกเชน Layer-1 แบบเฉพาะเซกเตอร์ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อการเทรดโดยเฉพาะ บล็อกเชนนี้ได้รับฉายาว่า “บล็อกเชน Layer-1 ที่เร็วที่สุด” เนื่องจากสามารถทำให้เกิดความมีผลสมบูรณ์ (Finality) ของธุรกรรมได้อย่างน่าประทับใจภายในเวลาเพียง 500 มิลลิวินาที (ms) แล้วยังสามารถดำเนินการธุรกรรมได้อย่างน่าทึ่งมากถึง 20,000 รายการต่อวินาที อย่างไรก็ตาม Sei Network ไม่ได้โดดเด่นในเรื่องของความเร็วเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะบล็อกเชนดังกล่าวยังพร้อมมอบประสบการณ์เทรดที่ราบรื่น มีประสิทธิภาพ และดีกว่าเดิมได้อีกด้วยผ่านทางเครื่องมือ DeFi ระบบนิเวศของ Sei ที่มีแอปและโปรเจกต์หลายร้อยรายการ ที่มา: Sei Network Sei Network ได้รับการออกแบบมาให้เป็น Chain ที่เหมาะสำหรับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Exchange) ใหม่ทั่วทั้ง DeFi, NFT, เกมมิ่ง และอื่นๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อเอาชนะข้อจำกัดของ Chain ที่สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย เช่น Ethereum สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และนวัตกรรมฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น เครื่องมือจับคู่ Order ดั้งเดิมประจำบล็อกเชน Sei และการออกแบบมาให้มีคุณสมบัติป้องกัน MEV (MEV-Proof) ทำให้ Sei กลายเป็นผู้เล่นใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในภูมิทัศน์ของบล็อกเชนไปโดยปริยาย คุณอาจตั้งคำถามในใจใช่ไหมว่า แล้วอะไรกันล่ะที่ทำให้ Sei Network แตกต่างจากโปรเจกต์บล็อกเชนอื่นๆ Sei Network vs. บล็อกเชนอื่นๆ ที่มา: Sei Network Sei Network สร้างขึ้นบน Cosmos SDK ทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากโปรโตคอล Inter-Blockchain Communication (IBC) เพื่อการทำงานร่วมกันที่ราบรื่นในบล็อกเชนที่หลากหลายได้ หนึ่งในฟีเจอร์หลักของ Sei Network คือ เครื่องมือจับคู่ Order แบบดั้งเดิมของบล็อกเชน Sei ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์เทรดที่ราบรื่นไม่มีสะดุด เมื่อเครื่องมือนี้ผสานรวมเข้ากับการออกแบบเพื่อป้องกัน MEV ของ Sei แล้วก็จะการันตีได้เลยว่า ธุรกรรมทั้งหมดบนเครือข่ายจะถูกประมวลผลอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย นอกจากนี้ Sei Network ยังใช้โมเดลบล็อกเชนแบบ Permissioned ซึ่งหมายความว่าข้อเสนอต่างๆ ต้องได้รับการอนุมัติผ่านการกำกับดูแลของระบบ ก่อนที่จะนำไปปรับใช้เป็น Smart Contract โมเดลนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าบนเครือข่ายจะมีเฉพาะแอปพลิเคชันที่สามารถใช้งานร่วมกันได้และเป็นประโยชน์เท่านั้น ซึ่งถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้กับเครือข่ายด้วยนั่นเอง คุณต้องการเทรดอย่างมีความรับผิดชอบและปลอดภัยใช่ไหม สร้างบัญชี Bitgetแล้วเริ่มเส้นทาง การเทรดคริปโตไปกับเราได้เลย! Sei Network ทำงานอย่างไร Sei Network คือ บล็อกเชน Layer-1 รายใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของแอปพลิเคชันสำหรับการเทรดโดยเฉพาะ กล่าวคือ Sei Network ได้นำเสนอแนวทางใหม่ในการสร้างบล็อก การจัดระเบียบธุรกรรม การประมวลผลบล็อก และการทำงานแบบคู่ขนาน (Parallelization) ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อแอปพลิเคชันสำหรับการเทรดหลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว กลไกฉันทามติแบบ Twin-Turbo: กลไกฉันทามติแบบ Twin-Turbo เป็นแกนหลักในการทำงานของ Sei กลไกนี้ประกอบไปด้วย: - กระบวนการสร้างบล็อกอัจฉริยะ (Intelligent Block Propagation): ผู้เสนอบล็อก (Block Proposer) จะเผยแพร่ตัวระบุเอกลักษณ์ของธุรกรรมไปพร้อมกับข้อเสนอบล็อก (Block Proposal) ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการรอรับบล็อกของ Validator ลงไปได้ - การประมวลผลบล็อกแบบ Optimistic (Optimistic Block Processing): Validator จะเริ่มประมวลผลข้อเสนอบล็อกรายการแรกที่ได้รับสำหรับความสูงบล็อกใดก็ตาม แล้วระบุสถานะของบล็อกลงในแคช การทำงานแบบคู่ขนาน (Parallelization): Sei ใช้ Cosmos SDK เป็นพื้นฐานของหลักการทำงานในแอปพลิเคชัน และนำเสนอการทำงานแบบคู่ขนานสำหรับการประมวลผลธุรกรรม กล่าวคือ ธุรกรรมจะได้รับการประมวลผลแบบคู่ขนานในระหว่างเฟส DeliverTx และ Order ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือจับคู่แบบอิสระก็จะได้รับการประมวลผลไปพร้อมๆ กันแบบคู่ขนานในส่วนท้ายของบล็อก Oracle ราคาดั้งเดิม (Native Price Oracle): Sei นำเอา Oracle ราคาดั้งเดิมมาปรับใช้งานเพื่อรองรับการกำหนดราคาอัตราแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ โดย Validator ทุกคนจะต้องเข้าร่วมในฐานะ Oracle เครื่องมือจับคู่ Order ดั้งเดิมประจำบล็อกเชน (Native Order Matching Engine): Sei มีเครื่องมือจับคู่ Order ประจำบล็อกเชน ซึ่งแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนใดที่สร้างบน Sei ก็จะสามารถนำไปใช้งานได้ โดยเครื่องมือจับคู่นี้จะคอยดูแลรักษา Order Book ที่เกี่ยวข้องในระดับ Chain พร้อมทั้งให้บริการฟังก์ชันสำหรับสร้างตลาดและอนุญาตให้ผู้ใช้ทำการเทรดได้อีกด้วย Frequent Batch Auctioning: เครื่องมือจับคู่ของ Sei จะรวบรวม Market Order ทั้งหมดและดำเนินการ Order ดังกล่าวในราคาที่เท่ากันเพื่อหักล้างรูปแบบของ Maximal Extractable Value (MEV) นั่นเอง การรวม Order ธุรกรรม (Transaction Order Bundling): Sei ให้บริการรวม Order ในหลากหลายระดับ เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานและประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม โดยธุรกรรมต่างๆ สามารถประกอบไปด้วย Order จากตลาดการเทรดหลายแห่งได้อย่างไม่มีปัญหา Bitget x Sei Network: การเดินทางบทใหม่ในวิวัฒนาการของ DeFi “Bitget” ผู้นำระดับโลกในวงการคริปโทเคอร์เรนซี ได้มุ่งมั่นเดินหน้าต่ออย่างกล้าหาญตามคำมั่นสัญญาว่าจะส่งเสริมนวัตกรรมในอุตสาหกรรมบล็อกเชน ด้วยฐานผู้ใช้มากกว่า 8 ล้านคนจากกว่า 100 ประเทศทั่วทุกมุมโลก Bitget ได้ครองตำแหน่งแนวหน้าในการให้บริการแพลตฟอร์มที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรกับผู้ใช้ เพื่อประสบการณ์การเทรดแบบไร้พรมแดน ในครั้งนี้เมื่อ Bitget เล็งเห็นถึงศักยภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลงของโปรเจกต์ Sei แล้ว จึงได้ตัดสินใจลงทุนเชิงกลยุทธ์มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในภูมิทัศน์แห่งวงการ DeFi เลยทีเดียว คำมั่นสัญญาของ Bitget ที่มีต่อ Sei นั้นมากกว่าแค่การลงทุนทางการเงิน เพราะความร่วมมือในครั้งนี้ยังหมายถึงการเป็นพันธมิตรที่ทรงพลัง และการผสมผสานความเชี่ยวชาญและความทะเยอทะยานที่มุ่งขับเคลื่อนนวัตกรรม DeFi ไปสู่อีกระดับด้วยเช่นกัน Bitget ที่มากพร้อมด้วยประสบการณ์และผู้ใช้งานจากทั่วโลก เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ให้ข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำอันเป็นประโยชน์แก่ Sei กล่าวได้ว่า ความร่วมมือในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อเร่งการเติบโตและการพัฒนาของ Sei พร้อมผลักดันแพลตฟอร์มดังกล่าวให้ไปสู่แถวหน้าของวงการ DeFi อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้ย่อมขยายไปไกลกว่าการส่งเสริม Sei อย่างแน่นอน เพราะการสนับสนุนการพัฒนาบล็อกเชน Layer-1 ที่เร็วที่สุดนี้ Bitget ได้ลงมือจัดการกับอุปสรรคสำคัญบางประการที่แวดวง DeFi กำลังเผชิญอยู่ เช่น ความสามารถในการขยายการรองรับ (Scalability) และความเร็วของธุรกรรม จะเห็นได้ว่า การตัดสินใจนี้นับเป็นความเคลื่อนไหวในระดับปฏิวัติวงการที่จะนำไปสู่ระบบนิเวศ DeFi ที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนทั่วโลกต่อไป ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2023 Bitget จะลิสต์ Sei (SEI) ในโซนนวัตกรรมและโซน Layer-1 ไปเทรดกันได้เลย! การเทรด Spot: SEI/USDT การเทรด Spot Grid: SEI/USDT บทสรุปส่งท้าย คำมั่นสัญญามูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ของ Bitget ที่มีต่อ Sei Network ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาวงการ DeFi อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมวิสัยทัศน์และศักยภาพของ Sei Network อย่างทรงพลัง รวมถึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของ Bitget ในการสนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศ DeFi อีกด้วย เมื่อ Sei Network ยังคงเดินหน้าผลักดันขอบเขตความเป็นไปได้ด้วยบล็อกเชน Layer-1 อยู่นี้ เห็นทีว่าอนาคตของ DeFi จะสดใสกว่าที่เคยอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น การสนับสนุนจาก Bitget ยังมีส่วนช่วยให้ Sei Network อยู่ในจุดที่เหมาะสมสำหรับการสานต่อวิถีแห่งนวัตกรรมและการเติบโต พร้อมปูทางไปสู่ระบบนิเวศ DeFi ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรกับผู้ใช้กว่าที่เคย ข้อสงวนสิทธิ์: กลยุทธ์การลงทุนและการลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยงต่อการขาดทุนได้ ห้ามมิให้ถือว่าข้อความใดในบทความนี้เป็นการให้คำแนะนำในการลงทุน ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ผู้ใช้ทำการศึกษาข้อมูลและลงทุนโดยยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง