ข่าวสาร Luna ($LUNA)

คู่มือผลิตภัณฑ์ Bitget Earn

นับตั้งแต่ที่ ก.ล.ต. สหรัฐ (SEC) ประกาศอนุมัติ Bitcoin ETF ความไม่แน่นอนที่ตามหลอกหลอนวงการคริปโตตลอดช่วงตลาดหมี 2 ปีที่ผ่านมาก็ได้มลายหายไป โดย Bitcoin สามารถเบรกทะลุระดับ $70,000 และทำสถิติ All Time High (ATH) ใหม่ได้ แม้ว่า Narrative ต่างๆ เช่น Inscription และ Memecoin จะปูทางไปสู่ตลาดกระทิง แต่ตลาดก็ไม่ได้สัมผัสกับความเชื่อมั่นในระดับ Bullish เท่าไรนัก เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานโดยรวมยังคงไม่ชัดเจน (เช่น ประเด็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED) Bitcoin ก็ประสบกับความผันผวนเช่นกัน ในขณะที่ไตรมาสที่ 2 กำลังจะสิ้นสุดลง ตลาดเหลือพื้นที่เพียงเล็กน้อยให้ผู้ใช้ได้ทำกำไร ส่วนความเต็มใจของผู้ใช้ในการเทรดก็ลดลงอย่างมาก เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่าตลาดกระทิงรอบนี้ที่นำโดย BTC ETF นั้นไม่ได้ทำให้เกิดความเชื่อมั่นของตลาดในวงกว้างและผลักดันราคาของเหรียญทั้งกระแสหลักและ Altcoin ให้พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่เหมือนกับรอบที่ผ่านๆ มาที่นำโดย DeFi Summer และ IEO อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่านี่คือตลาดกระทิงที่ดี เพราะดูคล้ายกับรถที่แล่นไปอย่างมั่นคงแทนที่จะเป็น Formula 1 เมื่อดูจากกราฟ เราจะพบว่าราคาเฉลี่ยของคริปโทเคอร์เรนซีหลักๆ เช่น Bitcoin ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากการไหลเข้าอย่างต่อเนื่องของเงินทุนจากฝั่งโลกการเงินแบบดั้งเดิม เราเชื่อว่าตลาดกระทิงรอบนี้จะแตกต่างโดยพื้นฐานไปจากครั้งก่อนๆ Altcoin จะไม่มา “แย่งซีน” และ Bitcoin จะมีการรีบาวด์ของมูลค่าหลังจากการเติบโตที่ผันผวน อนาคตดูจะมีความหวังที่สดใส เราเชื่อเช่นนั้น ยกระดับ Passive Income: ชุดผลิตภัณฑ์ Bitget Earn เมื่อตลาดนิ่ง เรานำเสนอผลิตภัณฑ์ Bitget Earn ที่หลากหลายเพื่อให้ผู้ใช้แต่ละคนมีโอกาสใหม่ๆ แบบเฉพาะตัวในการรับผลตอบแทน มาเจาะลึกผลิตภัณฑ์การลงทุนของ Bitget และเพิ่มผลกำไรในทุกวันกัน! Bitget Savings ผลิตภัณฑ์แรกของ Bitget Earn คือ Savings ซึ่งคล้ายคลึงกับผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์ในระบบการเงินแบบดั้งเดิม Bitget Savings เป็นผลิตภัณฑ์ไร้ความเสี่ยงที่ออกแบบมาเพื่อให้ทนต่อความไม่แน่นอนและความผันผวนของตลาดเกิดใหม่อย่างคริปโต นอกจากนี้ เรายังนำเสนอ Bitget Fixed Savings และ Bitget Flexible Savings อีกด้วยเพื่อให้ผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้น สามารถดูผลิตภัณฑ์ทั้งคู่ได้ใน Bitget Savings Fixed Savings ดังชื่อบอกไว้ Bitget Fixed Savings ให้บริการการออมแบบมีระยะเวลาคงที่ (Fixed) ด้วยระยะเวลา Subscription โดยให้อัตราดอกเบี้ยสูงแก่ผู้ใช้ที่นำสินทรัพย์ของตนมาล็อกไว้ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปคือ 7, 14, 30, 60, 90 หรือ 120 วัน ยิ่งระยะเวลาล็อกสินทรัพย์นาน ก็ยิ่งได้ APR ที่คาดการณ์ไว้สูง หากคุณเป็นนักลงทุนระยะยาวที่ไม่ชอบไล่ตามเทรนด์ตลาด Fixed Savings ก็สามารถช่วยเพิ่มเงินออมของคุณได้อย่างมาก ขณะเดียวกันก็ช่วยคุณลดความเสี่ยงที่มากเกินไปซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อีกด้วย สำหรับ Fixed Savings นั้นจะเริ่มสะสมดอกเบี้ยในวันหลังจากวันที่คุณ Subscribe (D+1) และระบบจะส่งคืนสินทรัพย์ที่นำมาล็อกไว้ให้ในวันหลังจากวันหมดอายุ ผลิตภัณฑ์พิเศษบางรายการอาจอนุญาตให้มีการ Redeem ก่อนกำหนดโดยมีค่าปรับ ส่วนในเรื่องของกำไร ระบบจะแจกจ่ายเข้าบัญชี Spot ของ Subscriber ให้แบบรายวัน หรือแจกจ่ายให้พร้อมกับสินทรัพย์ที่ล็อกไว้เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา Subscription ผู้ใช้สามารถเลือกตัวเลือกที่ต้องการในระหว่างขั้นตอนการ Subscribe ได้ โปรดทราบว่าเนื่องจากมีความต้องการและ APR สูง จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ Bitget Fixed Savings บางรายการอาจขายหมดอย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะทำเครื่องหมายไว้ว่า “หมดแล้ว / Sold Out” และผู้ใช้จะไม่สามารถ Subscribe ได้อีกต่อไป หากสินทรัพย์ใดมีให้บริการทั้งใน Bitget Fixed Savings และ Bitget Flexible Savings ระบบจะแปลงจำนวน Subscription ของคุณใน Fixed ไปเป็นจำนวน Subscription ใน Flexible ให้โดยอัตโนมัติ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ Flexible Savings Bitget Flexible Savings คล้ายกับบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป และสามารถ Redeem สินทรัพย์ได้ตลอดเวลา โดยที่จำนวน Subscription สูงสุดมักสูงกว่าของ Bitget Fixed Savings คุณสามารถใช้งานได้เสมือนเป็นบัญชีออมทรัพย์แบบพกพาซึ่งมีความปลอดภัยในสินทรัพย์และมีความยืดหยุ่นที่ให้ Redeem ได้ตลอดเวลา ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ ดอกเบี้ยรายวันโดยประมาณ = จำนวน Subscription × APR ÷ 365 สำหรับผลิตภัณฑ์ Bitget Fixed Savings เพียงคูณตัวเลขที่ได้มานี้ด้วยจำนวนวันที่คุณได้เลือกผลิตภัณฑ์ สมมติว่าคุณ Subscribe ด้วยจำนวน 50,000 MATIC ผลตอบแทนของคุณจะเป็นดังนี้: • Bitget Fixed Savings: กำไรรายวัน = 50,000 MATIC × 10% ÷ 365 = 13.698 MATIC กำไรทั้งหมด: 13.698 MATIC × 7 วัน = 95.89 MATIC • Bitget Flexible Savings: กำไรรายวัน = 50,000 MATIC × 3% ÷ 365 = 4.109 MATIC กำไรทั้งหมด = 4.109 MATIC × จำนวนวันที่ได้ Subscribe ไป ปัจจุบันไม่มีขีดจำกัดสำหรับจำนวนวันที่จะ Subscribe ผลิตภัณฑ์ Bitget Flexible Savings • สมมติว่าผู้ใช้ Subscribe กับ MATIC ใน Bitget Fixed Savings เป็นเวลา 7 วัน จากนั้นฝากสินทรัพย์เข้า Bitget Flexible Savings เป็นเวลา 90 วัน ก็จะได้กำไรสำหรับ 97 วัน = 95.89 MATIC + 4.109 MATIC × 90 วัน = 465.7 MATIC APR ที่ปรับแก้แล้ว = (465.7 MATIC ÷ 50,000 MATIC) ÷ 97 × 365 × 100 = 3.5% ซึ่งเป็น APR ที่สูงกว่าที่ Bitget Flexible Savings นำเสนอ Bitget Staking การ Stake บน Bitget เป็นวิธีการที่การันตีเงินต้นแบบมีความเสี่ยงต่ำเพื่อเพิ่มยอดถือครองคริปโตของคุณ สิ่งที่ทำให้น่าดึงดูดคือความเรียบง่าย เพราะไม่ต้องลงทุนด้านฮาร์ดแวร์หรือตั้งค่าที่ซับซ้อน เพียง Stake สินทรัพย์ Proof of Stake (PoS) ของคุณบนเครือข่ายบล็อกเชนผ่าน Bitget เพื่อรับรางวัล ผู้เข้าร่วมที่ Stake จะได้รับผลตอบแทนกลับมาเป็นสินทรัพย์เดียวกัน Stake เลย! การ Stake บน Bitget ช่วยให้นักลงทุนมีข้อได้เปรียบหลายประการและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการแนวทางแบบเสี่ยงต่ำแต่ก็มีความยืดหยุ่นในการเพิ่มความมั่งคั่ง ข้อดีหลัก: ● การเติบโตที่ยั่งยืน: ผลตอบแทนที่มั่นคงเมื่อเวลาผ่านไป ช่วยให้สินทรัพย์ของคุณงอกเงยได้โดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงเพิ่มเติม ● ความเรียบง่ายและการใช้งาน: Bitget แตกต่างจากหลายแพลตฟอร์มตรงที่มีกระบวนการ Stake ที่เรียบง่ายเป็นพิเศษเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ● ความเป็นมิตรกับผู้ใช้: Bitget เหมาะทั้งกับมือใหม่และนักลงทุนที่มีประสบการณ์ โดยมีกระบวนการ Stake และ Redeem ที่ชัดเจน ● รับรางวัลได้ทันที: ดูผลกำไรที่เพิ่มขึ้นและติดตามการเติบโตของสินทรัพย์ของคุณได้แบบเรียลไทม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ การ Stake BGB Bitget มุ่งมั่นที่จะมอบรางวัลและสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ถือ BGB เราจึงได้เปิดตัวอีกรายการอัปเกรดครั้งใหญ่เพื่อให้ผู้ใช้ของเราได้รับสิทธิประโยชน์ยิ่งขึ้น นั่นคือการ Stake BGB เพื่อรับสิทธิ์ถอนฟรี ยิ่ง Stake BGB มาก ก็ยิ่งได้สิทธิ์ถอนฟรีมาก! ไปดูกันเลย! ในหน้า “การ Stake BGB / BGB Staking” แล้วเลือก “Stake” เพื่อเริ่มการ Stake โปรดทราบว่าจำนวน BGB ที่คุณ Stake ต้องเป็นผลคูณของ 100 คลิกปุ่ม “เพิ่ม BGB / Add BGB” เพื่อเพิ่มยอด BGB ของคุณ หรือเลือก “Redeem” ในหน้าเดียวกันเพื่อยกเลิกการ Stake BGB ระยะเวลาดำเนินการสำหรับคำขอการ Redeem BGB คือ 7 วัน นอกจากนี้ คุณสามารถ Redeem แบบทันทีได้เช่นกันโดยชำระค่าธรรมเนียมธุรกรรม 2% ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ Bitget Launchpool Bitget Launchpool เป็นแพลตฟอร์มคริปโทเคอร์เรนซีที่ผู้ใช้สามารถรับผลกำไรจากการ Stake ได้ เมื่อผู้ใช้นำ BGB หรือเหรียญอื่นๆ มา Stake ใน Launchpool ก็จะมีโอกาสรับได้ทั้ง Airdrop ฟรี, ผลกำไร และส่วนแบ่งจาก Pool รางวัลแบบจุใจ กำไรสำหรับสินทรัพย์ที่ Stake ไว้จะเริ่มคำนวณที่ T+1 ชั่วโมง และระบบจะแจกจ่ายรางวัลทุกชั่วโมง จะมีการอัปเดต ROI โดยประมาณอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถเข้าไปดูได้ในหน้า Launchpool การที่ Bitget Launchpool มีความยืดหยุ่นสูง จึงทำให้ผู้ใช้สามารถถอนสินทรัพย์ที่ตน Stake ไว้ได้ตลอดเวลา ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ Bitget PoolX การ Stake แบบดั้งเดิมมักต้องนำสินทรัพย์ไปล็อกไว้ตามระยะเวลาที่กำหนด จึงทำให้ผู้เข้าร่วมไม่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างทันท่วงที Bitget PoolX จึงเข้ามาตอบโจทย์ด้วยการเป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ให้ผู้ใช้ Redeem โทเค็นที่ Stake ไว้จาก Staking Pool ได้ตลอดเวลา ความยืดหยุ่นนี้ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับรางวัลจากการ Stake โดยที่ยังคงมีสภาพคล่องอยู่ จึงเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับผู้ที่ยังคงต้องการเข้าถึงสินทรัพย์ของตนอยู่เพื่อให้ดำเนินแผนการลงทุนของตนให้สำเร็จ ในขณะเดียวกันก็ยังคงยึดมั่นอยู่กับกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ครอบคลุม นอกจากสินทรัพย์ที่ Stake ไว้จะมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นแล้ว การแจกจ่ายรางวัลรายชั่วโมงก็มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นอีกด้วยเช่นกัน ทำให้ช่วยได้มากในตลาดคริปโตที่ผันผวน ซึ่งความสามารถในการเข้าถึงและโอนสินทรัพย์ได้อย่างรวดเร็วนั้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการคว้าโอกาสในตลาดหรือหลีกเลี่ยงการตกต่ำของตลาด นอกจากนี้ยังให้ดอกเบี้ยทบต้นนอกเหนือไปจากผลกำไรสำหรับผู้ใช้ด้วย ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสที่จะนำผลกำไรไปลงทุนต่อใน Staking Pool ได้เร็วยิ่งขึ้น ฟีเจอร์หลักของ Bitget PoolX คือแพลตฟอร์ม “Stake เพื่อขุด” ซึ่งแจกจ่ายรางวัลจากการ Stake ให้เป็นโทเค็นยอดนิยม ทำให้ผู้เข้าร่วมมีแหล่งรายได้เพิ่มเติม สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ Bitget PoolX อนุญาตให้แต่ละโปรเจกต์กำหนดเหรียญที่จะ Stake ได้ ซึ่งรวมไปถึง Stablecoin อย่าง USDT หรือโทเค็นดั้งเดิมของ Bitget อย่าง BGB โดยแต่ละ Pool จะคำนวณ APR แยกกัน เป็นการคาดการณ์เทรนด์และความต้องการในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ Bitget Dual Investment Bitget Dual Investment ใช้กลยุทธ์ซื้อต่ำและขายสูงอย่างเต็มประสิทธิภาพ มีเป้าหมายที่จะนำเสนอแผนแบบ 2-in-1 ให้กับนักลงทุนระยะยาว โดยที่ Subscriber สามารถซื้อคริปโทเคอร์เรนซีด้วย Stablecoin แล้วรับดอกเบี้ยจากคริปโทเคอร์เรนซีได้หากราคาเท่ากับหรือต่ำกว่าราคาที่คาดไว้เมื่อระยะเวลา Subscription สิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม หากราคาของคริปโทเคอร์เรนซีสูงกว่าราคาที่คาดไว้ ระบบก็จะไม่ดำเนินการ Order ซื้อ แต่จะคำนวณดอกเบี้ยเป็น Stablecoin ตามที่กำหนดให้แทน นี่คือสถานการณ์ “ซื้อต่ำ / Buy Low” ในกรณี “ขายสูง / Sell High” นั้น Subscriber จะขายคริปโตที่ตนถือครอง ณ ราคาที่ดีกว่าในอนาคตได้และจะชำระราคาดอกเบี้ยเป็น Stablecoin หากสภาวะตลาดไม่เป็นใจต่อ Subscriber เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา Subscription ระบบจะไม่ขายคริปโทเคอร์เรนซี และจะคำนวณดอกเบี้ยให้ตามคริปโทเคอร์เรนซีที่ใช้ในการ Subscribe กล่าวโดยสรุปได้ว่า ผู้ใช้จะได้รับยอดถือครองเริ่มต้นและดอกเบี้ย แม้ภายใต้สภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย วางแผนการลงทุนคริปโตระยะยาวของคุณให้รอบคอบ คุณสามารถเก็บสินทรัพย์ของคุณไว้เฉยๆ จนกว่า Limit Order จะได้รับการดำเนินการ หรือเข้าไปยัง Bitget Dual Investment เพื่อรับผลตอบแทนเพิ่มเติมจากสินทรัพย์ที่อยู่นิ่งๆ ของคุณ เมื่อเข้าสู่หน้า Bitget Dual Investment ให้คุณเลือกเหรียญ จากนั้นเลือก “Buy Low” หรือ “Sell High” แล้วเลือกผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการตามเป้าหมายราคา, APR และวันที่ชำระราคา เมื่อเลือก “Subscribe” เรียบร้อยแล้ว หน้า Subscription จะปรากฏขึ้น หลังจากยืนยันจำนวน Subscription, ข้อกำหนดโควตา, ระยะเวลา Order, เป้าหมายราคา, สินทรัพย์ที่ชำระราคา และ APR สำหรับแต่ละกรณีแล้ว ให้คลิกปุ่ม “ยืนยัน / Confirm” เพื่อดำเนินการต่อ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ Bitget Shark Fin Bitget Shark Fin เป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนอันเป็นเอกลักษณ์ของเราที่มีอนุพันธ์แฝงและรับประกันเงินต้น เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2022 ในช่วงตลาดหมีหลังจากการล่มสลายของ Terra (LUNA) และ FTX โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูตลาดและเพิ่มความต้องการ ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำนี้ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้และยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ Bitget Earn ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สิ่งที่ทำให้ Bitget Shark Fin แตกต่างคือโครงสร้าง APR ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับรูปทรงครีบฉลามเป็นอย่างมาก โดยมีเส้น APR เอียงขึ้นตรงกลาง และมี APR พื้นฐานขนาบทั้ง 2 ด้านเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้ ต่อไปนี้คือตัวอย่าง 2 สถานการณ์สำหรับผู้ที่ Subscribe กับ Bitget Shark Fin: ● กำไรที่เพิ่มขึ้น: ราคาของสินทรัพย์ที่ล็อกไว้อยู่ในช่วงราคาที่กำหนด ในกรณีนี้ เราจะใช้ APR ขอบบนและขอบล่าง (ทั้งคู่สูงกว่า APR พื้นฐาน) เพื่อคำนวณช่วง APR และผลตอบแทน ● ผลตอบแทนที่รับประกัน: สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์ที่ล็อกไว้ต่ำกว่าหรือสูงกว่าช่วงราคาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการขาดทุนที่แท้จริงเกิดขึ้น เนื่องจากข้อมูลย้อนหลังแสดงให้เห็นว่า APR พื้นฐานของ Bitget สำหรับ Shark Fin นั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเริ่มต้นที่ 1-2% ไปเป็น 5% ในภายหลัง จนมาเป็น 7% ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ก็สอดคล้องกับแผนการออมแบบดั้งเดิม เทียบเท่ากับการเปิดบัญชีออมทรัพย์กับธนาคาร เว้นแต่ว่าบัญชีธนาคารไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้และไม่ได้พกพาได้แบบคริปโต ที่สำคัญกว่านั้น ผลิตภัณฑ์ Bitget Shark Fin ยังคงรักษาช่วงราคาไว้อย่างต่อเนื่องพร้อมผลกำไรที่เพิ่มขึ้น ● เงินต้นที่รับประกัน: ระบบจะส่งคืนจำนวน Subscription เริ่มต้นไปยังบัญชี Spot ของ Subscriber โดยอัตโนมัติหลังจากการชำระราคาโดยไม่มีการขาดทุนใดๆ ไปยังหน้า Shark Fin เพื่อเรียกดูผลิตภัณฑ์การลงทุนล่าสุดและร้อนแรงที่สุด เพียงคลิกปุ่ม “Subscribe” เพื่อ Subscribe กับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ ป้อนจำนวนเงินลงทุน แล้วยืนยันระยะเวลา Subscription, ช่วงราคา, ช่วง APR และ APR ที่รับประกัน คลิกปุ่ม “ยืนยัน / Confirm” หลังจากกำหนดค่าการตั้งค่าทั้งหมดแล้ว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ Bitget Smart Trend นักลงทุนและนักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีสามารถใช้ประโยชน์จากเทรนด์ตลาดได้ดียิ่งขึ้นด้วย Bitget Smart Trend ผลิตภัณฑ์ที่รับประกันเงินต้นนี้ทำให้นักลงทุนมีโอกาสเก็งกำไรราคา BTC/ETH ในอีก 7 วันข้างหน้าได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดการขาดทุนเมื่อชำระราคา ผู้ใช้สามารถ Subscribe ผลิตภัณฑ์ Bitget Smart Trend ได้โดยใช้ BTC, ETH หรือ USDT อย่างไรก็ตาม ระบบจะแจกจ่ายผลกำไรเป็นสินทรัพย์ที่ใช้ในการ Subscribe นอกจากนี้ Bitget Smart Trend ยังสามารถให้ APR ที่สูงได้อีกด้วย ต่อไปนี้คือ 3 สถานการณ์กำไรสำหรับ Bitget Smart Trend: ● กำไรสูงสุด: การเปลี่ยนแปลงของราคาสอดคล้องกับทิศทางที่เก็งกำไรทุกประการ เช่น หากเป็นการ Subscribe ผลิตภัณฑ์ Bullish ราคาที่บันทึกไว้ได้ในระหว่างระยะเวลามูลค่านั้นจะสูงกว่าขอบบนของช่วงราคาที่กำหนด และถ้าหากเป็นการ Subscribe ผลิตภัณฑ์ Bearish ราคาที่บันทึกไว้ได้ในระหว่างระยะเวลามูลค่านั้นจะต่ำกว่าขอบล่างของช่วงราคาที่กำหนด ในกรณีเช่นนี้ APR จะสูงที่สุด ● กำไรสุทธิ: ราคาในช่วงระยะเวลามูลค่าอยู่ภายในช่วงราคาที่กำหนด เช่นเดียวกับสถานการณ์กำไรที่เพิ่มขึ้นสำหรับ Bitget Shark Fin ใน Bitget Smart Trend จะใช้ APR ขอบบน (เท่ากับ APR ภายใต้สถานการณ์กำไรสูงสุด) และ APR ขอบล่าง (เท่ากับ APR ภายใต้สถานการณ์กำไรที่รับประกัน) เพื่อคำนวณช่วง APR และผลกำไร ● กำไรที่รับประกัน: สถานการณ์นี้จะเปิดใช้งานเมื่อการเปลี่ยนแปลงราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับทิศทางการเก็งกำไร ซึ่งในที่สุดผู้ใช้จะได้รับเงินต้นและกำไรในบัญชีของตน เช่นเดียวกับที่จะได้รับเมื่อถอนสินทรัพย์ที่ฝากไว้ Bitget Smart Trend ยังให้ความได้เปรียบทางการแข่งขันกับผู้ถือ BGB ด้วย ซึ่งในปัจจุบันเป็นผลิตภัณฑ์ Bitget Earn เพียงรายการเดียวที่รองรับ Subscription ด้วย BGB สำหรับ 2 สินทรัพย์ (BTC/ETH) และทั้ง 2 ทิศทาง (Bullish/Bearish) ไปที่ห น้า Smart Trend เรียกดูผลิตภัณฑ์ Smart Trend ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แล้วคลิกปุ่ม “Subscribe” เพื่อดำเนินการต่อ โปรดอ่านรายละเอียดทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน ซึ่งรวมไปถึง APR, ช่วงราคา และเวลาชำระราคา ก่อนที่จะป้อนจำนวน Subscription แล้วคลิก “ยืนยัน / Confirm” ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ Bitget Wealth Management Bitget Wealth Management เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูงและสถาบันที่กำลังมองหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตทางการเงินของตนให้เต็มที่ ข้อดี: ● ทีมงานบริหารจัดการสินทรัพย์ระดับมืออาชีพ พร้อมพอร์ตที่กระจายความเสี่ยงและมีการจัดการความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง ● APR สูงจากผู้ให้บริการทางการเงินระดับแนวหน้าและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่มีประสบการณ์ ● Subscribe ได้ทุกเมื่อเพื่อรับดอกเบี้ยรายเดือนและ Redeem ได้อย่างง่ายดาย รับเงินต้นของคุณกลับคืนในเดือนถัดไป เลือก “การบริหารความมั่งคั่ง / Wealth Management” ที่อยู่ภายใต้ “Earn” บนแถบเมนูหลักด้านบน หรือไปที่นี่ เลือกระหว่างผลิตภัณฑ์ Steady Growth และ Enhanced Return ของเรา โดยผลิตภัณฑ์ Steady Growth จะให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอท่ามกลางความผันผวนของตลาด ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ Enhanced Return จะให้ผลตอบแทนมากกว่าพร้อมด้วยความเสี่ยงที่สูงกว่าเล็กน้อย ป้อนจำนวน Subscription ของคุณ (ขั้นต่ำ 50,000 USDT) และทำเครื่องหมายที่ช่องสี่เหลี่ยมหลังจากยอมรับข้อกำหนดของเรา แล้วคลิกปุ่ม “ยืนยัน / Confirm” เพื่อดำเนินการให้เสร็จสิ้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ เงินกู้คริปโต Bitget เงินกู้คริปโต เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้ผู้ใช้กู้ยืมสกุลเงิน Fiat หรือคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ ได้โดยใช้สินทรัพย์คริปโตของตนเป็นหลักประกัน เงินกู้คริปโตมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ได้รับเงินทุนเพิ่มเติมทันทีโดยไม่สูญเสียการควบคุมสินทรัพย์คริปโตของตนเอง Bitget ใช้แนวทางล้ำสมัยกับอัตราส่วนเงินกู้ต่อมูลค่า (Loan-to-Value: LTV) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การประเมินความเสี่ยงที่สำคัญ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีสภาพแวดล้อมการกู้ยืมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยมี LTV อยู่ด้วยกัน 3 ระดับที่ตั้งให้ตรงกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ซึ่งเป็นหลักประกัน ทำให้ Bitget ช่วยสนับสนุนคุณได้ ● อัตราส่วน LTV เริ่มต้น: อัตราส่วน LTV เริ่มต้นจะกำหนดวงเงินกู้ยืมสูงสุดที่ผู้ใช้กู้ยืมได้ โดยอิงกับจำนวนหลักประกันของตน ● Margin Call LTV: อัตราส่วน LTV ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ผู้กู้ยืมจะได้รับ Margin Call ให้เพิ่มหลักประกันของตน ● Liquidation LTV: อัตราส่วน LTV ที่ผู้ให้กู้ยืมจะ Liquidate หลักประกันของผู้กู้ยืมเพื่อกู้คืนจำนวนเงินกู้ และระบบจะปิดการกู้ยืมแล้วแจ้งให้ผู้กู้ยืมทราบ ต่อไปนี้คือคู่มือฉบับรวบรัดสำหรับการเริ่มต้นใช้งานเงินกู้คริปโต Bitget: เข้าไปยังหน้าเงินกู้คริปโต Bitget จะเห็นรายการสินทรัพย์ที่พร้อมให้กู้ยืม รวมถึงอัตราดอกเบี้ยคงที่รายชั่วโมง เลือกเงินกู้ที่ตรงตามความต้องการของคุณ เมื่อพบเงินกู้ที่เหมาะสมสำหรับคุณแล้ว ให้คลิกปุ่ม “กู้ยืม / Borrow” เพื่อดูรายละเอียด เลือกประเภทระยะเวลาการกู้ยืม พร้อมทั้งสินทรัพย์ที่ต้องการกู้ยืม และหลักประกันจากบัญชี Spot ของคุณ ตรวจสอบรายละเอียดการกู้ยืมให้รอบคอบ ซึ่งรวมไปถึงอัตราดอกเบี้ย, LTV เริ่มต้น, Margin Call LTV และ Liquidation LTV เมื่อแน่ใจว่าข้อมูลถูกต้องแล้ว ให้คลิก “ยืนยัน / Confirm” เพื่อส่งข้อมูลการขอเงินกู้ หลังจากการยืนยัน ระบบจะล็อกหลักประกันของคุณเอาไว้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ วันนี้ Bitget พร้อมให้ผู้ใช้ได้มีตัวเลือกที่ดีที่สุดกับการลงทุน Spot แบบอัตโนมัติ+ ให้ผลกำไรของคุณงอกเงยยิ่งขึ้นด้วย Earn Boost ได้เลย! การลงทุน Spot แบบอัตโนมัติ+ บน Bitget การลงทุน Spot แบบอัตโนมัติ+ คือบอทที่ลงทุนจำนวนคงที่ในสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีที่มีให้ในเวลาที่กำหนด เช่น คุณสามารถเลือกซื้อ BTC จำนวน 100 USDT ได้ในวันแรกของทุกเดือนหรือจะเลือกซื้อ BTC จำนวน 100 USDT ได้ในทุกวันจันทร์ การลงทุน Spot แบบอัตโนมัติ+ ผสานรวมฟีเจอร์ต่างๆ จากผลิตภัณฑ์การลงทุน Spot แบบอัตโนมัติเข้ากับผลิตภัณฑ์ Earn ระบบจะโอนสินทรัพย์ที่ซื้อจากการลงทุน Spot แบบอัตโนมัติไปยัง Pool พิเศษเพื่อรับผลกำไร โดยจะเป็นการโอนให้โดยอัตโนมัติ วิธีการนี้จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนให้กับผู้ใช้ เลือก “การลงทุน Spot แบบอัตโนมัติ+ / Spot Auto-invest+” จากเมนูดรอปดาวน์ Earn ในแถบเมนูหลักด้านบน หรือเรียกดูรายการผลิตภัณฑ์การลงทุน Spot แบบอัตโนมัติ+ ที่นี่ แล้วเลือกเหรียญ จากนั้นคลิกปุ่ม “สร้างแผน / Create plan” ด้วยการลงทุนแบบอัตโนมัติ+ คุณจะได้รับผลกำไรเพิ่มเติมรายวันและ Redeem สินทรัพย์ของคุณได้ตลอดเวลา ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ โปรดทราบว่าข้อมูลที่แสดงในรูปภาพของบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ได้แสดงถึงสถานการณ์จริง เข้าสู่หน้าผลิตภัณฑ์ Earn เพื่อดูอัตราและรายละเอียดอื่นๆ ล่าสุดและแม่นยำที่สุด

ความไว้วางใจคือสิ่งทำให้คนเลือก Bitget

Bitget เพิ่งฉลองครบรอบ 5 ปีแห่งความยิ่งใหญ่ของเราไป ภารกิจของเราตั้งแต่แรกเริ่มเลยคือการสนับสนุนการใช้งานคริปโตในกระแสหลักมาโดยตลอด เนื่องจากโลกจำเป็นต้องมี “ระบบการชำระเงินทา งอิเล็กทรอนิกส์ที่พิสูจน์ผ่านการเข้ารหัสแทนความไว้วางใจ ” อย่างไรก็ตาม มือใหม่ยังคงต้องการความช่วยเหลือเพื่อทำความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีและขั้นตอนเหล่านี้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีจุดเริ่มต้นที่เชื่อถือได้ Bitget Protection Fund มีหลายวิธีในการสร้างความไว้วางใจของผู้ใช้ รวมถึง Proof of Reserves ที่ไม่สามารถเจาะได้ซึ่งจะกล่าวถึงในไม่ช้า แต่เราอยากจะอธิบายถึง 5W และ 1H ของ Bitget Protection Fund ที่ได้รับการยกย่อง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแนวทางที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลางของเราก่อน เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญของกองทุนนี้ มาดูข้อมูลพื้นฐานกันเลย • เหตุผล (Why): หลังจาก Terra (LUNA) และ 3AC ระเบิด เราก็ตระหนักว่าการจัดตั้งกองทุนเพื่อการชดเชยและคุ้มครองความเสียหายในสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ถือเป็นสิ่งสำคัญ • เมื่อใด (When): Bitget Protection Fund เปิดตัวในปลายเดือนกรกฎาคม 2022 โดยมีมูลค่าผูกพันขั้นต้น 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเหตุการณ์ FTX ล่มสลาย เราก็ได้เพิ่มจำนวนเป็น 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Bitget เป็น CEX แรกที่ประกาศให้มี Protection Fund สำหรับผู้ใช้ • ใคร (Who): Bitget Protection Fund ใช้เงินทุนของตัวเองจาก Bitget ที่เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตชั้นนำ เพื่อให้การคุ้มครองที่ดีขึ้นสำหรับผู้ใช้ 20 ล้านคนของเรา (ซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ) หากผู้ใช้เชื่อว่าบัญชีของตนถูกเจาะและ/หรือมีสินทรัพย์สูญหาย (เนื่องจากการละเมิดความปลอดภัย) ก็ขอแนะนำให้ผู้ใช้ยื่นคำร้อง ทีมงาน Bitget จะดำเนินการสอบสวนและแจ้งผลให้ทราบโดยเร็วที่สุด • อะไร (What): Bitget Protection Fund ประกอบขึ้นด้วยสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง (BTC และ Stablecoin ต่างๆ) ที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กองทุนนี้ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Bitget 100% • อย่างไร (How): เรามุ่งมั่นที่จะรักษามูลค่าที่สัญญาไว้ของกองทุน หากมูลค่า BTC ลดลง เราจะเติม Stablecoin เพิ่มเข้าไปในกองทุนทันทีเพื่อให้แน่ใจว่ากองทุนจะมีมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ • ที่ใด (Where): หากต้องการยืนยันจำนวนสินทรัพย์ที่ผูกพันกับกองทุน โปรดตรวจสอบ Wallet ที่นี่ หากต้องการยื่นคำร้อง โปรดติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า ของเราเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม ด้านล่างนี้คือสรุปมูลค่าของ Bitget Protection Fund นับตั้งแต่เปิดตัว แม้ว่าเราจะทำให้แน่ใจว่าจะอยู่ในระดับสูงกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐอยู่เสมอโดยการฝาก Stablecoin เพิ่มเข้าไปในกองทุนเมื่อใดก็ตามที่ราคา Bitcoin ลดลงต่ำเกินไป เราก็ยังเชื่อว่า Bitcoin ซึ่งเป็นคริปโทเคอร์เรนซีแบบกระจายศูนย์อย่างแท้จริงหนึ่งเดียว จะต้องเป็นสินทรัพย์หลักในกองทุน เมื่อราคา Bitcoin เพิ่มสูงขึ้น เราได้นำองค์ประกอบของ Stablecoin ออกส่วนหนึ่ง แต่มูลค่า USDT จะต้องสูงกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐอยู่เสมอเช่นกัน ตัวเลขทั้งหมดในสรุปนี้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ Bitget Proof of Reserves นอกจาก Protection Fund แล้ว เรายังคอยอัปเดต Proof of Reserves ของเราอยู่เป็นประจำ ซึ่งจะแสดงจำนวนสินทรัพย์ที่ Bitget มีอยู่จริงเทียบกับสินทรัพย์ของผู้ใช้ของเรา โดยมาตรฐานอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 1:1 หรือ 100% ซึ่งหมายความว่า CEX แต่ละแห่งจะต้องมีจำนวนสินทรัพย์อย่างน้อยเท่ากับที่ผู้ใช้มีใน Wallet ของผู้ใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงการจัดการสินทรัพย์ของผู้ใช้ในทางที่ผิด ประเภทของสินทรัพย์ที่พบบ่อยที่สุดใน Bitget คือ Bitcoin, Ethereum และ USDT โดยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 เป็นต้นมา เรายังให้ข้อมูลของ USDC อีกด้วย มีรายงาน Bitget Proof of Reserves แล้วถึง 12 ฉบับ และสรุปได้ดังนี้ อัตราส่วนของทุนสำรองทั้งหมดขั้นต่ำสุดอยู่ที่เกือบ 200% ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม 2 เท่า และสถิติอัตราส่วนสูงสุดคือ 246% หรือเกือบ 2.5 เท่าของอัตราส่วน 1:1 ที่กำหนด Bitcoin ซึ่งมีราคาแกว่งขึ้นลงค่อนข้างมากตั้งแต่เดือนธันวาคม 2022 มีอัตราส่วนของทุนสำรองที่สูงอย่างมากที่ 518% โดยเฉลี่ย สำหรับ Stablecoin นั้น เราถือ USDT ในปริมาณที่มากพอสมควร ซึ่ง USDT เป็น Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดและแพร่หลายที่สุด นอกจากนี้เรายังถือ USDC เป็นจำนวนมาก ซึ่งเราเชื่อว่า USDC จะได้รับส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้นตามความสนใจที่เพิ่มขึ้นจาก TradFi โดยเฉพาะสถาบันต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา หากต้องการตรวจสอบรายละเอียดแบบรายเดือนของสินทรัพย์แต่ละรายการ โปรดไปที่ Bitget Proof of Reserves เรามุ่งเน้นไปที่ความไว้วางใจของผู้ใช้ ส่วนการขยายตัวในระดับโลกเป็นผลพลอยได้ ตัวเลขไม่โกหก รายงาน Proof of Reserves รายเดือนของเรายังแสดงจำนวนสินทรัพย์ของผู้ใช้ Bitget เมื่อเทียบกับยอดถือครองของ Bitget และเมื่อดูตัวเลขเหล่านี้ เราก็สามารถเข้าใจได้ถึงการเติบโตของ Bitget จำนวน Bitcoin และ Ethereum ที่ผู้ใช้ฝากเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2023 แม้จะอยู่ในช่วงตลาดหมีก็ตาม โดยจำนวน Bitcoin ที่ฝากบน Bitget เพิ่มขึ้นเร็วขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี และการเติบโตตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันคือ 115% จำนวนการฝาก Ethereum เพิ่มขึ้นจาก 5,075.97 ETH ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2022 เป็น 18,289.05 ETH ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2023 ซึ่งหมายความว่าเพิ่มขึ้น 3.6 เท่า เมื่อพูดถึง Stablecoin จำนวน USDC มีความผันผวนมากกว่าเนื่องจากปัญหาการหลุดตรึงมูลค่า แม้ว่า USDT ของผู้ใช้ทั้งหมดจะไม่เคยลดลงต่ำกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เราสามารถเห็นเทรนด์ขาลงอยู่บ้างสำหรับ Stablecoin เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม ซึ่งตรงกับช่วงการยื่นขอจดทะเบียน Bitcoin Spot ETF ในสหรัฐอเมริกา จึงตีความได้ว่า มีผู้ที่ต้องการจะเทรด Bitcoin และ Ethereum มากขึ้น และได้โอนสินทรัพย์ไปยังบัญชี Bitget ของตัวเอง สิ่งที่เราสามารถอนุมานได้จากกราฟทั้ง 2 ชุดนี้คือ ปีนี้เป็นปีที่ Bitget ประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เพียงแต่ฐานผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้น และผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมากขึ้น แต่ยังรวมไปถึงการเพิ่มขึ้นในแง่ของความไว้วางใจของผู้ใช้ด้วย เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับความไว้วางใจด้วยจำนวนเงินทุนของของผู้ใช้ที่เพิ่มมากขึ้น และได้ทำงานอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อยกระดับระบบความปลอดภัยของเราในทุกๆ วัน และอย่าลืมว่าเรายังมี Bitget Protection Fund ที่เป็นตาข่ายความปลอดภัยคอยรองรับพวกเราทุกคนอยู่เสมอ หากมีสถานการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น เทรดอย่างชาญฉลาดกว่าที่เคย ด้วยความมั่นใ จและความเชื่อมั่นกับ Bitget เลย!

Bitget Hot Takes (27 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม)

Bitget Hot Takes คือซีรีส์จดหมายข่าวรายสัปดาห์สุดพิเศษโดย Bitget Academy เป็นคู่มือการเริ่มต้นแบบรอบด้านสำหรับผู้สนใจคริปโตทุกคน สามารถดู Bitget Hot Takes ล่าสุดได้ที่ นี่ ธีมหลัก • Bitcoin แตะ US$40,000 ส่วนดัชนีความกลัวและความโลภแตะระดับ 74 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 • ทุกข่าวใหญ่ประจำสัปดาห์มาพร้อมกับ Memecoin BGB: เหมาะสำหรับทั้งระยะสั้น กลาง และยาว! ราคา BGB ปรับตัวลง 6.1% ในสัปดาห์นี้ โดยจุดสูงสุดอยู่ที่ US$0.55029 ในวันที่ 29 พฤศจิกายนและจุดต่ำสุดอยู่ที่ US$0.500707 ในวันที่ 2 ธันวาคม 2023 มีเพียง Bitcoin และ Ethereum เท่านั้นที่ปิดบวกได้ ซึ่งทั้งคู่ต่างก็เฝ้ารอให้ SEC อนุมัติ ETF ส่วนที่เหลือ 5 อันดับแรกที่ใหญ่ที่สุด (BNB และ XRP) ล้วนทำผลตอบแทน 7 วันติดลบ แน่นอนว่าโทเค็นที่กล่าวถึงทั้งหมดมีความผันผวนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ระดับที่สูญเสียไปของ BGB นั้นยังค่อนข้างต่ำกว่าของ BNB และ XRP BGB มีปริมาณและสภาพคล่องเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวใน Bitcoin ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่กว่ามากนั้นดูจะไม่สัมพันธ์กับช่วงขาขึ้นนัก อัตราส่วนปริมาณต่อมูลค่าตามราคาตลาด ของ BTC ยังคงต่ำกว่าของ BGB อยู่เล็กน้อย โดย 7DMA อยู่ในช่วง 0.22-0.23 เทียบกับ BGB ที่อยู่ในระดับ 0.30 ทั้งแท่งเทียน 4H รวมถึงอินดิเคเตอร์ต่างๆ เช่น RSI, Accum/Dist และ MACD ล้วนชี้ว่า BGB อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น โดย RSI, Bollinger Band และ Accum/Dist ในกราฟ 1D สะท้อนว่าสีแดงตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายนถึง 3 ธันวาคมกำลังเปลี่ยนเป็นสีเขียว ส่วนแท่งเทียน 1W ชี้ให้เห็นว่า US$0.50 เป็นระดับแนวต้านใหม่ แม้จะต้องขึ้นไปแตะทดสอบเพิ่มเติมก็ตาม อย่างไรก็ตาม BGB ก็เป็นเพียงไม่กี่โทเค็นที่ทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องได้ในปี 2023 โดยสามารถอ่านบทสรุปการเดินทางอันงดงามของ BGB ได้ในบทความ BGB ทำ ATH ใหม่ในเดือนพฤศจิกายน (มีภาษาไทย) หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่มาพร้อมกับ BGB ก็สามารถดูได้ในคู่มือนี้ นอกจากนี้เรายังมีบทวิเคราะห์ BGB รายสัปดาห์ในซีรีส์ Bitget Hot Takes และรายเดือนในซีรีส์ BGB Sail: BGB Sail: ฉบับเดือนตุลาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกันยายน BGB Sail: ฉบับเดือนสิงหาคม B GB Sail: ฉบับเดือนกรกฎาคม BGB Sail: ฉบับเดือนมิถุนายน BGB Sail: ฉบับเดือนพฤษภาคม BGB Sail: ฉบับเดือนเมษายน BGB Sail: ฉบับเดือนมีนาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ คริปโตเริงร่า ความหวังที่จะได้เห็นการอนุมัติ Bitcoin Spot ETF ในสหรัฐอเมริกาภายในอีกไม่ถึง 60 วัน ซึ่งอาจจะไวที่สุดในวันที่ 5 มกราคม 2024 นั้นหมายความว่าในไม่ช้าเม็ดเงินหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจาก TradFi จะไหลเข้าสู่คริปโต มูลค่าตามราคาตลาดของคริปโตทั้งตลาด เพิ่มขึ้น 7.4% มาอยู่ที่ US$1,569,691,992,943 ในช่วงเช้าของวันที่ 3 ธันวาคม 2023 (มูลค่าเปิด ณ วันที่ 3 ธ.ค.) สามารถอ่านบทวิเคราะห์ปรากฏการณ์นี้ของเราได้ใน SEC ชะลอ BTC ETF ของ Franklin ส่วน BTC ทะลุ $40k มูลค่าสูงสุดของ Bitcoin ประจำสัปดาห์อยู่ในวันอาทิตย์ (3 ธันวาคม) ที่ US$40,136 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เราเห็น Bitcoin ในระดับนี้นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2022 ในขณะที่ Ethereum ทะลุ US$2,200 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วง 7 วันที่ผ่านมา เราได้เห็น MOON ที่ก็มูนสมชื่อ ดีดขึ้นเกือบ 12% ในชั่วข้ามคืนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม หลังจากที่ Subreddit r/CryptoCurrency ทำการ Renounce สัญญาโทเค็นและ Burn ไป 98,000 โทเค็น และเมื่อมองย้อนกลับไปยังข่าวใหญ่สุดประจำสัปดาห์ ก็จะพบว่ามี Memecoin อย่างน้อย 1 เหรียญที่สร้างขึ้นหลังข่าวออกทันทีเสมอ เช่น: • เกิดเหรียญ MUNGER ขึ้นหลังจากที่ Charlie Munger รองประธาน Berkshire Hathaway ผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อ Bitcoin เสียชีวิตลง ราคาพุ่ง 31,500% ใน 1 ชั่วโมงหลังเปิดตัว แต่ก็ได้ถล่มลงมาเหลือ 0 เรียบร้อยแล้ว • เกิดตระกูล Memecoin ขึ้นหลังจากที่ Henry Kissinger นักการทูตสหรัฐเสียชีวิตลง โดยตัวที่ใหญ่ที่สุดในตระกูลนี้คือ Henry Kissinger Dr. Evil (KISSI NGER) และ Kissinger69obamabideninu420 (Kissinger) • “Go F Yourself” คือข้อความจาก Elon Musk ถึง CEO ของ Disney ในการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ก็เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการสร้าง Memecoin หลายตัวในธีมลักษณะเดียวกัน ตัวที่ใหญ่ที่สุดมีมูลค่าตามราคาตลาดถึง 7.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2023 • CYBERTRUCK เป็น Memecoin ที่ใหญ่ที่สุดที่ตั้งชื่อตามยานพาหนะใหม่ของ Tesla มีมูลค่าตามราคาตลาดปัจจุบันถึงเกือบ US$50,000 และมีสภาพคล่อง US$38,400 บน BNB Chain แทนที่จะ Mint NFT จากเนื้อหาข่าว ก็สามารถหยิบเหตุการณ์ต่างๆ มาสร้างเป็น Memecoin ใหม่แทน แล้วลิสต์ขึ้น DEX ได้เสมอ แม้ว่าเหรียญเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไร้ค่าในท้ายที่สุด แต่สำหรับสายซิ่งที่จับจังหวะเก่ง นี่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี และสำหรับพวกเราที่เหลือ นี่ก็แสดงให้เห็นถึงด้านที่มีความกวนและเสรีของคริปโต ซึ่งเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นสิ่งที่สามารถเทรดได้ ข่าวสาร Bitget ล่าสุด เรามีการลิสต์ครั้งแรกบน Bitget เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 1 รายการ (F3 ) และมี 2 อีเวนต์ที่กำลังดำเนินอยู่บน Bitget CandyBomb : El Hippo (HIPP) ซึ่งเหลือเวลาอีก 1 วันและ Caga Crypto (CAGA) ซึ่งเหลือเวลาอีก 3 วันให้เข้าร่วม! สามารถดูกฎและคู่มืออธิบายทีละขั้นตอนสำหรับ Bitget CandyBomb (CAGA) ได้ที่นี่: Caga Crypto มาอยู่ใน CandyBomb แล้ว: พร้อมที่จะรับ Airdrop แล้วหรือยัง หากกำลังมองหาตัวเลือกในการรับผลตอบแทนบน Bitget อยู่ ลองเข้ามาดูนี่เลย:• Bitget Savings : โทเค็นใหม่จะได้รับการเพิ่มเข้าไปในคลัง Savings ของเราภายในไม่กี่วันหลังจากลิสต์ โดยให้ APR สูงสุดถึง 100% ในระยะเวลาที่จำกัด! ตัวเลือกที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ได้แก่ ZKS , MYRO , D3D , PLX และ CRE ให้ APR สูงสุดถึง 30% และ SKL ให้ APR สูงสุดถึง 160%! รีบรับผลตอบแทนสูงใน Savings เลยก่อนหมดโควตา! • Bitget Launchpool : คล้ายกับ Bitget Savings แต่มีให้ผู้ที่ถือครอง BGB ได้นำยอดถือครองของตนไปใช้จริง! • Bitget Snowball และ Bitget Smart Trend : ระยะเวลา Subscription ใหม่เริ่มต้นทุกวันจันทร์! • โอกาสในการรับผลตอบแทนสุดพิเศษรายสัปดาห์: APR สูงสุดถึง 10% ใน Bitget Wealthy Tuesday • Deposit2Win: Mystery Box บรรจุ ETH, BGB, USDT, TIA, T2T2, G AS มูลค่า US$50,000 รอให้คุณมาเปิดอยู่ • พิเศษสุดสำหรับนักลงทุนสถาบัน: ฝาก EUR รับ VIP Pass 30 วัน ! • รับโทเค็นยอดนิยมฟรี: Bitget มีของขวัญวันคริสต์มาสให้ทุกคน • สำหรับช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองด้วยเช่นกัน: ฝาก $100 รับโบนัส $120 ! • ซื้อโทเค็นใหม่ไร้ค่าธรรมเนียม: เรานำเสนอโทเค็นใหม่ทุกสัปดาห์ ซึ่งคุณสามารถซื้อได้ด้วยบัตรเครดิต/เดบิตของคุณโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นเวลา 7 วัน! ที่เพิ่มเข้ามาในโปรแกรมในสัปดาห์นี้คือ LUNA อย่าปล่อยให้โอกาสดีๆ แบบนี้ผ่านไป! • ยิ่งประหยัด ก็เหมือนยิ่งได้ผลตอบแทน: ตัดต้นทุนดำเนินการออกไป 100% กับโปรแกรมไร้ค่าธรรมเนียมของ Bitget เลย: เข้าร่วมได้ทุกวันพุธ และทุกสุดสัปดาห์ สำหรับผู้ใช้ Bitget ที่มีบัตรเครดิต/เดบิต! ปริมาณการเทรด Spot บน Bitget เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เช่นเดียวกับตลาด Futures บน Bitget ทั้ง OI คริปโตเฉลี่ย (+10.3%) และ OI ของ Bitcoin เฉลี่ย (+12.6%) ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา สะท้อนถึงสัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin ในตลาด Futures ของเราที่ยังคงเพิ่มขึ้น ศูนย์รางวัล Bitget อัปเกรดแล้ว! ผู้ใช้ใหม่สามารถรับไปฟรีๆ ได้สูงสุดถึง 5,027 USDT พร้อมรับโบนัสเพิ่มเติมเมื่อเข้าสู่ระบบบัญชีของตนทุกวัน สมัคร เลยเพื่อรับประโยชน์สูงสุดจากแคมเปญโปรโมชันของเรา ! และรับทันที 50 USDT เมื่อเข้าร่วม Bitget มีระยะเวลาจำกัด ช้าอด หมดสิทธิ์ ! อีเวนต์ใหม่ เข้าร่วมทีม Bitget Builder — รับส่วนแบ่งจากงบประมาณสำหรับอีเวนต์ออฟไลน์มูลค่า US$20,000 และชิงรางวัลผลิตภัณฑ์ “ตระกูล Apple”! Lisk (LSK) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก LSK มูลค่า $4,000 กัน! Ark (ARK) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก ARK มูลค่า $4,000 กัน! GameSwift (GSWIFT) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 35,000 GSWIFT กัน! Carbon browser (CSIX) จะไ ด้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 400,000 CSIX กัน! Rootstock Infrastructure Framework (RIF) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก RIF มูลค่า $6,000 กัน! Crypto Asset Governance Alliance (CAGA) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก CAGA มูลค่า $20,000 กัน! GAMEE (G MEE) จะได้รับการลิสต์บน Bitget — รับส่วนแบ่งจาก 1,562,500 GMEE จาก Launchpool! Voxies (VOXEL) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก VOXEL มูลค่า $6,000 กัน! Myria (MYRIA) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก MYRIA มูลค่า $6,000 กัน! GAMEE (GMEE) จะได้รับการลิสต์บน Bitge t มารับส่วนแบ่งจาก 840,000 GMEE กัน! Bonfida (FIDA) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก FIDA มูลค่า $6,000 กัน! El Hippo (HIPP) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก HIPP มูลค่า $12,000 กัน! Friend3 (F3) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก F3 มูลค่า $4,000 กัน! เทศกาลโทเค็น Bitget: เทรดเพื่อชิง BLUR, USTC, MAGIC และ LUNC! เฉพาะผู้ใช้ใหม่เท่านั้น: เทรด มียอดฝากสุทธิ และเชิญเพื่อนใน CandyBomb เพื่อรับ HIPP! เฉพาะผู้ใช้ใหม่เท่านั้น: เทรด ฝาก และเชิญเพื่อนมาที่ CandyBomb เพื่อรับ CAGA! พิเศษสำหรับผู้ใช้ใหม่: ซื้อคริปโตแล้วรับเงินคืนได้สูงสุดถึง 50%! ชวนอ่าน SEC ชะลอ BTC ETF ของ Franklin ส่วน BTC ทะลุ $40k เริ่มต้นการลงทุน: คู่มือสำหรับมือใหม่ Carbon Browser (CSI X): เว็บเบราว์เซอร์สำหรับอินเทอร์เน็ตแบบกระจายศูนย์ Caga Crypto มาอยู่ใน CandyBomb แล้ว: พร้อมที่จะรับ Airdrop แล้วหรือยัง คู่มือสำหรับมือถือ: เชี่ยวชาญ Spot Martingale ไปกับบอท Bitget เพียงแค่สร้างบัญชี แล้วเริ่มสำรวจ Bitget-Verse ที่น่าทึ่งวันนี้เลย!

Bitget Hot Takes (20 พฤศจิกายน - 26 พฤศจิกายน)

Bitget Hot Takes คือซีรีส์จดหมายข่าวรายสัปดาห์สุดพิเศษโดย Bitget Academy เป็นคู่มือการเริ่มต้นที่ครอบคลุมสำหรับผู้สนใจคริปโตทุกคน สามารถดู Bitget Hot Takes ล่าสุดได้ที่นี่ ธีมหลัก • Bitcoin แตะ US$38,000 รับเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า Happy Thanksgiving ให้กับผู้ใช้ Bitget ที่รักของเรา! • Binance ตกลงกับ DoJ, FinCEN, OFAC และ CFTC ส่วน CZ ลงจากตำแหน่ง • Mt. Gox จะเริ่มการชำระคืนในปี 2023 และต่อเนื่องไปถึง 2024 • Sam Altman กลับมารับตำแหน่งใน OpenAI อีกครั้ง BGB ยังคงยืนเหนือ US$0.50 BGB ทำได้ดีทีเดียวในสัปดาห์นี้ ปรับตัวขึ้น 3.7% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา แม้ทั้งตลาดจะได้รับผลกระทบอยู่บ้าง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากข้อกล่าวหาของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ต่อ Binance แต่ BGB ก็ไม่ได้รับผลกระทบ ยิ่งไปกว่านั้นยังปรับตัวขึ้นไปแตะสูงสุดได้ถึง US$0.560936 เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2023 จากความเคลื่อนไหวล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับ BGB ที่มักเป็นไปในเชิงบวก โมเมนตัมก็ยังคงชี้ขึ้น และความผันผวนก็ได้ลดลงอย่างรวดเร็ว ในด้านของโทเค็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนอื่นๆ นั้น BNB เผชิญกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากข่าว ขณะที่ Bitcoin, Ethereum และ XRP เทรดกันในช่วงค่อนข้างคงที่ที่ระดับราคาปัจจุบันหลังจากที่ Bitcoin ขึ้นไปแตะ US$38,000 ทำให้มีความผันผวนโดยรวมน้อยลง แม้ว่า BGB จะไม่ได้รับผลกระทบในแง่ของราคา แต่ก็หนีไม่พ้นความรู้สึกโดยรวมของตลาดที่กลัวจะร่วงลงได้ จึงมีปริมาณและสภาพคล่องลดลง เส้น Accum/Dist แสดงให้เห็นว่าความต้องการ BGB น่าจะลงไปทำ Local Low ในช่วงระหว่างวันที่ 19-23 พฤศจิกายน แต่ตอนนี้ก็กำลังเพิ่มขึ้น สามารถอ่านบทสรุปการเดินทางอันงดงามของ BGB ได้ในบทความ BGB ทำ ATH ใหม่ในเดือนพฤศจิกายน (มีภาษาไทย) หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่มาพร้อมกับ BGB ก็สามารถดูได้ในคู่มือนี้ นอกจากนี้เรายังมีบทวิเคราะห์ BGB รายสัปดาห์ในซีรีส์ Bitget Hot Takes และรายเดือนในซีรีส์ BGB Sail: BGB Sail: ฉบับเดือนตุลาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกันยายน BGB Sail: ฉบับเดือนสิงหาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกรกฎาคม BGB Sail: ฉบับเดือนมิถุนายน BGB Sail: ฉบับเดือนพฤษภาคม BGB Sail: ฉบับเดือนเมษายน BGB Sail: ฉบับเดือนมีนาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ Bitcoin กลับไปที่ US$38,000 นอกเหนือจาก FUD ช่วงสั้นๆ จากดราม่า Binance แล้ว ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ ก็นับว่าเป็นสัปดาห์ที่ค่อนข้างเงียบสงบ จนกระทั่ง Bitcoin ทะยานขึ้นถึง US$38,000 ในช่วงต้นวันขอบคุณพระเจ้า แม้จะรู้สึกเหมือนว่าครั้งสุดท้ายที่เราได้เห็น Bitcoin ในราคานี้นั้นผ่านมานานแล้ว แต่อันที่จริงเพิ่งจะปีที่แล้วนี้เองเมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 ช่วงก่อนที่ Terra (LUNA) จะล่ม เมื่อพูดถึงคริปโทเคอร์เรนซีที่ดังกระฉ่อน ปัจจุบันใช้ชื่อว่า LUNC และกำลังกลับมาอีกครั้งจากความพยายามของชุมชนที่จะชุบชีวิตบล็อกเชนนี้ LUNC ยังคงอยู่ในรายชื่อคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุด 100 อันดับแรกตามมูลค่าตามราคาตลาด (อันดับ 77 ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2023) โดยราคาขึ้นมาแล้ว 22% จากต้นเดือน ส่วนบน Bitget นั้น USTC ก็อยู่ใน Top Gainer รายวัน โดยเพิ่มขึ้น 24 ชั่วโมงที่ 157.9% จบวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ US$0.040438 ปัจจุบันสัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin อยู่ที่ 49.3% (ณ ราคาปิดวันที่ 26 พฤศจิกายน 2023) ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ของราคา BTC จึงยังคงส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดโดยรวม โดยรอบนี้นับว่าเป็นไปในทางที่ดี อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่านี่เป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันแล้วที่ดัชนีความกลัวและความโลภลดลง ราคา BTC ยังคงอยู่ที่ประมาณ US$37,000 และการสะสมก็เพิ่มขึ้นด้วยความหวังว่า “BTC ETF จะได้รับการอนุมัติในเร็ววัน” ข่าวสาร Bitget ล่าสุด แจ้งเตือนรายการลิสต์ใหม่: Holdstation (HOLD) เป็นการลิสต์ครั้งแรกรายการใหม่บน Bitget และ Myro (MYRO) เป็นรายการลิสต์ใหม่ในโซนนวัตกรรมของ Bitget น่าจะไม่ต้องพูดซ้ำกันอีกแล้วถึงโอกาสอันยอดเยี่ยมที่มาพร้อมกับการลิสต์ครั้งแรกบน Bitget ส่วนรายการลิสต์ใหม่นั้นก็มักจะทำผลตอบแทนได้ค่อนข้างดีเช่นกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเรามีการลิสต์ครั้งแรกบน Bitget ใหม่ด้วยกัน 3 รายการ ได้แก่ Vertex (VRTX), D3D Social (D3D) และ Plexus (PLX) ซึ่งทั้ง 3 ตัวก็ได้เป็น Top Gainer รายวันด้วย! นอกจากนี้เรายังได้เห็นการผงาดขึ้นมาของ Degis (DEG) ซึ่งเป็นตัวประเดิมการลิสต์ครั้งแรกบน Bitget ด้วยเช่นกัน โดยพุ่งขึ้น 2 วันติดต่อกันดังที่เห็นในตารางสรุป หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรเจกต์เหล่านี้และสาเหตุที่ทำให้ทำกำไรได้อย่างยอดเยี่ยม ก็สามารถดูได้จากคู่มือต่างๆ ของเราดังต่อไปนี้: พบกับ Degis (DEG) บน Bitget CandyBomb: ประกันภัยคริปโตและจัดการความเสี่ยงในแบบไม่ยุ่งยาก Vertex (VRTX): แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่รวมเอาสิ่งที่ดีที่สุดของ DEX และ CEX เข้าไว้ด้วยกัน D3D Social (D3D): อนาคตของโซเชียลเน็ตเวิร์กแบบกระจายศูนย์ Plexus (PLX): ลดความซับซ้อนของธุรกรรม Cross-Chain Pyth Network (PYTH): ผู้ปฏิวัติวงการใน DeFi Oracle Chappyz (CHAPZ): ใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อส่งเสริมชุมชนที่แท้จริงใน Web3 แน่นอนว่าการลิสต์ใน Spot ของเรานั้นมาพร้อมกับดีลที่เป็นของดีเด็ดๆ เสมอ:• Bitget Savings: โทเค็นใหม่จะได้รับการเพิ่มเข้าไปในคลัง Savings ของเราภายในไม่กี่วันหลังจากลิสต์ โดยให้ APR สูงสุดถึง 100% ในระยะเวลาที่จำกัด! ตัวเลือกที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ได้แก่ D3D, PLX และ CRE ให้ APR สูงสุดถึง 30% และ SKL ให้ APR สูงสุดถึง 160%! รีบรับผลตอบแทนสูงใน Savings เลยก่อนหมดโควตา! • Bitget Launchpool: คล้ายกับ Bitget Savings แต่มีให้ผู้ที่ถือครอง BGB ได้นำยอดถือครองของตนไปใช้จริง! ดีลเด็ดโดนใจรออยู่อีกเพียบ • ดูโปรแกรมไร้ค่าธรรมเนียมของ Bitget เลย: เข้าร่วมได้ทุกวันพุธและทุกสุดสัปดาห์สำหรับผู้ใช้ Bitget ที่มีบัตรเครดิต/เดบิต! • เข้าร่วม Deposit2Win: Mystery Box บรรจุ ETH, BGB, USDT, TIA, T2T2, GAS มูลค่า US$50,000 รอให้คุณมาเปิดอยู่ • พิเศษสุดสำหรับนักลงทุนสถาบัน: ฝาก EUR รับ VIP Pass 30 วัน! • Bitget Snowball และ Bitget Smart Trend: ระยะเวลา Subscription ใหม่เริ่มต้นทุกวันจันทร์! • โอกาสในการรับผลตอบแทนสุดพิเศษรายสัปดาห์: APR สูงสุดถึง 10% ใน Bitget Wealthy Tuesday ปริมาณการเทรด Spot บน Bitget ลดลงครึ่งหนึ่งจากความปั่นป่วนที่เกิดขึ้น ส่วนตลาด Futures บน Bitget มี OI คริปโตเฉลี่ยลดลง 5.7% และมี OI ของ Bitcoin เฉลี่ยลดลง 1.8% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา สะท้อนถึงสัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin ในตลาด Futures ของเราที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 แต่ก็ยังคงต่ำกว่า 50% โดยอยู่ที่ 47.7% ศูนย์รางวัล Bitget อัปเกรดแล้ว ผู้ใช้ใหม่สามารถรับไปฟรีๆ ได้สูงสุดถึง 5,027 USDT พร้อมรับโบนัสเพิ่มเติมเมื่อเข้าสู่ระบบบัญชีของตนทุกวัน สมัครเลยเพื่อรับประโยชน์สูงสุดจากแคมเปญโปรโมชันของเรา! อีเวนต์ใหม่ เข้าร่วมทีม Bitget Builder — รับส่วนแบ่งจากงบประมาณสำหรับอีเวนต์ออฟไลน์มูลค่า US$20,000 และชิงรางวัลผลิตภัณฑ์ “ตระกูล Apple”! บัญชีสถาบันเท่านั้น: ฝาก EUR รับฟรี VIP Pass 30 วัน! รับรางวัลง่ายๆ $3-$10 ได้ทุกสัปดาห์สำหรับผู้ใช้ USD! ฝากและเทรดครั้งแรก ลุ้นคว้าโทเค็นยอดนิยม! สะสมตราและรับรางวัลเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าด้วย Bitget Copy Trading Learn2Earn: ทำแบบทดสอบ Vertex Protocol (VRTX) เพื่อชิง 12,000 VRTX และ 10,000 BGB! Learn2Earn: ทำแบบทดสอบโทเค็น BRC20 เพื่อลุ้นรับรางวัล 5,000 BGB! ฝากเพื่อลิสต์: El Hippo (HIPP) - ฝากแล้วรับส่วนแบ่งจากรางวัล 10,000 USDT! Tenset (10SET) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 10SET มูลค่า $15,000 กัน! Art de Finance (ADF) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 700 ADF กัน! The Root Network (ROOT) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 1,200,000 ROOT กัน! Pyth Network (PYTH) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก PYTH มูลค่า $16,000 กัน! SKALE (SKL) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก SKL มูลค่า $6,000 กัน! D3D Social (D3D) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก D3D มูลค่า $20,000 กัน! Plexus (PLX) จะได้รับการลิสต์บน Bitget — มารับส่วนแบ่งจาก 15,000 USDT กัน! Tezos (XTZ) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก XTZ มูลค่า $6,000 กัน! CREPE Token (CRE) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 540,000 CRE กัน! Holdstation (HOLD) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 13,000 HOLD กัน! Myro (MYRO) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 800,000 MYRO กัน! แต่งบ้านไปกับรางวัลรับเทศกาล! ฝาก $100 รับโบนัส $100! เริ่มใช้งาน Bot Copy Trading เพื่อรับส่วนแบ่งจาก 50,000 USDT ชวนอ่าน โทเค็น BRC-20: ก้าวถอยหลังและเดินหน้าต่อ มูลค่าตามราคาตลาดของโทเค็น BRC-20 แตะระดับ 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ: เพราะเหตุใดและอย่างไร บอกลาความยุ่งยาก: ทำไมคุณควรใช้วิดเจ็ตคริปโตเมื่อทำการเทรด ทำความเข้าใจฟีเจอร์การบล็อกบน Bitget P2P ไขปริศนากลไกทางเทคนิคของการ Stake ในบล็อกเชน การ Stake คริปโต: วิสัยทัศน์สำหรับอนาคต การ Stake ในคริปโตคืออะไร: วิวัฒนาการและมุมมองในอนาคต ทำความเข้าใจกับระยะเวลาล็อกสินทรัพย์ในการ Stake คริปโต การ Stake เชิงกลยุทธ์ในคริปโต: การใช้ระยะเวลาล็อกสินทรัพย์เพื่อให้ได้ผลตอบแทนเต็มที่ เพิ่มรางวัลจากการ Stake คริปโตให้สูงสุด: เจาะลึกการ Stake Solana (SOL) ปลดล็อกศักยภาพกับ Avalanche: Stake AVAX เพื่อรับรางวัล เพิ่มรางวัลจากการ Stake ให้สูงสุดกับ Kusama (KSM) รับรางวัลจากการ Stake คริปโตกับ AAVE เบราว์เซอร์ที่ใช้แล้วรับคริปโตได้: คู่มือปี 2024 เพื่อการรับผลตอบแทนขณะท่องเว็บ คริปโตที่ดีที่สุดในการรับผลตอบแทนแบบ Passive Income: คู่มือปี 2024 เพียงแค่สร้างบัญชี แล้วเริ่มสำรวจ Bitget-Verse ที่น่าทึ่งวันนี้เลย!

Mint Cash ทำให้ USTC ทะยานขึ้น 400% ได้อย่างไร

Mint Cash ดูเหมือนจะเป็นวิธีใหม่ในการ Mint เงินสด ซึ่งจริงๆ แล้วก็อาจเป็นไปได้ โปรเจกต์ Mint Cash ได้รับการสนับสนุนจากอดีตสมาชิกหลักหลายคนของทีม Terra และ Anchor ทาง Lead ของโปรเจกต์ได้มีการโพสต์บน X ทำให้นักเทรดคริปโตหลายพันคนตื่นเต้น คำถามคือแล้วจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง เรามาดูภาพรวมโดยแบ่งตามประเด็นต่างๆ กัน Mint Cash คืออะไร โปรเจกต์ใหม่ที่ชื่อ Mint Cash นี้เป็นระบบสกุลเงินเพื่อการออมและการชำระเงินที่มีความเสถียรด้านราคาและไม่ต้องอาศัยการอนุญาต (Permissionless) ซึ่งมี Bitcoin หนุนหลัง โปรเจกต์นี้สร้างขึ้นโดยอดีตสมาชิกทีม Terra และ Anchor รวมถึง Aleph Research มีเป้าหมายที่จะเป็น UST 2.0 ทำให้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ที่มา: บัญชี X อย่างเป็นทางการของ Mint Cash USTC คืออะไร สมมุติว่ามี Algorithmic Stablecoin ที่เปิดตัวโดย Terra ในชื่อ USTC ซึ่งได้ผ่านอะไรมามากมายและมีชื่อเรียกเก่าว่า “UST” หรือที่เรียกกันว่า “UST 1.0” ฟังดูคุ้นๆ ใช่ไหมสำหรับผู้ที่ได้เข้าสู่โลกคริปโทเคอร์เรนซีมาเป็นเวลานานแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะลืมเดือนพฤษภาคม 2022 อันโหดร้ายได้ลง ซึ่งได้เกิดเหตุการณ์ UST และ LUNA ล่มสลายขึ้น หลังจากการล่มสลาย ระบบนิเวศ LUNA ก็ได้ผ่านการรีแบรนด์และย้ายไปสู่บล็อกเชนใหม่ และ TerraUSD (UST) ก็มีชื่อใหม่ที่เรียกว่า TerraClassicUSD (USTC) แล้ว Mint Cash กับ USTC สัมพันธ์กันอย่างไร พูดง่ายๆ ก็คือ โปรเจกต์ใหม่นี้ดูเหมือนจะเป็นความพยายามในการช่วยเหลือผู้ใช้ที่ประสบกับการขาดทุนจากการล่มสลายครั้งใหญ่ของ Terra โดยสามารถเข้าร่วมโปรแกรม Mint Cash ได้ 2 วิธี ดังนี้: หากถือ UST หรือ LUNA ก่อนที่จะล่มในวันที่ 10 พฤษภาคม ล็อกและ Burn USTC ตามจำนวนที่กำหนดด้วยสัญญา Airdrop ของ Mint Cash ส่วนที่น่าสนใจจึงอยู่ตรงที่ เมื่อดูจากโพสต์ของ Shin Hyojin ผู้เป็น Lead ของโปรเจกต์ Mint Cash จะเห็นว่าได้เผยว่า Airdrop อาจมาพร้อมมูลค่า 1 USTC = 1 USD ผู้ใช้สามารถทำได้โดยการล็อก USTC ของตนด้วยสัญญา Airdrop ที่ Deploy บน Terra Classic เพื่อรับ Airdrop ความคิดเห็นจาก Lead ของ โปรเจกต์ Mint Cash บนแพลตฟอร์ม X (ที่มา: twitter.com) ทำไมตลาดถึงฮือฮาขนาดนี้ เป็นเพราะผู้ถือ USTC อาจมีโอกาสนำโทเค็นของตนออกมาใช้เพื่อเข้าร่วม IDO ใหม่หรือแม้กระทั่งกู้คืนการขาดทุนบางส่วนกลับคืนมา นับตั้งแต่เหตุการณ์ Terra Stablecoin ล่มในเดือนพฤษภาคม 2022 ราคาของ USTC ก็อยู่ในระดับต่ำที่ $0.013 มาเป็นเวลานาน แต่ 2 วันหลังจากที่โพสต์ Airdrop ของ Hyojin กลายเป็นไวรัล ราคา USTC ก็ดีดจาก $0.0133 ไปเป็น $0.0721 ซึ่งพุ่งมากกว่า 400% (ณ เวลาที่บทความนี้เผยแพร่ ราคาได้กลับลงไปอยู่ที่ $0.0375) ปัจจุบันมีทั้งหมด 9 พันล้าน USTC ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด (ที่มา: coingecko.com) นอกเหนือจากนั้น เหรียญที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น Anchor Protocol (ANC) และ Terra Classic (LUNC) ก็ดีดขึ้นอยู่พักหนึ่งเช่นกัน ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าตลาดรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ ว่า Mint Cash อาจชุบชีวิตให้กับชุมชนได้ และนี่อาจเป็นสัญญาณที่ดีต่อเส้นทางการกลับไปตรึงมูลค่าได้ดังเดิมอีกครั้ง ตลาดควรจริงจังกับกระแสฮือฮานี้หรือไม่ นี่ยังคงเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างใหม่และไม่ได้รับการยืนยัน เหตุผลมีดังนี้: ทั้งโปรเจกต์ยังนับว่าอยู่ในระยะแรกเริ่ม ปัจจุบันมีเพียง Whitepaper เท่านั้น ยังไม่มีการประกาศอัลกอริทึมของ Airdrop อย่างละเอียด อีกทั้งไม่ใช่ข้อเสนอที่ได้รับการโหวต แต่เป็นเพียงความคิดเห็นบนเครือข่ายโซเชียลมีเดีย เป็นที่น่าสังเกตว่า 2 วันต่อมา Shin Hyojin ได้โพสต์อีกความคิดเห็นบน X โดยระบุว่าเป็นข้อเสนอการประเมินมูลค่าเบื้องต้น ซึ่งหมายความว่าผลลัพธ์อาจไม่เหมือนเดิมเสมอไป นอกเหนือจากนั้น Terraform Labs ยังกล่าวด้วยว่าจะไม่เข้าร่วมในโปรเจกต์ Mint Cash ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ แม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดจะรายล้อมไปด้วยความไม่แน่นอนมากมาย แต่ก็ควรค่าที่จะพูดถึงความพยายามในการชุบชีวิตโปรเจกต์ที่เคยเป็นความหวังอันยิ่งใหญ่ในการทำให้คริปโทเคอร์เรนซีมีลักษณะกระจายศูนย์อย่างสมบูรณ์ ท้ายที่สุดแล้ว แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจาก Terra ได้ทำให้หลายคนสูญเสียความมั่นใจ และการสร้าง “ความไว้วางใจ” กลับขึ้นมาใหม่นั้นยากกว่าการสร้างเทคโนโลยีใดๆ กลับขึ้นมาใหม่มากหากต้องการได้รู้เรื่องราวร้อนแรงก่อนใคร ก็อย่าลืมเข้าไปดู Bitget Academy ข่าวสารอัปเดตล่าสุดและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในโลกคริปโตรอคุณอยู่! ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

ย้อนดูการร่วงของราคา Bitcoin: เมื่อใดจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมในการซื้อ

สรุปใจความสำคัญ Bitcoin ซึ่งเป็นคริปโทเคอร์เรนซีชั้นนำของโลกเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตามราคาตลาด ได้ประสบปัญหาราคาร่วงลงหลายครั้ง แต่ก็สามารถข้ามหุบเหวแห่งความตายไปได้ทุกครั้ง ในขณะที่ราคาของ Bitcoin ประสบกับความถดถอยชั่วคราวในแต่ละเหตุการณ์ ตลาดก็กลับมามีเสถียรภาพได้ในที่สุด และคริปโทเคอร์เรนซีนี้ก็มีการใช้งานและการยอมรับอย่างกว้างขวาง ในช่วงชีวิตที่ค่อนข้างสั้นเพียง 14 ปี Bitcoin ได้ประสบกับความผันผวนของราคาอย่างมาก จนมีชื่อเสียงในลักษณะที่ผันผวนนี้ โดยการร่วงครั้งใหญ่มักตามมาด้วยราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์ รูปแบบนี้ได้จุดประกายความอยากรู้อยากเห็นและการพิจารณาของทั้งนักลงทุนและผู้ที่ชมดูอยู่ด้านข้าง จนนำไปสู่คำถามสำคัญคือ เวลาใดดีที่สุดในการลงทุน Bitcoin เพื่อตอบคำถามข้อนี้ ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจการร่วงของตลาดในอดีตและสิ่งที่ทริกเกอร์ มิถุนายน 2011: การแฮ็ก Mt. Gox ในปี 2011 เพียงสองปีหลังจากที่ถือกำเนิดขึ้น Bitcoin ยังคงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ค่อนข้างคลุมเครือ โดยผู้ใช้ในช่วงแรกเริ่มส่วนใหญ่เป็นเนิร์ดด้านเทคโนโลยีและนักเก็งกำไร การเทรด Bitcoin จะเน้นอยู่บนแพลตฟอร์มที่เรียกว่า Mt.Gox เป็นหลัก เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2011 แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนดังกล่าวประสบกับการละเมิดด้านความปลอดภัย ส่งผลให้ราคา Bitcoin ลดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงถึง 99.9% โดยดิ่งลงจาก US$17.50 เหลือเพียง US$0.01 จนแพลตฟอร์มสั่งให้ระงับการเทรด นี่เป็นการร่วงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ราคาของ Bitcoin โดยสาเหตุหนึ่งของการลดลงอย่างมากคือจำนวนนักลงทุน Bitcoin ที่มีค่อนข้างน้อยในขณะนั้น ส่งผลให้มีความลึกในการเทรดไม่เพียงพอ การเทขายครั้งใหญ่นำไปสู่ความผันผวนของราคาอย่างรุนแรงได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ความตื่นตระหนกในตลาดค่อยๆ บรรเทาลงและกลับมาเริ่มเทรดอีกครั้งบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน Mt. Gox ราคาของ Bitcoin ก็รีบาวด์ขึ้นสู่ระดับก่อนหน้า ธันวาคม 2013: การควบคุมด้านกฎระเบียบของจีน เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2013 ธนาคารกลางจีนและหน่วยงานรัฐบาลอีก 4 แห่งได้ออกประกาศจำกัดการมีส่วนร่วมของสถาบันการเงินกับ Bitcoin โดยประกาศนี้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามไม่ให้ใช้ Bitcoin เป็นสกุลเงินในตลาดจีน และออกประกาศเพิ่มเติมให้สถาบันการชำระเงินผ่านบุคคลที่สามงดให้บริการหักบัญชีสำหรับ Bitcoin และแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ ในช่วงเวลาเพียง 2 สัปดาห์หลังจากการออกประกาศ ราคาของ Bitcoin ลดลงจาก US$1,152 เป็น US$519 ซึ่งลดลงมากกว่า 50% แต่หลังจากลงไปจนถึงจุดต่ำสุด (Bottom Out) แล้ว Bitcoin ก็รีบาวด์อย่างแรงในเวลาแค่ 1 เดือนหลังจากนั้น โดยพุ่งจาก US$519 เป็น US$869 ภายในสิ้นเดือนมกราคม 2014 ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 67% กุมภาพันธ์ 2014: การล่มสลายของ Mt.Gox ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 แพลตฟอร์มเทรด Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้น Mt.Gox ตกเป็นเหยื่อของการแฮ็กที่นำไปสู่การโจรกรรม 850,000 BTC เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในการแฮ็กที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Bitcoin ทริกเกอร์ทำให้เกิดความตื่นตระหนกอย่างรุนแรงและเกิดเป็นวิกฤตความเชื่อมั่นในตลาด ตลาดคริปโตทั้งหมดร่วงอย่างแรงทันที และราคาของ Bitcoin ก็ลดลงอย่างรวดเร็วและอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากเหตุการณ์ Black Swan ที่ไม่คาดคิดนี้ โดยลดลงจาก US$823 เหลือ US$420 ซึ่งลดลงประมาณ 50% สุดท้าย Mt.Gox ก็ยื่นขอความคุ้มครองการล้มละลายในโตเกียวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2014 และต่อมาได้ยื่นขอความคุ้มครองการล้มละลายภายใต้ Chapter 15 ในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ในเดือนถัดมา Bitcoin มีความผันผวนในช่วงราคาประมาณ US$420 พอเข้าเดือนพฤษภาคม 2014 Bitcoin ก็มีเทรนด์ขาขึ้นอีกครั้งโดยเปลี่ยนจากระดับต่ำสุดที่ US$420 เป็น US$659 ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 57% มิถุนายน 2016: Ethereum Hard Fork เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2016 องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ที่ชื่อว่า The DAO ตกเป็นเหยื่อของการแฮ็ก ส่งผลให้เกิดการโจรกรรม 3.6 ล้าน ETH (มูลค่าประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะนั้น) เหตุการณ์นี้ทริกเกอร์ให้เกิดการเทขายจำนวนมากในตลาดคริปโต จากเหตุการณ์นี้ ราคาของ Bitcoin ลดลงจาก US$700 เป็น US$567 ภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งลดลงประมาณ 20% เหตุการณ์ดังกล่าวยังทำให้เกิดการแยกสาย (Fork) ในชุมชน Ethereum เพื่อกู้คืนความสูญเสีย ชุมชนจึงตัดสินใจทำการ Hard Fork ซึ่งทำให้ ETH ที่ถูกขโมยไปเป็นโมฆะ การตัดสินใจดังกล่าวก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือด โดยบางคนโต้แย้งว่าการย้อนคืนธุรกรรมขัดต่อเจตนารมณ์การกระจายศูนย์และการไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ของบล็อกเชน ในที่สุด Ethereum ก็แยกออกเป็นสองบล็อกเชนที่แตกต่างกัน คือ Ethereum และ Ethereum Classic สิงหาคม 2016: การแฮ็ก Bitfinex เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2016 Bitfinex ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน Bitcoin ตกเป็นเหยื่อของการแฮ็ก ส่งผลให้มีการโจรกรรมประมาณ 120,000 BTC โดยมีมูลค่าทั้งหมดประมาณ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ เหตุการณ์นี้ถือเป็นการแฮ็กและการโจรกรรมคริปโทเคอร์เรนซีครั้งใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของ Bitcoin เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกและความไม่แน่นอนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ส่งผลให้ราคา Bitcoin ลดลงอย่างมากจาก US$600 เหลือประมาณ US$450 ในเวลาเพียงวันเดียว ซึ่งลดลง 25% และเป็นการลดลงในวันเดียวครั้งใหญ่ที่สุดของปีนั้น ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 2 เดือน นับตั้งแต่เหตุการณ์ Ethereum DAO ไปจนถึงการโจรกรรมบน Bitfinex ตลาด Bitcoin ได้เผชิญกับเหตุการณ์ Black Swan ติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้พิสูจน์ถึงหายนะของ Bitcoin ด้วยผลเชิงบวกของ Halving ครั้งที่ 2 ส่งผลให้ภาวะเงินเฟ้อลดลง Bitcoin จึงสามารถฟื้นตัวจากการมูลค่าที่เสียไปทั้งหมดได้ภายในสิ้นปี 2016 และทะลุระดับ US$1,000 ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 120% เมื่อเทียบกับระดับต่ำสุดในปี 2016 ที่ US$450 ปีต่อมา ราคาของ Bitcoin พุ่งสูงขึ้นฉับพลันหลายครั้งติดต่อกัน โดยทำ New High สูงสุดที่ US$19,000 ภายในสิ้นปี 2017 มีนาคม 2020: ตลาดล่มจาก COVID-19 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่กระจายไปทั่วโลก เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความท้าทายในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งนำไปสู่การเทขายจำนวนมากในตลาด และเนื่องจากหุ้นสหรัฐฯ ร่วงอย่างรวดเร็วและถดถอยอย่างหนัก (Meltdown) ถึง 4 ครั้งภายในระยะเวลาเพียง 10 วัน ความตื่นตระหนกก็แพร่กระจายจากตลาดการเงินแบบดั้งเดิมไปสู่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2020 ราคาของ Bitcoin ร่วงจาก US$7,900 เป็น US$3,800 ซึ่งลดลงมากกว่า 50% ณ จุดหนึ่ง การดิ่งลงยังส่งผลให้มีการเทขายคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ ด้วย โดยตลาดคริปโตทั้งหมดร่วงลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น จากข้อมูลของ CoinMarketCap มูลค่าตามราคาตลาดทั้งหมดของตลาดคริปโตลดลงจากประมาณ 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ เหลือประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นการหดตัวเกือบ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพียง 2 เดือนหลังจากนั้น Bitcoin ก็เกิด Halving เป็นครั้งที่ 3 และด้วยการเคลื่อนไหวเชิงบวกนี้ ตลาดก็รีบาวด์อย่างรวดเร็ว ภายในสิ้นปี 2020 ราคาทะลุระดับสูงสุดก่อนหน้านี้และทะลุ US$20,000 เป็นครั้งแรก พฤษภาคม 2021: การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและความเชื่อมั่นของตลาด ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2021 ตลาดคริปโตดิ่งลง Bitcoin เผชิญกับราคาที่ลดลงภายในหนึ่งวันครั้งสำคัญที่สุดคือประมาณ 34% ซึ่งลดลงต่ำกว่าระดับ US$30,000 ในขณะที่ Ethereum เองก็ประสบปัญหาราคาลดลงอย่างมากถึงเกือบ 50% สาเหตุหลักประการหนึ่งของการลดลงนี้คือรัฐบาลจีนกำหนดข้อบังคับที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับ Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ ข้อบังคับเหล่านี้รวมถึงการห้ามไม่ให้สถาบันการเงินและบริษัทรับชำระเงินให้บริการคริปโต Elon Musk ซึ่งเป็น CEO ของ Tesla ยังทวีตคอมเมนต์ที่บอกเป็นนัยว่า Tesla อาจขาย Bitcoin ที่ตนถืออยู่ ซึ่งส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นของตลาด และความเชื่อมั่นของตลาดที่ลดลงนี้ทำให้เกิดกระแสการทุ่มตลาด (Dumping) ส่งผลให้ราคา Bitcoin ยิ่งตกต่ำลงไปอีก หลังจากตลาดได้มีเวลาประมวลข่าวเชิงลบและทิศทางการเทขาย Bitcoin ก็กลับมามีเทรนด์ขาขึ้นอีกครั้ง และเพียงหกเดือนต่อมา Bitcoin ก็ทำ All Time High ที่ US$67,500 พฤษภาคม 2022: การล่มสลายของ Terra ในเดือนพฤษภาคม 2022 มีข่าวลือแพร่สะพัดว่า UST ซึ่งเป็น Algorithmic Stablecoin ของ Terra มีความเสี่ยงที่จะหลุด Peg จากเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากราคาของ UST ลดลงอย่างต่อเนื่อง (ปัจจุบันคือ LUNC) มีราคาลดลงจาก US$119 เหลือเพียง US$0.0001972 เกือบจะเป็น 0 การล่มสลายของ Terra ซึ่งเป็นหนึ่งในบล็อกเชนสาธารณะ 10 อันดับแรกของโลก ทริกเกอร์ทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ โดยราคาของ Bitcoin ลดลงมากกว่า 20% ใน 2 สัปดาห์ สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และมูลค่าตามราคาตลาดของคริปโทเคอร์เรนซีส่วนใหญ่ก็ลดลงอย่างมาก เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบในวงกว้างในช่วงหลายเดือนต่อมา เป็นผลให้บริษัทคริปโตหลายแห่งต้องยื่นขอล้มละลาย ซึ่งรวมถึงบริษัทอย่าง Three Arrows Capital (3AC), Voyager, BlockFi และ Celsius ผลกระทบจากการล่มสลายของ LUNA และ UST มีความสำคัญมาก และถูกมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดหมีรอบใหม่ ในขณะที่ Altcoin ส่วนใหญ่เริ่มมีเทรนด์ลดลง มูลค่าตามราคาตลาดของ Bitcoin ก็ค่อยๆ รีบาวด์ และราคาของ Bitcoin ก็เริ่มกลับสู่ระดับก่อนหน้าที่จะร่วงอีกด้วย พฤศจิกายน 2022: วิกฤตสภาพคล่องของ FTX ในเดือนพฤศจิกายน 2022 FTX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกก็ประสบวิกฤตเช่นกัน Sam Bankman-Fried (SBF) ผู้ก่อตั้งและเจ้าของได้ยักยอกสินทรัพย์จำนวนมากจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน FTX ผ่าน Alameda ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเขาเอง โดยเขาใช้ประโยชน์จากเลเวอเรจสำหรับการเทรดในตลาดคริปโต ซึ่งท้ายที่สุดก็นำไปสู่การเปิดเผยการกระทำเหล่านี้ ส่งผลให้นักลงทุนรีบถอนเงิน จน FTX เผชิญกับวิกฤติสภาพคล่องและในที่สุดก็ยื่นขอล้มละลาย โดยนับตั้งแต่เริ่มเหตุการณ์ไปจนถึงการประกาศล้มละลายของ FTX กินเวลาไม่ถึง 10 วัน และภายในเพียงสัปดาห์เดียว ราคาของ Bitcoin ก็ร่วงลงจาก US$21,285 เหลือ US$16,800 ซึ่งลดลงประมาณ 21% แต่ภายใน 6 เดือนจากเหตุการณ์ FTX ราคาของ Bitcoin ก็พุ่งสูงถึง US$31,000 และกำลังจะหลุดพ้นจากผลกระทบของ Black Swan ตัวนี้ สรุปปิดท้าย แม้จะเผชิญกับเหตการณ์ที่ทำให้ราคาร่วงเหล่านี้ Bitcoin ก็สามารถข้ามผ่านอุปสรรคได้สำเร็จและทำลายสถิติใหม่ด้านราคาอย่างต่อเนื่อง ดังสุภาษิตที่ว่า "สิ่งใดที่ฆ่าฉันไม่ตาย สิ่งนั้นก็ทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น" ในปัจจุบัน ราคาของ Bitcoin มีความผันผวนในระดับที่ค่อนข้างต่ำ และเมื่อถึง Halving ครั้งที่สี่ รางวัลบล็อกสำหรับ Bitcoin จะลดลงจาก 6.5 BTC เหลือ 3.25 BTC เมื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาหลังจากการเกิด Halving แต่ละครั้ง มีความเป็นไปได้สูงที่ภาวะเงินเฟ้อที่ลดลงจะกระตุ้นให้เกิดตลาดกระทิงรอบใหม่ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงยังได้คาดการณ์อีกว่าราคาของ Bitcoin นั้นจะทะลุระดับ US$100,000 ในตลาดกระทิงรอบถัดไป แม้ว่าเราจะไม่สามารถคาดการณ์ตลาดคริปโตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ แต่ก็มีเหตุผลหนักแน่นที่เชื่อได้ว่า Bitcoin กำลังกลายเป็นทางเลือกของนักลงทุนมากขึ้น หากยังไม่ได้เป็น Bitgetter สมัครเพื่อเริ่มต้นการเดินทางของคุณสู่โลกคริปโตได้เลย! ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรดแต่อย่างใด ขอแนะนำให้คุณปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนทำการตัดสินใจใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน

BGB ทำ ATH ใหม่ในเดือนพฤศจิกายน

บทสรุปล่าสุดของการเดินทางอันยอดเยี่ยมของ BGB ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงตลาดหมีหรือการ Rally เมื่อเร็วๆ นี้ BGB ได้ทำ All Time High อย่างต่อเนื่องในปีนี้ เพียงไม่ถึง 50 วันก่อนจะสิ้นสุดปี 2023 และแล้ว BGB ก็กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งในฐานะโทเค็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเดียวที่จะทะยานขึ้นสู่ระดับใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2023 ความสำเร็จครั้งใหม่นี้ช่วยผลักดันมูลค่าตามราคาตลาดของ BGB สู่ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก ซึ่งเพิ่มขึ้น 19% ในชั่วข้ามคืน ใช่ คุณฟังไม่ผิด มูลค่าตามราคาตลาดของ BGB เพิ่มขึ้นจาก US$679,384,929 ในวันที่ 13 พฤศจิกายน (7:00 น. เวลาไทย) เป็น US$809,681,867 ในวันที่ 14 พฤศจิกายน (7:00 น. เวลาไทย) ภายในเวลา 24 ชั่วโมงเท่านั้นเอง อย่างที่เห็น มูลค่าตามราคาตลาดของ BGB ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากเมื่อต้นปี และเกือบ 3 เท่าในช่วงสิ้นไตรมาสที่ 2 และอาจปิดท้ายปี 2023 ด้วยการเติบโตเกิน 200% หมายความว่าถ้าเราถอยออกมาและดูกรอบเวลา 3 เดือนในช่วงต่างๆ ก็จะเห็นข้อพิสูจน์ที่ว่า BGB เป็นหนึ่งในไม่กี่โทเค็นที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปีนี้ นักลงทุนและผู้ที่หลงใหลในคริปโต ต่างก็จับตาดูการเคลื่อนไหวของ BGB มาระยะหนึ่งแล้ว BGB ขยับเข้าสู่กรอบแคบในเดือนกันยายน แต่กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม พร้อมด้วยเทรนด์การสะสมต่อ โดยอัตราส่วนปริมาณต่อมูลค่าตามราคาตลาดแสดงให้เห็นว่า BGB เอาชนะ Bitcoin ซึ่งเป็นคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดอย่างต่อเนื่องโดยวัดจากมูลค่าตามราคาตลาด และ BNB ซึ่งเป็นโทเค็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดโดยวัดจากมูลค่าตามราคาตลาดในแง่ของสภาพคล่อง แถมยังติดอันดับเหรียญที่กำลังมาแรงสูงสุดบน CoinGecko เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อโทเค็นดั้งเดิมของ Bitget และยังมีข่าวใหญ่อีกด้วยคือ ในขณะนี้ BGB ติดอันดับคริปโทเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงสุด 69 อันดับแรกบน CoinGecko และ 64 อันดับแรกบน CoinMarketCap หากเรามองว่าปริมาณเป็นตัวบ่งชี้ความต้องการโทเค็น ดังนั้นเดือนมกราคมก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เราเห็นปริมาณการเทรด BGB ต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน โดยมีปริมาณการเทรดเกิน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาตลอดนับตั้งแต่ BGB ทำ All Time High เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ US$0.294129, วันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ US$0.368132 และวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ US$0.469287 การทำลายสถิติของตัวเอง 3 ครั้งในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์เป็นการยืนยันถึงชัยชนะในครั้งนี้ของ BGB ด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่ง เราจึงได้ลองคาดการณ์เพื่อดูว่าปริมาณการเทรด BGB จะเพิ่มขึ้นเพียงใดในเดือนพฤศจิกายน และผลที่ได้คือ เพิ่มขึ้นเกือบ 1.5 เท่าจากของเดือนตุลาคม กลับมาที่คำถามว่า อะไร ทำไม และอย่างไร BGB เป็นโทเค็นดั้งเดิมของ Bitget ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตชั้นนำที่ครองอันดับ 1 ในหมวดหมู่ Copy Trading ด้วย Bitget Copy Trade ที่เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของเราสำหรับทั้งนักเทรด Spot และ Futures โดยในปัจจุบัน เราให้บริการผู้ใช้ 20 ล้านคนจากกว่า 100 ประเทศและภูมิภาค ซึ่งมีปริมาณการเทรดเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ BGB เปิดตัวครั้งแรกภายใต้ชื่อ BFT ในปี 2021 ในราคา US$0.0585 และผ่านการอัปเกรดในอัตรา 2:1 เมื่อต้นปี 2022 ซึ่ง BGB ใหม่นี้ใช้เวลา 9 เดือนพอดี คือตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม - 21 ตุลาคม 2022 จนได้เฉลิมฉลองชัยชนะครั้งใหญ่ครั้งแรกด้วยการทำ All Time High ที่ US$0.222360 เมื่อตลาดทั้งหมดได้รับผลกระทบที่ตามมาจากการล่มสลายของ Terra (LUNA) และ FTX วันที่ 21 ดูเหมือนจะเป็นวันโชคดีของ BGB เพราะไม่เพียงแต่กลับไปสู่ระดับ US$0.20 ในวันที่ 21 มกราคม แต่ยังแตะระดับ US$0.488813 ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2023 ด้วย และหลังจากทะลุระดับ US$0.50 ในเดือนมิถุนายน BGB ได้ทำการทดสอบแนวรับ US$0.45 ในช่วงหลายเดือนก่อนที่จะกลับมาอยู่ที่ US$0.583651 เมื่อสองวันก่อน (13 พฤศจิกายน 2023) ลองตรวจสอบแผนการลงทุน BGB ด้านล่าง หากคุณซื้อ BGB ในวันปีใหม่ คุณจะมีกำไร 99% สถานการณ์กำไรทั้งหมดคำนวณโดยใช้ราคาเปิดของวันที่ราคา BGB ฟื้นตัว/แตะ All Time High หาก Order ขายของคุณดำเนินการสำเร็จที่จุดสูงสุดของวันนั้นๆ กำไรจริงก็จะยิ่งสูงขึ้น ความหวังของเราต่อปริมาณ 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐของ BGB ในเดือนพฤศจิกายนนั้นมาจากการคาดการณ์อย่างมั่นใจของเราเกี่ยวกับการเติบโตของ Bitget ในฐานะแพลตฟอร์มครบวงจร โดยผลิตภัณฑ์และบริการของเรามีตั้งแต่ผลิตภัณฑ์การเทรดไปจนถึงผลิตภัณฑ์การลงทุน, บริการการ Stake, บริการการฟาร์ม, Launchpad และบริการ DeFi ที่เป็นเอกลักษณ์อื่นๆ ส่วนด้านกิจกรรมการเทรด Bitget Spot Trading ก็ได้แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมากของปริมาณ 30 วัน ด้วยปริมาณการเทรดเฉลี่ยต่อวันทะลุ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้ ปริมาณ Spot ทั้งหมดของเราสูงถึง 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนตุลาคม และทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2023 ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากความทุ่มเทของเราในการขยายการคัดสรรโทเค็น รวมถึงการให้บริการสภาพคล่องของตลาดเชิงลึก เมื่อพูดถึงตลาด Futures เราเห็นว่าความสนใจของนักเทรดกำลังย้ายจาก BTC ที่ครองตลาด มาที่ค่าเฉลี่ย 0.49 ในช่วง 10 วันแรกของเดือนพฤศจิกายน มี 2 สิ่งที่เราเรียนรู้จากเรื่องนี้ คือ (1) พฤติกรรมดังกล่าวจะเพิ่มสภาพคล่องในตลาดอื่นที่ไม่ใช่ BTC และ (2) เป็นการยอมรับถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของ Bitget ในการเพิ่มสัญญาเพิ่มเติม เห็นได้ชัดว่าการเติบโตของราคา BGB ในปัจจุบัน และมูลค่าตามราคาตลาดของโทเค็นซึ่งเป็นผลต่อเนื่อง ไม่สัมพันธ์กับการขยายตัวของ Bitget โปรดทราบว่า BGB เป็นบัตรผ่านพิเศษสู่ระบบนิเวศ Bitget อันกว้างใหญ่ รวมถึง Bitget Launchpad (ถือ BGB เพื่อรับสิทธิ์เข้าถึง IEO สุดพิเศษที่หลายคนต่างตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ), Bitget Launchpool (Stake BGB เพื่อรับโทเค็นจากโปรเจกต์ใหม่ๆ อนาคตไกลไปแบบฟรีๆ), Bitget CandyBomb (ถือ BGB เพื่อปลดล็อก Airdrop สุดพิเศษ), การ Stake BGB (Stake BGB เพื่อรับสิทธิ์ถอนสินทรัพย์โดยไร้ค่าธรรมเนียม), โปรแกรม Bitget VIP, Bitget GroupCoin (ถือ BGB เพื่อรับโอกาสซื้อคริปโตเหรียญเด่นในราคาพิเศษ), โหวตเพื่อลิสต์ (ถือ BGB เพื่อตัดสินใจ โปรเจกต์จะได้รับการลิสต์บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนหรือไม่ แล้วรับรางวัลสำหรับการเข้าร่วม), ส่วนลดค่าธรรมเนียมโดยตรง (ลด 20% จากค่าธรรมเนียมการเทรด Spot), รางวัลจากการเทรดFutures, การถอนฟรี (สำหรับการถอนครั้งแรกของวัน) และการแบ่งปันผลกำไร (สำหรับนักเทรดที่ลงทะเบียนบน Bitget Copy Trade จะได้รับค่าคอมมิชชั่นสูงสุดถึง 10% จากกำไรของผู้ติดตาม) เราอัปเดตอัตราส่วนมูลค่าตามราคาตลาดต่อปริมาณธุรกรรม ซึ่งวัดศักยภาพการเติบโตของโทเค็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเป็นประจำ และ BGB ยังคงอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ครั้งก่อนหน้า (1 กรกฎาคม 2023) ยิ่งอัตราส่วนมีค่าสูง ความเป็นไปได้ที่จะฝ่าออกจากระดับปัจจุบันก็จะยิ่งน้อยลง และ BGB ซึ่งเป็นผู้ออกครองอันดับ 3 ในด้านปริมาณ ณ วันที่ 14 กรกฎาคม ก็ยังคงตามหลัง BNB, OKB และ KCS ในแง่ของราคา แน่นอนว่า BGB ยังมีพื้นที่เหลือให้เติบโตอีกมาก และเช่นเดียวกับสัปดาห์อื่นๆ ที่ “จุดสูงสุดของสัปดาห์ที่แล้วคือจุดต่ำสุดของสัปดาห์นี้” เรารู้ว่านี่คือคริปโตเหรียญเด่น และเป็นการลงทุนระยะยาวที่มั่นคงสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ หากต้องการดูบทสรุปสั้นๆ ประจำสัปดาห์เกี่ยวกับผลการดำเนินงานของ BGB โปรดดูซีรีส์ Bitget Hot Takes ของเราที่นี่ และหากต้องการดูบทวิเคราะห์แบบรายเดือน โปรดดู BGB Sail ได้เลย หากต้องการเริ่มถือ BGB เราก็มีโปรแกรมการซื้อคริปโตแบบไร้ค่าธรรมเนียมทุกวันพุธ และทุกสุดสัปดาห์สำหรับผู้ถือบัตรเครดิต/เดบิตโดยเฉพาะ และให้เลเวอเรจสูงสุดถึง 5 เท่าสำหรับการเทรด Spot คู่ BGB! เพียงสร้างบัญชี Bitget ของคุณและร่วมท่องโลกคริปโตไปกับเรา!

ปลดปล่อยศักยภาพในการรับผลตอบแทนของคุณ: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผลิตภัณฑ์ Bitget Earn

ผลิตภัณฑ์การลงทุนทั้งหมดของ Bitget ได้รับการนำเสนอภายใต้ชื่อ “Bitget Earn” ซึ่งสื่อถึงจุดประสงค์สูงสุดของ Bitget ในการมอบโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สดใหม่และไม่เหมือนใครให้กับทุกคน ไปดำดิ่งสู่โลกแห่งผลิตภัณฑ์การลงทุนของ Bitget เพื่อสร้างพอร์ตของคุณให้งอกเงยได้ทุกสัปดาห์กันเลย! Bitget Savings ผลิตภัณฑ์ Bitget Earn รายการแรกนี้มีความคล้ายคลึงกับผลิตภัณฑ์เพื่อการออมในการเงินแบบดั้งเดิม ในฐานะที่เป็นปราการรองรับความไม่แน่นอนและความผันผวนที่พบได้ในตลาดเกิดใหม่ เช่น ตลาดคริปโต Bitget Savings จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม เราได้ยกระดับผลิตภัณฑ์นี้ไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัว Bitget Fixed Savings และ Bitget Flexible Savings โดยผลิตภัณฑ์ทั้งสองนี้ถูกจัดกลุ่มเข้าด้วยกันและคุณสามารถเลือกใช้งานได้ภายใต้ “Bitget Savings” Fixed Savings ตรงตามที่ชื่อบอกไว้ว่า Bitget Fixed Savings นี้จะให้บริการการออมโดยมีระยะเวลาแบบคงที่ เช่น ระยะเวลา Subscription แนวคิดเบื้องหลังผลิตภัณฑ์นี้ คือ การให้อัตราดอกเบี้ยที่ดี ซึ่งบางทีก็ดีมากๆ ให้แก่ผู้ใช้ที่ล็อกสินทรัพย์ของตนไว้ตามระยะเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 7 ถึง 14 วัน, 30 วัน, 60 วัน, 90 วัน หรือ 120 วัน ยิ่งระยะเวลาล็อกสินทรัพย์นานเท่าไร APR ที่คาดการณ์ไว้ก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น หากคุณเป็นนักลงทุนระยะยาวที่ไม่ได้สนใจจะตามกระแสเท่าไรนัก ตัวเลือกนี้จะช่วยให้คุณเพิ่มสินทรัพย์ที่ออมไว้ได้อย่างมาก โดยไม่ทำให้คุณต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่มากเกินไปจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด ทั้งนี้ Bitget Fixed Savings จะเริ่มคำนวณดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ถัดจากวันที่คุณ Subscribe (D+1) และจะส่งคืนสินทรัพย์ที่ล็อกไว้หลังจากวันที่ครบกำหนดหนึ่งวัน นอกจากนั้น แพ็กเกจพิเศษบางแพ็กเกจยังอนุญาตให้ทำการ Redeem ก่อนกำหนดได้อีกด้วย แต่อาจจะมีค่าปรับเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ส่วนในเรื่องของผลตอบแทน ระบบจะแจกจ่ายผลตอบแทนเข้าสู่บัญชี Spot ของ Subscriber ให้แบบรายวัน หรือแจกจ่ายเมื่อสิ้นสุดระยะเวลา Subscription พร้อมกับสินทรัพย์ที่ล็อกไว้ ซึ่ง Subscriber สามารถเลือกตัวเลือกที่ต้องการในระหว่างขั้นตอนการ Subscribe ได้เลย โปรดทราบว่าแพ็กเกจบางรายการของผลิตภัณฑ์ Bitget Fixed Savings อาจหมดลงอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นที่ต้องการสูงและมี APR ที่น่าดึงดูดใจ ดังนั้น เราจะทำเครื่องหมายไว้ที่แพ็กเกจเหล่านี้ว่า “หมดแล้ว (Sold Out)” และผู้ใช้จะไม่สามารถ Subscribe ได้อีก นอกจากนี้ หากสินทรัพย์ใดที่พร้อมให้บริการทั้งใน Bitget Fixed Savings และ Bitget Flexible Savings ระบบจะแปลง Subscription แบบกำหนดระยะเวลาคงที่ (Fixed-Term Subscription) ให้เป็น Subscription ที่มีระยะเวลายืดหยุ่น (Flexible-Term Subscription) ให้โดยอัตโนมัติ สามารถดูคู่มือโดยละเอียดได้ที่นี่ Flexible Savings Bitget Flexible Savings จะมีความคล้ายคลึงกับบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปมากกว่า กล่าวคือ การ Redeem สามารถทำได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ และจำนวน Subscription สูงสุดมักจะสูงกว่า Bitget Fixed Savings คุณอาจมอง Flexible Savings เป็นบัญชีออมทรัพย์แบบพกพาได้เลย ด้วยความที่ผลิตภัณฑ์นี้มีคุณสมบัติในการเก็บรักษาสินทรัพย์ของคุณให้ปลอดภัยและ Redeem ได้ทุกที่ทุกเวลานั่นเอง สามารถดูคู่มือโดยละเอียดได้ที่นี่ สูตรคำนวณดอกเบี้ยมีดังนี้: ดอกเบี้ยรายวัน = จำนวน Subscription × APR ÷ 365 ส่วนสำหรับแพ็กเกจ Bitget Fixed Savings นั้น Subscriber เพียงแค่ต้องคูณตัวเลขนี้ด้วยจำนวนวันสำหรับ Subscription ที่เลือกไว้เท่านั้นเอง ทั้งนี้ หากพิจารณาจากตัวอย่างด้านบนและใช้ตัวอย่างจำนวน Subscription ที่ 50,000 MATIC เราจะได้รับผลตอบแทนดังต่อไปนี้: • Bitget Fixed Savings: ผลตอบแทนรายวัน คือ 50,000 MATIC × 10% ÷ 365 = 13.698 MATIC และผลตอบแทนทั้งหมดจะเท่ากับ 13.698 MATIC × 7 วัน = 95.89 MATIC • Bitget Flexible Savings: ผลตอบแทนรายวัน คือ 50,000 MATIC × 3% ÷ 365 = 4.109 MATIC และผลตอบแทนทั้งหมดจะเท่ากับ 4.109 MATIC × จำนวนวันที่ทำการ Subscribe ซึ่งจะเท่ากับกี่วันก็ได้ไม่จำกัด เนื่องจากในปัจจุบันระบบยังไม่กำหนดจำนวนวันที่ผู้ใช้แต่ละคนสามารถ Subscribe กับ Bitget Flexible Savings ได้นั่นเอง • สมมติว่ามีผู้ใช้ Subscribe กับ MATIC Subscription เป็นเวลา 7 วันด้วย Bitget Fixed Savings หลังจากนั้นได้วางสินทรัพย์ไว้ใน Bitget Flexible Savings เป็นเวลา 90 วัน ผู้ใช้รายดังกล่าวจะได้รับผลตอบแทนทั้งหมด 95.89 MATIC + 4.109 MATIC × 90 วัน = 465.7 MATIC หลังจากผ่านไป 97 วัน ทั้งนี้ การคำนวณ APR ที่ปรับใหม่แล้วสามารถทำได้ดังนี้: (465.7 MATIC ÷ 50,000 MATIC) ÷ 97 × 365 × 100 = 3.5% จะเห็นได้ว่า APR ดังกล่าวเป็น APR ที่สูงกว่า APR ที่จะได้รับจาก Bitget Flexible Savings เพียงผลิตภัณฑ์เดียว Bitget Shark Fin อธิบายเรื่อง Shark Fin Bitget Shark Fin เป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนดั้งเดิมของ Bitget ที่มีอนุพันธ์แฝงและรับประกันเงินทุน ในเดือนธันวาคม 2022 ท่ามกลางตลาดหมีที่เกิดขึ้นหลังจากการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์ของ Terra (LUNA) และ FTX ผลิตภัณฑ์ “Bitget Shark Fin” ได้เปิดตัวขึ้นโดยมุ่งหวังที่จะ “กระตุ้น” ตลาดและเพิ่มความต้องการในตลาดให้มากยิ่งขึ้น ผลตอบรับคือ ผู้ใช้ของเราพร้อมใจต้อนรับผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำนี้อย่างเต็มที่ และจวบจนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ Bitget Earn ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของเรา ความยอดเยี่ยมของ Bitget Shark Fin อยู่ที่โครงสร้าง APR ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งคล้ายกับรูปร่างของ “หูฉลาม” โดยมี APR พื้นฐานที่น่าพอใจในทั้งสองฝั่งของเส้น APR ที่ลาดขึ้น สิ่งนี้เองที่สะท้อนถึงสถานการณ์การรับผลตอบแทนทั้ง 2 รูปแบบที่จะเกิดขึ้นกับ Subscriber ของ Bitget Shark Fin ดังต่อไปนี้ • สถานการณ์ “ชนะ (Winning)”: ราคาของสินทรัพย์ที่ล็อกไว้ยังคงอยู่ในช่วงราคาที่เรากำหนด ในกรณีนี้ เราจะใช้ APR ขอบบนและขอบล่าง (ทั้งคู่สูงกว่า APR พื้นฐาน) เพื่อคำนวณช่วง APR และผลตอบแทน • สถานการณ์ “แพ้ (Losing)”: สถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์ที่ล็อกไว้นั้นต่ำกว่าหรือสูงกว่าช่วงราคาที่เรากำหนด แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีผู้แพ้ที่แท้จริง เพราะตามประวัติการดำเนินงานแล้ว APR พื้นฐานของ Bitget Shark Fin นั้นยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 1-2% ในช่วงเริ่มต้นไปสู่ 5% และตอนนี้ก็สูงถึง 7% เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ทั้งสองนั้นสอดคล้องกับรูปแบบการออมแบบดั้งเดิม และเทียบเท่ากับการเปิดบัญชีออมทรัพย์ที่ธนาคาร แถมด้วยคุณสมบัติในการเข้าถึงและพกพาได้ง่ายของคริปโต ยิ่งไปกว่านั้น เรายังสามารถมอบช่วงราคาที่ “ยอดเยี่ยม” ให้กับ Subscriber ของ Bitget Shark Fin ได้อยู่เสมอ ไม่เคยพลาดอีกด้วย • รับประกันเงินทุน: ระบบจะส่งคืนจำนวน Subsciption เริ่มต้นไปยังบัญชี Spot ของ Subscriber โดยอัตโนมัติหลังจากการชำระราคา โดยสินทรัพย์นั้นจะยังคงเหมือนเดิม จำนวนเท่าเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง บทช่วยสอน Shark Fin เมื่อคุณอยู่ในหน้าหลักของ Shark Fin คุณจะสามารถเลือกดูผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ล่าสุดและผลิตภัณฑ์ที่ได้ความนิยมสูงสุดได้ หากต้องการ Subscribe ในผลิตภัณฑ์ใด ก็กดปุ่ม “Subscribe” ได้เลย หลังจากนั้นระบบจะนำคุณไปยังหน้า Subscription ซึ่งคุณสามารถป้อนจำนวนเงินลงทุนที่ต้องการ และตรวจสอบระยะเวลา Subscription, ช่วงราคา, ช่วง APR และ APR ที่รับประกันได้ เมื่อการตั้งค่าทั้งหมดเป็นที่น่าพอใจแล้ว ให้คุณคลิกปุ่ม “ยืนยัน / Confirm” สามารถดูคู่มือโดยละเอียดได้ที่นี่ Bitget Dual Investment อธิบายเรื่อง Dual Investment Bitget Dual Investment ให้คุณใช้ประโยชน์เต็มที่จากกลยุทธ์ “ซื้อต่ำ - ขายสูง” โดยออกแบบมาให้นักลงทุนระยะยาวได้มีแผนแบบ 2-in-1 นั่นคือ Subscriber สามารถซื้อ คริปโทเคอร์เรนซี (ด้วย Stablecoin) และรับดอกเบี้ยในคริปโทเคอร์เรนซีสกุลดังกล่าวหากราคาเท่ากับหรือต่ำกว่าที่คาดไว้เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา Subscription อย่างไรก็ตาม หากราคาของคริปโทเคอร์เรนซีนั้นสูงกว่าราคาที่คาดการณ์ไว้ การซื้อจะไม่ถูกดำเนินการ และดอกเบี้ยจะถูกคำนวณเป็น Stablecoin ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น นั่นคือรูปแบบสถานการณ์ “ซื้อต่ำ / Buy Low” ในขณะที่ถ้าเป็นสถานการณ์ “ขายสูง / Sell High” ผู้ที่เป็น Subscriber จะขายคริปโตที่ถือครอง ณ ราคาที่ดีกว่าในอนาคตได้และจะได้รับดอกเบี้ยเป็น Stablecoin แต่หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับ Subscriber เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา Subscription ผู้ใช้จะไม่สามารถขายได้ ส่วนดอกเบี้ยก็จะคำนวณเป็นคริปโทเคอร์เรนซีที่เลือกไว้สำหรับการ Subscription แทน โดยสรุปคือ ผู้ใช้จะได้รับยอดถือครองเดิมของตนพร้อมดอกเบี้ย ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบก็ตาม ลองนึกภาพการวางแผนการลงทุนคริปโตระยะยาวของคุณสิ จะปล่อยให้ Stablecoin รออยู่เฉยๆ จนกว่า Limit Order จะได้รับการดำเนินการ หรือจะเข้ามาใช้งาน Bitget Dual Investment เพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมจากสินทรัพย์ที่คุณไม่ได้นำไปใช้งานดีกว่าล่ะ บทช่วยสอน Dual Investment เมื่อคุณอยู่ในหน้าหลักของ Dual Investment คุณจะสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ “Buy Low” หรือ “Sell High” ได้ แล้วจากนั้นให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการตามราคาเป้าหมาย, APR และวันที่ชำระราคา เมื่อเลือก “Subscribe” เรียบร้อยแล้ว หน้า Subscription จะปรากฏขึ้น หลังจากยืนยันจำนวน Subsciption, ข้อกำหนดของโควตา, รอบของ Order, ราคาเป้าหมาย, สินทรัพย์ที่ชำระราคาที่เกี่ยวข้อง และ APR ในสถานการณ์ต่างๆ แล้ว ให้คลิกปุ่ม “ยืนยัน / Confirm” เพื่อดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้เลย สามารถดูคู่มือโดยละเอียดได้ที่นี่ Bitget Smart Trend อธิบายเรื่อง Smart Trend Bitget Smart Trend ช่วยให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถเล่นไปกับเทรนด์ตลาดได้ โดยผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่คุ้มครองเงินต้น ทำให้นักลงทุนมีโอกาสเก็งกำไรใน ราคา BTC/ETH ในอีก 7 วันข้างหน้าได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดการขาดทุนจากการชำระราคาแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผู้ใช้ทุกคนสามารถ Subscribe กับ Bitget Smart Trend ได้โดยใช้ Bitcoin, Ethereum หรือ USDT อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนจะแจกจ่ายในรูปของสินทรัพย์ที่ใช้ในการ Subscribe ยิ่งไปกว่านั้น Bitget Smart Trend ยังสามารถมอบ APR สูงให้กับผู้ใช้ได้อีกต่างหาก ด้านล่างนี้คือสถานการณ์การรับผลตอบแทนทั้ง 3 รูปแบบสำหรับ Bitget Smart Trend: • สถานการณ์ “ชนะโดยสมบูรณ์ (Absolute Win)”: เกิดขึ้นเมื่อราคาเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการเก็งกำไร ตัวอย่างเช่น หากเป็น Bullish Subscription ราคาที่บันทึกไว้ได้ระหว่างระยะเวลาประเมินมูลค่านั้นจะสูงกว่ากรอบบนของช่วงราคาที่กำหนด และถ้าหากเป็น Bearish Subscription ราคาที่บันทึกได้ระหว่างระยะเวลาประเมินมูลค่านั้นจะต่ำกว่ากรอบล่างของช่วงราคาที่กำหนด สถานการณ์นี้จะให้ APR สูงที่สุด • สถานการณ์ “ชนะสุทธิ (Net Win)”: ราคาที่บันทึกไว้ได้ระหว่างระยะเวลาประเมินมูลค่านั้นจะอยู่ภายในช่วงราคาที่เรากำหนด สถานการณ์นี้จะคล้ายกับสถานการณ์ “ชนะ (Winning)” สำหรับ Bitget Shark Fin โดยเราจะใช้ APR ขอบบน ซึ่งเท่ากับ APR ในสถานการณ์ “ชนะโดยสมบูรณ์” และ APR ขอบล่าง ซึ่งเท่ากับ APR ในสถานการณ์ “แพ้ (Losing)” เพื่อนำมาคำนวณช่วง APR และผลตอบแทน • สถานการณ์ “แพ้ (Losing)”: สถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อราคาปรับตัวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับการเก็งกำไรของ Subscriber โดยในที่สุดแล้ว Subscriber จะได้รับทั้งเงินต้นและผลตอบแทนคืนสู่บัญชีของพวกเขา ราวกับว่าพวกเขาเพิ่งทำการถอนเงินออมเลยทีเดียว การอัปเกรดล่าสุดของ Bitget Smart Trend จะทำให้ผู้ถือ BGB ได้รับผลประโยชน์มหาศาล ซึ่งในปัจจุบัน Bitget Smart Trend เป็นผลิตภัณฑ์ Bitget Earn รายการเดียวที่รองรับ BGB Subscription สำหรับสินทรัพย์ทั้งสองประเภท (BTC/ETH) และทั้งสองทิศทาง (Bullish/Bearish) บทช่วยสอน Smart Trend เมื่อคุณอยู่ในหน้าหลักของ Smart Trend แล้วให้เลือกดูผลิตภัณฑ์ Smart Trend ที่ได้รับความนิยมสูงสุดแล้วคลิก “Subscribe” ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการได้เลย โปรดอ่านรายละเอียดทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน ซึ่งรวมไปถึง APR, ช่วงราคา และเวลาชำระราคา แล้วจึงป้อนจำนวนที่ต้องการ Subscribe จากนั้นคลิก “ยืนยัน / Confirm” เพื่อดำเนินการให้เสร็จสิ้น สามารถดูคู่มือโดยละเอียดได้ที่นี่ Bitget Range Sniper อธิบายเรื่อง Range Sniper Bitget Range Sniper เป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุดของ Bitget Earn โดยระบบ APR สำหรับ Bitget Range Sniper อาจเรียกได้ว่า เป็น APR ของ Bitget Shark Fin ในเวอร์ชันที่ปรับปรุงใหม่ ผลิตภัณฑ์นี้รับประกัน APR ต่ำสุดที่ 20% โดยไม่คำนึงถึงความเชื่อมั่นของตลาด ในขณะที่ให้ APR สูงสุดได้ถึง 500% เลยทีเดียว และนี่คือเหตุผลที่ Bitget Range Sniper กลายเป็นผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่นักลงทุนหลายคนต่างชื่นชอบนั่นเอง Bitget Range Sniper แตกต่างจาก Bitget Shark Fin และผลิตภัณฑ์ Earn อื่นๆ บน Bitget ตรงที่มีความยืดหยุ่นในการจ่ายสินทรัพย์ให้แก่ผู้ใช้ หากตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่ Subscriber คาดการณ์ไว้ ระบบจะจ่ายให้คุณเป็น Bitcoin หรือ Ethereum ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากคุณสามารถถือครองสินทรัพย์เหล่านี้และขายทำกำไรได้เมื่อราคาสูงขึ้น แต่หากราคาเคลื่อนไหวไปตามที่ Subscriber คาดการณ์ไว้ ระบบก็จะจ่ายผลกำไรให้คุณทันทีเป็น USDT ไม่ว่าจะทางไหน Subscriber ก็มีแต่ได้กับได้! บทช่วยสอน Range Sniper ไปสำรวจผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของเราในหน้าหลักของ Range Sniper และคลิก “Subscribe เลย / Subscribe Now” เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการ จากนั้นให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่แสดงในหน้าต่างป๊อปอัป แล้วป้อนจำนวนที่ต้องการ Subscribe และทำเครื่องหมายในกล่องสี่เหลี่ยม แล้วคลิก “ยืนยัน / Confirm” สามารถดูคู่มือโดยละเอียดได้ที่นี่ Bitget Staking ผลิตภัณฑ์ PoS Bitget Staking พร้อมให้คุณ Stake ในโปรเจกต์ Proof of Stake (PoS) คุณภาพสูงบนแพลตฟอร์ม Bitget โดยเมื่อคุณทำการ Stake ก็เท่ากับว่าคุณได้ทำงานร่วมกับเราเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเสถียรของ Node ในเครือข่ายเหล่านี้ แล้วคุณยังสามารถรับรางวัลจากการ Stake อย่างต่อเนื่องเป็นการตอบแทนได้อีกด้วย ทั้งนี้ Bitget จะยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมอนาคตแห่งการกระจายศูนย์ และให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แก่โปรเจกต์ PoS ที่ยึดถือคุณค่าตรงกันกับเรา หากต้องการ Stake ในโปรเจกต์ใด ให้คุณเข้าไปที่หน้าหลักของการ Stake ซึ่งในหน้านี้ คุณจะสามารถเลือกดูโปรเจกต์สำหรับการ Stake ที่ได้รับความนิยมสูงสุดได้ ต่อมา ให้คลิก “Stake” เพื่อเลือกโปรเจกต์ที่คุณต้องการ จากนั้นคุณจะได้ป้อนจำนวนที่ต้องการ และตรวจสอบระยะเวลาการ Stake, ดอกเบี้ย และ APR เมื่อการตั้งค่าทั้งหมดเป็นที่น่าพอใจแล้ว ให้คุณคลิกปุ่ม “Stake” เพื่อดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้เลย การ Stake BGB Bitget มุ่งมั่นให้รางวัลและสิทธิประโยชน์แก่ผู้ถือ BGB อยู่เสมอ และสำหรับตอนนี้ เราก็ได้ขยายสิทธิพิเศษเหล่านี้ให้มากขึ้นไปอีกด้วยการอัปเดตครั้งล่าสุดของเรา คือการ Stake BGB และรับสิทธิ์ถอนฟรีนั่นเอง ยิ่ง Stake BGB มากก็ยิ่งมีสิทธิ์ถอนฟรีมากขึ้น! ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ในหน้าหลักของการ Stake BGB ให้เลือก “Stake” เพื่อเริ่มการ Stake ได้เลย แต่โปรดจำไว้ว่าจำนวน BGB ที่คุณจะ Stake ต้องเป็นผลคูณของ 100 เท่านั้น ทั้งนี้ คุณสามารถคลิก “ซื้อ BGB / Buy BGB” เพื่อเพิ่ม BGB ของคุณให้เป็นจำนวนเลขกลมๆ ได้ด้วย แต่ถ้าหากคุณต้องการ Unstake BGB ให้คุณคลิก “Redeem” ได้เลยจากในหน้าเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การ Unstake BGB ต้องใช้เวลานานถึง 7 วัน แต่ถึงอย่างนั้น คุณก็สามารถเลือก Unstake BGB ของคุณในทันทีได้เช่นกัน โดยจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม 2% สามารถดูคู่มือโดยละเอียดได้ที่นี่ Bitget Crypto Loan อธิบายเรื่อง เงินกู้คริปโต เงินกู้คริปโตเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ใช้กู้ยืม Fiat หรือคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ โดยใช้สินทรัพย์คริปโตของตนเป็นหลักประกัน Bitget Crypto Loan ออกแบบมาให้ผู้ใช้เข้าถึงเงินทุนเพิ่มเติมได้ทันทีโดยที่ยังคงควบคุมสินทรัพย์คริปโตของตนได้เต็มที่ดังเดิม Bitget ใช้แนวทางล้ำสมัยกับอัตราส่วนเงินกู้ต่อมูลค่า (Loan-to-Value: LTV) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การประเมินความเสี่ยงที่สำคัญ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีสภาพแวดล้อมการกู้ยืมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยมี LTV อยู่ด้วยกัน 3 ระดับที่ตั้งให้ตรงกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ซึ่งเป็นหลักประกัน ทำให้ Bitget ช่วยสนับสนุนคุณได้ดังนี้ - LTV เริ่มต้น: อัตราส่วน LTV เริ่มต้นจะกำหนดวงเงินกู้ยืมสูงสุดที่ผู้ใช้กู้ได้ โดยอิงกับจำนวนหลักประกันของตน - Margin Call LTV: อัตราส่วน LTV ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ผู้กู้ยืมจะได้รับ Margin Call และระบบจะแจ้งให้ผู้ใช้เข้ามาเพิ่มหลักประกันของตน - Liquidation LTV: อัตราส่วน LTV ที่ผู้ให้กู้ยืมจะ Liquidate หลักประกันของผู้กู้ยืมเพื่อกู้คืนจำนวนเงินกู้ และระบบจะปิดการกู้ยืมแล้วแจ้งให้ผู้กู้ยืมทราบ บทช่วยสอน Bitget Crypto Loan เราเตรียมคู่มือฉบับรวบรัดสำหรับการเริ่มต้นใช้งาน Bitget Crypto Loan มาให้คุณแล้ว อันดับแรกให้ไปที่หน้าหลักของ Bitget Crypto Loan ซึ่งคุณจะเห็นรายการสินทรัพย์ที่พร้อมให้กู้ยืม รวมถึงอัตราดอกเบี้ยคงที่รายชั่วโมง เลือกเงินกู้ที่ตรงตามความต้องการของคุณจากอัตราดอกเบี้ยคงที่และสินทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกัน เมื่อพบเงินกู้ที่สนใจแล้ว ให้เลือก “กู้ยืม / Borrow” เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม เลือกประเภท “ระยะเวลาการกู้ยืม / Loan Term” พร้อมทั้งสินทรัพย์ที่ต้องการกู้ยืม และหลักประกันจากบัญชี Spot ของคุณ ตรวจสอบรายละเอียดการกู้ยืมให้รอบคอบ รวมถึงอัตราดอกเบี้ย, LTV เริ่มต้น, Margin Call LTV และ Liquidation LTV เมื่อพอใจกับเงื่อนไขแล้ว ให้เลือก “ยืนยัน / Confirm” เพื่อส่งข้อมูลการขอเงินกู้ หลังจากการยืนยัน จะมีการวางหลักประกันไว้ในระบบ Crypto Loan สามารถดูคู่มือโดยละเอียดได้ที่นี่ โปรดทราบว่าข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในภาพประกอบภายในบทความนี้มีไว้เพื่อจุดประสงค์ในการอธิบายเท่านั้นและไม่ถือเป็นการนำเสนอข้อมูลที่แท้จริง สามารถดูรายละเอียดอัตราดอกเบี้ยและข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นปัจจุบันและถูกต้องที่สุดได้ที่หน้าผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการ

Bitget Hot Takes (12 มิถุนายน - 18 มิถุนายน)

Bitget Hot Takes คือซีรีส์จดหมายข่าวรายสัปดาห์สุดพิเศษโดย Bitget Academy โดยเป็นคู่มือการเริ่มต้นแบบรอบด้านสำหรับผู้สนใจคริปโตทุกคน สามารถดู Bitget Hot Takes ล่าสุดได้ที่นี่ ธีมหลัก • ราคา BGB พักความร้อนแรงลงหลังจากทำจุด High ใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ แต่ยังคงมีแรงสะสมที่สูงอยู่ • ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐอยู่ที่ 4% YoY, ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) อยู่ที่ 5.3% YoY, ไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย• USDT หลุดมูลค่าที่ตรึงไว้หลังจากที่ 3pool ของ Curve หลุดสมดุล BGB พักความร้อนแรงลงหลังจากทำจุด High ไปเมื่อเร็วๆ นี้ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2023 ราคา BGB ขึ้นไปแตะ 0.513378 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นการปรับตัวขึ้น 6.9% จากระดับสูงสุดของสัปดาห์ก่อนหน้า และปรับตัวขึ้น 7.7% จากราคาเปิดของสัปดาห์เดียวกัน แต่หลังจากทำจุด High ใหม่นี้ไป เราก็ได้เห็นจุด High, ผลตอบแทน และปริมาณประจำสัปดาห์ของ BGB ที่ลดลงเล็กน้อย โดยปรับตัวลงไป 5.7%, 0.6% และ 9.5% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม จุดต่ำสุดประจำสัปดาห์ของ BGB ก็ปรับตัวสูงขึ้น 1.4% ไปอยู่ที่ 0.463729 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้กรอบราคาของ BGB ที่แคบลงอย่างมาก โดยมีส่วนต่างเพียง 0.020619 เท่านั้น กรอบราคาที่แคบเช่นนี้เมื่อรวมกับปริมาณที่ลดลงนั้นก็อาจทำให้คาดได้ว่าราคาของ BGB น่าจะปรับตัวขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเส้น Accum/Dist พุ่งขึ้นในลักษณะนี้: ที่มา: TradingView เรียนรู้เกี่ยวกับอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคได้ที่นี่: การเทรด 101: อธิบายเรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่นเดียวกับสัปดาห์ที่แล้ว อัตราส่วนปริมาณต่อมูลค่าตามราคาตลาด ซึ่งเป็นการวัดสภาพคล่องอย่างง่าย แสดงให้เห็นว่า BGB ยังคงรักษาสภาพคล่องได้อย่างมั่นคงตลอด 7 วัน ในขณะที่คริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ ดิ่งลงในช่วงปลายสัปดาห์ ดูสรุปของสัปดาห์วันที่ 12-16 มิถุนายนสำหรับ BGB ได้ที่ด้านล่างเพื่อดูว่าทำไม BGB ยังคงรักษาระดับอุปสงค์ไว้ได้อย่างมั่นคง… …และเจาะลึกผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจรายเดือนของ BGB ได้ในซีรีส์ BGB Sail ของเรา: BGB Sail: ฉบับเดือนพฤษภาคม BGB Sail: ฉบับเดือนเมษายน BGB Sail: ฉบับเดือนมีนาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ BGB Sail: ฉบับเดือนธันวาคม BGB Sail: ฉบับเดือนพฤศจิกายน BGB Sail: ฉบับเดือนตุลาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกันยายน BGB Sail: ฉบับเดือนสิงหาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกรกฎาคม BGB Sail: ฉบับเดือนมิถุนายน BGB Sail: ฉบับเดือนพฤษภาคม Tether หลุดมูลค่าที่ตรึงไว้เนื่องด้วยความไม่สมดุลของ Curve Pool ดูว่าทำไมเราต้องให้ความสนใจกับสภาวะเศรษฐศาสตร์มหภาคได้ที่นี่: ขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และ ปัจจัยด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคที่ส่งผลกระทบต่อราคาคริปโตได้ เมื่อนำค่าการประมาณ 4.1% YoY สำหรับ CPI และ 5.2% YoY สำหรับ Core CPI มาเทียบกัน ข้อมูลจริงที่เผยแพร่ออกมาแสดงให้เห็นสัญญาณที่ขัดแย้งกัน ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปดูเหมือนว่าจะสะท้อนผลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของ FED ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาด้วยการลดลงอย่างมากไปอยู่ในระดับ 4% ซึ่งนับว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2021 แต่ตัวเลข Core CPI (CPI ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน) กลับแสดงแนวโน้มลดลงที่น้อยกว่าไปอยู่ในระดับ 5.3 % ซึ่งเป็นเดือนที่ 2 แล้วที่ตัวเลข Core CPI สูงกว่าตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไป โดยที่ตัวเลขการเปลี่ยนแปลง MoM ของ Core CPI นั้นก็แทบไม่ไปไหนเลยมากว่า 3 เดือนแล้ว และเนื่องจากตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจพื้นฐานที่แม่นยำกว่า นี่จึงไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่ดี อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นมา 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วและอัตราการว่างงาน 3.7% ในเดือนพฤษภาคมก็ได้ส่งผลให้ FED หยุดพักชุดมาตรการดึงสภาพคล่องออกจากระบบ (Quantitative Tightening: QT) ไว้ชั่วคราว หลังจากที่ได้ยินข่าวดีดังกล่าว ทั้งตลาด TradFi และคริปโตต่างก็ดีดขึ้น โดย Bitcoin ปรับตัวขึ้นไปสูงถึง 26,769.39 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน เป็นการปรับตัวขึ้น 3.2% จากราคาเปิดของสัปดาห์ เหตุการณ์ USDT หลุดมูลค่าที่ตรึงไว้อย่างกะทันหันทำให้ตลาดตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกในช่วงสั้นๆ ตลอดทั้งสัปดาห์ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากความไม่สมดุลใน 3pool ของ Curve ซึ่งในสภาวะอุดมคติจะต้องมี DAI, USDC และ USDT ในจำนวนที่เท่ากัน โดยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ยอดคงเหลือ USDT พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วไปแตะ 50% จากนั้นขึ้นไปถึง 60% และบางช่วงก็มากกว่า 70% ซึ่งหมายความว่าผู้คนต่างก็ Swap USDT ไปเป็น DAI และ/หรือ USDC ที่มา: Curve 3pool ครั้งล่าสุดที่ส่วนแบ่ง USDT ใน Pool นี้พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 50% คือในช่วงที่ Terra (LUNA) ล่มสลาย และ FTX ล่มสลาย ตลาดจึงคาดกันว่านี่คือจุดจบ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะไม่มีเหตุการณ์ใหญ่โตอะไรเกิดขึ้น จะมีก็เพียงโอกาสในการทำ Arbitrage ที่เกิดขึ้นเท่านั้น โดยแม้ ณ วันที่ 19 มิถุนายน ราคา USDT จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ก็น่าจะกลับมาได้เร็วๆ นี้ ที่มา: TradingView ข่าวสาร Bitget ล่าสุด คู่เทรดที่มีผลการดำเนินงานรายวันดีที่สุด 3 คู่ประจำสัปดาห์คือ BHAT/USDT(+178% เมื่อ 16 มิถุนายน), PEPE1/USDT(+119% เมื่อ 13 มิถุนายน) และ LAI/USDT (+113% เมื่อ 14 มิถุนายน) ขณะที่ BBO/USDT และ PRIME/USDT ก็ยังคงความน่าดึงดูดเอาไว้ได้จากการอยู่ในรายชื่อ Top Gainer รายวันประจำสัปดาห์นี้ได้ต่อเนื่อง โดยมีการเติบโตรายวันเท่ากันที่ 47% ได้เวลา Airdrop แล้ว HAM/USDT จะได้รับการลิสต์ในโซนนวัตกรรมของ Bitget ในวันที่ 19 มิถุนายน เวลา 19:00 น. (UTC+7) โดยมี 13,000,000,000,000 HAM รอแจกเป็น Airdrop ให้กับผู้ถือ BGB! นอกจากนี้ HAM จะเข้าไปอยู่ใน Bitget Flexible Savings ด้วยเช่นกัน โดยมี APR ถึง 150% อย่าลืมเปิดการแจ้งเตือนเอาไว้เพื่อให้ไม่พลาดคว้าโอกาสรับผลตอบแทนจุใจนี้ที่นี่ หากคุณเป็นผู้ใช้ใหม่ ก็เข้าไปที่หน้า Bitget CandyBomb เพื่อเคลม SCLP Airdrop สุดพิเศษได้เลย! SCLP เป็นโทเค็นมาตรฐาน BEP-20 ของ Scallop ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันธนาคารยุคใหม่ (Neo-Banking) ที่ได้รับการกำกับดูแลแอปแรกของโลก และผู้เข้าร่วม Bitget CandyBomb ก็สามารถรับ 222,000 SCLP แบบฟรีๆ ไปได้เลย! เพียงทำภารกิจที่กำหนดให้สำเร็จเพื่อรับลอตเตอรี่เลย ศูนย์รางวัล Bitget อัปเกรดแล้ว! ผู้ใช้ใหม่สามารถรับไปฟรีๆ ได้สูงสุดถึง 5,027 USDT พร้อมรับโบนัสเพิ่มเติมเมื่อเข้าสู่ระบบบัญชีของตนทุกวัน สมัครเลยเพื่อรับประโยชน์สูงสุดจากแคมเปญโปรโมชันของเรา! Bitget Academy ก่อตั้งขึ้นโดยมีพันธกิจในการนำความรู้จากผู้เชี่ยวชาญมาสู่ผู้คนทั่วไป จนถึงปัจจุบันเราได้เผยแพร่บทความให้ความรู้มากกว่า 500 บทความใน 20 ภาษาบน Bitget Academy ครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่คู่มือเชิงลึก เคล็ดลับที่ทำได้จริง ไปจนถึงข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับตลาด นอกจากนี้เรายังจัดอีเวนต์ Learn Earn อยู่เป็นประจำในช่องทางโซเชียลมีเดียของเราเพื่อช่วยให้ผู้ใช้มีความเข้าใจในแนวคิดต่างๆ ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งคุณสามารถเข้าไปทดสอบความรู้ของตัวเองและรับรางวัลสุดพิเศษได้! สามารถเข้าไปดู Learn Earn รอบที่กำลังดำเนินอยู่ได้ที่นี่: Twitter ทางการของ Bitget Academy | Instagram ทางการของ Bitget Academy อีเวนต์ใหม่ Bitget จะลิสต์ Hamster (HAM) ในโซนนวัตกรรม - มารับส่วนแบ่งจากรางวัลมูลค่า 22.2 ล้านล้าน HAM กันเลย! เทรดบน Bitget เพื่อชิงแว่น VR ของ Apple ก่อนใคร! ใช้บอทเทรด Spot แล้วรับเงินคืน 50% จากค่าธรรมเนียมธุรกรรม Spot Profit Blue (BLUE) ลิสต์บน Bitget แล้ว — เทรดเพื่อรับส่วนแบ่งจาก 21,000,000 BLUE เลย! เข้าร่วมโปรโมชันเด่นของ Bitget และรับสิทธิประโยชน์แบบ VIP! ทำภารกิจง่ายๆ แบบจำกัดเวลาให้สำเร็จเพื่อรับ VIP Trial Pass! US$500 และรางวัลอื่นๆ รายสัปดาห์สำหรับผู้ค้า Bitget P2P! BH Network (BHAT) จะได้รับการลิสต์บน Bitget — รับส่วนแบ่งจาก 2,000,000 BHAT จาก Launchpool! ชิงส่วนแบ่งสูงสุด 30,000 USDT! นักเทรดใหม่รับโบนัสการเทรดได้ถึง 55 USDT! อัปเกรดเป็น VIP แบบจำกัดเวลา! รับสิทธิประโยชน์แบบ VIP และรางวัลจากการแนะนำเพื่อน 1,000 BGB เฉพาะผู้ใช้ใหม่: เทรดและแนะนำเพื่อนใน CandyBomb เพื่อรับ SCLP ไปเลย ชวนอ่าน ปลดปล่อยศักยภาพการเทรดของคุณไปกับ Copy Trading คริปโต บล็อกเชน Layer-2 คืออะไร การแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีแบบ P2P คืออะไร ข้อดีและข้อเสียของการแลกเปลี่ยนคริปโตแบบ P2P คืออะไร วิธีเลือกแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตแบบ P2P ที่ดีที่สุด: คู่มือการเลือก BGB Sail: ฉบับเดือนพฤษภาคม ทลายกำแพง: e-HKD จะเป็นพลังขับเคลื่อนความรุ่งเรืองของสินทรัพย์ดิจิทัลและการใช้งานคริปโตได้อย่างไร เชิญเพื่อนเพื่อปลดล็อกรางวัลของคุณ เพียงแค่สร้างบัญชี แล้วเริ่มสำรวจ Bitget-Verse ที่น่าทึ่งวันนี้เลย!

ขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ — แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

สรุปใจความสำคัญ • การขยายเพดานหนี้ไม่ได้มีอิทธิพลต่อตลาดทุนมากเท่าไรนัก • สภาพคล่องที่ลดน้อยลงและทัศนคติของหน่วยงานกำกับดูแลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อคริปโต ส่งผลให้สหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่จะล้าหลังในด้านเทคโนโลยีและการเมือง • ฮ่องกงและยูโรโซน (Eurozone) คือ ผู้นำในกลุ่มประเทศที่กำลังแข่งขันเพื่อเป็นศูนย์กลางคริปโตระดับโลกที่มีการกำกับดูแลที่เหมาะสม นโยบายการเงิน: มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing: QE) และนโยบายการเงินแบบหดตัว (Quantitative Tightening: QT) ก่อนที่จะเข้าเรื่องหลัก เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจคำว่า มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing: QE) และนโยบายการเงินแบบหดตัว (Quantitative Tightening: QT) กันก่อน เพราะบทความต่อไปนี้เขียนขี้นโดยอิงจากพื้นฐานของนโยบายการเงินดังกล่าวเป็นหลัก อย่างที่เราทราบกันว่า ธนาคารกลางมีหน้าที่รักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับปกติที่ 2% ดังนั้น ทุกๆ ครั้งที่ภาวะเงินเฟ้อเกิดขึ้น ธนาคารกลางจะใช้นโยบาย QE หรือ QT เพื่อควบคุมปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในระบบขึ้นนั่นเอง “คริปโต” ที่เพิ่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของตลาดการเงินโลก ก็ตอบสนองต่อนโยบายเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเช่นเดียวกัน โดยความต้องการของนักลงทุนจะเปลี่ยนไปตามการปรับปริมาณเงินในระบบ กล่าวคือ หากนักลงทุนเห็นว่าการเข้าถึงเงินสำรองถูกจำกัด พวกเขาอาจลดปริมาณการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงในพอร์ตของตน เพื่อลดโอกาสเกิดการขาดทุน และในทำนองเดียวกัน หากนักลงทุนสามารถเข้าถึงเงินสำรองได้มากขึ้น พวกเขาก็จะกล้าลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเช่นกัน สถานการณ์แรกซึ่งเรียกว่า “QT” จะเกิดขึ้นเมื่อธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ยและขจัดสภาพคล่องออกจากตลาด อีกสถานการณ์ที่ตรงข้ามกับ QT คือ “QE” ซึ่งการใช้นโยบาย QE ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (The Federal Reserve: FED) ใช้นโยบายนี้หลังจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (The Great Recession) โดย FED คงระดับอัตราดอกเบี้ย (The Federal-Funds Rate) ไว้ต่ำกว่า 2% ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 จนถึงกันยายน 2018 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย (หรือ การบริโภค) ในระบบ ส่วนในยูโรโซน อัตราดอกเบี้ย 0% เริ่มต้นโดย Mario Draghi อดีตหัวหน้าธนาคารกลางยุโรป ( European Central Bank: ECB) ในปี 2016 เพื่อตอบสนองต่อภาวะเงินฝืดของกลุ่มประเทศในยูโรโซน งบดุลและสภาพคล่องของ FED จากข้อมูลของ Google Trends ระบุว่า จำนวนการค้นหาคำว่า 'Debt Ceiling' และ 'Debt Limit' (หมายความถึง “เพดานหนี้”) ในช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคม 2023 อยู่ที่ 58 ครั้งต่อวันโดยเฉลี่ย ซึ่งถือว่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับระดับการเปิดรับสื่อของผู้คนในปัจจุบัน แนวคิดที่ว่าสหรัฐฯ อาจผิดนัดชำระหนี้ได้ อาจฟังดูน่าสนใจอย่างน่าประหลาด แต่ผลที่ตามมานั้นกลับน่ากลัวและส่งผลกระทบต่อทั่วทั้งโลกได้ จนถึงขั้นที่สามารถพูดได้ว่า มีโอกาสค่อนข้างต่ำที่เหตุการณ์ดังกล่าวจะสามารถเกิดขึ้นได้ ในปัจจุบัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร (House Speaker) และประธานาธิบดี (President) จับมือกันเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น FUD ที่เกิดขึ้น — ความกลัว ความลังเล และความสงสัย — จึงหายไปในที่สุด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของตั๋วเงินคลังระยะสั้นลดลงอย่างมาก (ดูกราฟด้านล่าง) หมายความว่านักลงทุนเริ่มกลับมาเชื่อมั่นในการลงทุนกับตราสารหนี้มากขึ้น ตลาดหุ้นต่างยินดีกับ “การดำเนินการอย่างเป็นทางการ” ของข้อตกลงข้างต้น เนื่องจากดัชนี SP 500 พุ่งขึ้น 2.48% (เมื่อปิดตลาดในวันที่ 6 มิถุนายน 2023) จาก 4,179.83 ในวันที่ 31 พฤษภาคม และดัชนี NASDAQ Composite เพิ่มสูงขึ้นเป็น 13,276.42 (+2.64% ) ในขณะที่ Bitcoin สูญเสียมูลค่าไป 0.6% ในช่วงเวลาเดียวกัน การขยายเพดานหนี้ของประเทศเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แม้ว่าเราจะโชคดีที่ไม่ต้องพบกับจุดจบทางการเงิน แต่ผลที่ตามมาในระยะยาวต่อตลาดทุนก็ยังต้องได้รับการพิจารณาอยู่เช่นเดิม ตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมา เพดานหนี้ของสหรัฐฯ ได้ถูก “เพิ่มอย่างถาวร ขยายชั่วคราว หรือปรับใหม่” ถึง 78 ครั้ง ซึ่งบ่งบอกถึงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจของอำนาจการกู้ยืมของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม 2023 มูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดของ FED อยู่ที่ 8,385,854 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเกือบสองเท่าของมูลค่าสินทรัพย์ในช่วงก่อนโควิด (มีนาคม 2020) การขยายเพดานหนี้ของประเทศสามารถบ่งชี้ได้ว่า FED มีแนวโน้มที่จะลดงบดุลของประเทศต่อไป และ QT จะดำเนินต่อไป โดย 1 ใน 3 ของผู้เข้าร่วมในตลาดคาดการณ์ว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกไตรมาสหนึ่งในเดือนมิถุนายน 2023 ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องของตลาดลดลงอีก อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากข้อมูลในสื่อและการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญแล้ว เราก็ยังต้องให้ความสำคัญกับเป้าหมายในการดำเนินนโยบายทางการเงิน 2 ประการของ FED (Dual Mandate) คือ “เสถียรภาพของราคา (Stable Stability) และระดับการจ้างงานเต็มที่ (Maximum Exployment)” ด้วยเช่นกัน นี่คือบทสรุปของการบริโภคและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ นับตั้งแต่เริ่มเฟส QT ใหม่ในเดือนเมษายน 2022 พบว่าอัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022 อย่างไรก็ตาม ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่ “แม่นยำกว่า” ที่เรียกว่า “Core CPI” หรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (อัตราการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภคที่ไม่รวมถึงสินค้าประเภทอาหารและพลังงาน) ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญใด ทำให้สถานการณ์การจ้างงานยังคงเป็นไปในเชิงบวก และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบถัดไปมีความสมเหตุสมผล คริปโตถือเป็นหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าวิกฤติสินเชื่อตึงตัว (Credit Crunch) อาจไม่ร้ายแรงเท่าไรสำหรับตลาดคริปโต แต่ทัศนคติอันไม่เป็นมิตรของทางการสหรัฐฯ ที่มีต่อคริปโตก็ยังทำให้อุตสาหกรรมนี้ได้รับความเสี่ยงและผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่อยู่ดี ประการแรก คือ ดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar) เป็นสกุลเงิน Fiat ที่มีการเทรดกับคริปโตมากที่สุด และมูลค่าตามราคาตลาดของ Stablecoin ที่ตรึงไว้กับ USD นั้นก็ไม่อาจทำลายลงได้ นอกจากนี้ ความยุ่งยากในการใช้งาน On-/Off Ramp ก็ยังส่งผลต่อการนำคริปโตไปใช้งานในวงกว้าง รวมถึงปัญหาต่อระบบนิเวศของคริปโตสตาร์ทอัพ ซึ่งกำลังถูกจับตามองอย่างเข้มงวดในสหรัฐอเมริกา หาก Coinbase ยอมแพ้ในการต่อสู้กับข้อกล่าวหาด้านกฎระเบียบที่กำลังดำเนินอยู่ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2023 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้อง Binance, Binance.US และ Changpeng Zhao CEO ของ Binance แน่นอนว่าข่าวนี้หมายถึง “ช่วงราคาร่วง” สำหรับคริปโต แต่เนื่องจากขนาดของ Binance.US นั้นเล็กกว่า Binance เป็นอย่างมาก เราจึงเชื่อว่าคริปโตจะยังคงอยู่รอดต่อไปได้แม้ไม่มี Binance เช่นเดียวกับหลังจากเหตุการณ์ที่ Mt. Gox โดนแฮ็ก ยิ่งไปกว่านั้น ก.ล.ต. ได้กำหนดให้โทเค็นอย่างน้อย 10 รายการเป็นหลักทรัพย์: SOL, ADA, MATIC, FIL, ATOM, SAND, MANA, ALGO, AXS และ COTI และการยื่นฟ้อง Coinbase ด้วยข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับ “การเสนอขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน” ผ่านโปรแกรมการ Stake และ “การดำเนินธุรกิจในฐานะโบรกเกอร์โดยที่ไม่ได้ลงทะเบียน” สำหรับ Coinbase Wallet— ตามคำนิยามของ Non-Custodial Wallet หาก Coinbase เลือกที่จะยุติคดีโดยไม่มีการโต้แย้งกลับ เหตุการณ์นี้ก็จะกลายเป็นกรณีตัวอย่างที่น่าหวั่นใจสำหรับคดีใดๆ ในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับคริปโต ยังมีโอกาสให้แก้ต่างอีกมากสำหรับคริปโต สหรัฐฯ อาจใช้แนวทางที่รุนแรงเพื่อจัดการกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคริปโต แต่ประเทศและภูมิภาคอื่นๆ กลับอ้าแขน รับคริปโตเป็นอย่างมากเลยทีเดียว หากยุคบ้านป่าเมืองเถื่อนสิ้นสุดลง ก็เท่ากับโอกาสในการปกป้องผู้ใช้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมส่งเสริมโลกดิจิทัลทั้งหมดอย่างเป็นทางการเพื่อการทดลองและเติบโตอย่างยั่งยืน เอเชีย เทคโนโลยีบล็อกเชนคือแกนหลักของคริปโต และการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อหลายภาคส่วน ตั้งแต่การท่องเที่ยว, ความบันเทิง, การศึกษา, การกีฬา, โซเชียลมีเดีย และการดูแลสุขภาพ ไปจนถึงการเงินและความเป็นส่วนตัว ดังนั้น หลายประเทศและภูมิภาค เช่น สหราชอาณาจักร ฮ่องกง และสิงคโปร์ จึงวางตำแหน่งตัวเองเป็นศูนย์กลางคริปโตระดับโลกแห่งใหม่ อย่างไรก็ดี ประเทศที่ทำให้เรามองเห็นถึงความทะเยอทะยานอันแรงกล้าในการเป็นบ้านหลังใหม่สำหรับบริษัทคริปโต คือ “ฮ่องกง” ซึ่งได้เปิดตัวใบอนุญาตสำหรับผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือน (VASPs) ก่อนที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้รายย่อยเข้าถึงการเทรดคริปโตได้ไปเมื่อไม่นานนี้ นอกจากนั้น ฮ่องกงยังได้เลือก Ripple เพื่อเปิดตัวนำร่องสำหรับ e-HKD ด้วยเช่นกัน ย้อนกลับไปในช่วงสุดท้ายของปี 2022 คริปโต ETF รายการแรกในภูมิภาคเอเชียได้เปิดตัวขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และในเดือนเมษายน 2023 สำนักงานเลขาธิการการเงินฮ่องกง (Hong Kong Financial Secretary Office) ก็ได้ประกาศให้เงินช่วยเหลือ 500 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงแก่ Cyberport เพื่อสนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศ Web3 ในฮ่องกงอีกด้วย ในทางกลับกัน แผนของสิงคโปร์คือการมุ่งเป้าไปที่ธุรกิจองค์กรและสถาบันคริปโตมากกว่าผู้ใช้รายย่อย นอกจากนี้ “DBS” ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในแง่ของสินทรัพย์ ก็ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับการเทรด DDEx ของผู้ใช้คริปโตระดับสถาบันไปในเดือนธันวาคม 2020 สินทรัพย์คริปโต 6 รายการที่มีให้เทรดที่นี่ ได้แก่ BTC, ETH, XRP, BCH, DOT และ ADA หลังจากนั้น 1 ปี ธนาคารดังกล่าวได้เข้าสู่ Metaverse ผ่านการจับมือเป็นพันธมิตรกับ The Sandbox ในปัจจุบัน รัสเซียเป็นประเทศที่มีการขุดคริปโตที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งรัสเซียต้องการใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบนี้ โดยใช้งานคริปโตในข้อตกลงสำหรับการส่งออกและนำเข้า หากข้อตกลงและการเรียกเก็บเงินนั้นเป็นไปตามกฎหมาย ก็จะส่งผลต่อความต้องการคริปโทเคอร์เรนซีแบบ PoW โดยเฉพาะ Bitcoin และทำให้ราคาสินทรัพย์เหล่านั้นสูงขึ้น ยูโรโซนและสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2023 รัฐสภายุโรป (European Parliament) ได้ผ่านร่างกฎหมาย “Markets in Crypto-Assets (MiCA)” ซึ่งจะมีผลในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 ประเด็นหลักของ MiCA นั้นเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการผู้ให้บริการสินทรัพย์คริปโต (CASPs) ซึ่งรวมถึงบริษัทที่ให้บริการคริปโตและผลิตภัณฑ์คริปโตด้านต่างๆ ทั้งหมด แม้ว่าบริษัทเหล่านั้นจะไม่ได้เป็นผู้ออกโทเค็นก็ตาม อีกทั้งยังมีกฎสำหรับ Stablecoin ที่เข้มงวดมากขึ้น โดยมีไว้เพื่อป้องกันความผิดพลาดและล้มเหลวของอุตสาหกรรม เช่น การล่มสลายของ Terra (LUNA) อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์หลายคนกลับให้ความเห็นว่า กฎเหล่านี้อาจไปยับยั้งการเติบโตของสกุลเงินที่ไม่ใช่ของรัฐบาลได้ และอีกประเด็นที่สำคัญ คือ MiCA ไม่ได้มีกฎครอบคลุมถึง NFTs และการกู้ยืมคริปโตแต่อย่างใด สกุลเงินอ้างอิงที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 สำหรับ Stablecoin ที่ตรึงมูลค่าไว้กับเงิน Fiat คือ สกุลเงินยูโร (Euro) ภายใน 5 เดือนแรกของปี 2023 อุปทานหมุนเวียนของ USDT (TetherUSD) เพิ่มขึ้น 25.6%, EURT (TetherEuro) 0.2% และ EUROC (CircleEuro) 93.6% ในขณะเดียวกัน อุปทาน USDC (CircleUSD) กลับลดลง 34.9% มูลค่าตามราคาตลาดของ USDT และ USDC รวมกันนั้นเพิ่มขึ้น 1.2% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่ามูลค่าตามราคาตลาดที่สูงขึ้นของ EURT รวมกับ EUROC ซึ่งอยู่ที่ 10.8% นอกจากนี้ ปริมาณของ Stablecoin ที่ตรึงมูลค่าไว้กับสกุลเงินยูโรยังแสดงแนวโน้มขาขึ้นให้เห็นอีกด้วย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 HM Treasury ได้เผยแพร่ข้อเสนอสำหรับการกำกับดูแลคริปโตและการขอคำปรึกษา ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเปิดรับคริปโตของนายกรัฐมนตรี Rishi Sunak เพื่อให้สหราชอาณาจักรเป็นส่วนหนึ่งในแวดวงคริปโต โดยเป็นก้าวสำคัญที่ต่อเนื่องมาจาก “Edinburgh Reform” ที่ให้ความสำคัญกับ Fintech และนวัตกรรม เรามาพิจารณาสภาพแวดล้อมระดับมหภาคของภูมิภาคเหล่านี้กันสักครู่ ด้านล่างคือกราฟที่แสดงอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนและสหราชอาณาจักร นับตั้งแต่ ECB เริ่มใช้ QT ในเดือนเมษายน 2022 อัตราเงินเฟ้อในสหภาพยุโรป (HICP) ได้ลดลงเหลือเพียง 2% ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (The Bank of England: BoE) ยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งส่งผลให้เส้นอัตราเงินเฟ้อ (CPIH) ใกล้เคียงกับของสหภาพยุโรป แต่มีความลาดเอียงลงน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เราอาจคาดการณ์ได้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก BoE นั้นจะยังคงยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม ECB จะต้องคำนวณกระบวนการ QT ใหม่อีกครั้งหลังจากมีเศรษฐกิจถดถอยลงในช่วง 2 ไตรมาส ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ความพยายามสร้างกรอบการกำกับดูแลที่มีความครอบคลุมมากขึ้นกว่าเดิมของสหภาพยุโรปและหน่วยงานของสหราชอาณาจักรนั้นย่อมทำให้ตลาดคริปโตมีความคึกคักมากขึ้นในพื้นที่เหล่านี้ได้อย่างแน่นอน CBDC และสินทรัพย์ที่ผ่านการ Tokenized สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency: CBDC) เป็นเทรนด์ที่พวกเราทุกคนต้องพบเจอ ประเทศกว่า 114 ประเทศกำลังเริ่มใช้ CBDC โดยประเทศจีนเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในช่วงเริ่มต้นมากที่สุด เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2023 Ripple ได้ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ “Ripple CBDC” ซึ่งเป็น “โซลูชัน” ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อการชำระราคาและชำระเงินในทันทีผ่านการใช้ CBDC และแน่นอนว่าจะมีผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มมากขึ้นในอนาคต เราได้เห็นความคืบหน้าเมื่อ CBDC ได้เปิดประตูสู่โลกของสินทรัพย์ที่ผ่านการ Tokenized ซึ่งเป็นไปตามการกำกับดูแล เช่น ตราสารหนี้ หลักทรัพย์ และการจำนอง ส่วนภารกิจของ DeFi คือการสร้างนวัตกรรม (เช่น Liquid Staking Derivative) และพัฒนาระบบการเงินแบบดั้งเดิมด้วยการทำธุรกรรมแบบไม่ต้องอาศัยการอนุญาต (Permissionless) และไม่ต้องอาศัยความไว้วางใจ (Trustless) ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป นักลงทุนทั่วโลกจะสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดั้งเดิมต่างๆ ได้อย่างง่ายดายด้วย CBDC คริปโตลอยตัวเหนือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น Bitcoin เกิดขึ้นในฐานะ “เงินสดอิเล็กทรอนิกส์แบบ Peer-to-Peer” และจะยังคงเป็นกลางไปตลอด (นั่นคือถ้า Satoshi Nakamoto ไม่ปรากฏตัวอีกเลย) นอกเหนือจากการเก็งกำไรที่ในปริมาณมากและแนวทางการใช้ประโยชน์จาก “Degen” แล้ว Bitcoin ก็ยังคงเป็นที่เก็บรักษามูลค่าที่เป็นกลางและไร้ความเสี่ยงของโลก — ไม่มีการผลิตอย่างไร้ที่สิ้นสุด ไม่มีความเสี่ยงของการผิดนัดชำระ ไม่มีการจัดการที่เป็นอันตราย เมื่อรวมกับพลังของ Smart Contract แล้ว Bitcoin จะถูกใช้งานอย่างเต็มที่เพื่อขจัดความเสี่ยงเชิงระบบที่มาพร้อมกับการพึ่งพาสกุลเงิน Fiat มากเกินไปและสร้างโลกที่มีความกระจายศูนย์อย่างแท้จริง ในระหว่างนี้ เราสามารถทำตามคำแนะนำของ Jim Cramer และทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามได้ ก็คือ ลงทุนในเทคโนโลยีและ AI (เรารู้ว่ามี Inverse Cramer ETF) แต่อย่าปฏิเสธ “เจ้าพวกแมวตัวใดตัวหนึ่งหรือแมวทั้งหมดเลยน่าจะดีกว่า!” แหล่งที่มา: Twitter ของ Jim Cramer ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน