ข่าวสาร DYOR (DYOR)

ความมุ่งมั่นของ Bitget ในการให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้ใช้เกี่ยวกับความเสี่ยงของคริปโตและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในด้านความปลอดภัย

Bitget ได้เปิดตัวชุดบทความสำหรับการเรียนรู้เพื่อให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้ใช้เกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในโลกคริปโตและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในด้านการปกป้องสินทรัพย์ของผู้ใช้ ความพยายามเหล่านี้เผยให้เห็นถึงความทุ่มเทของ Bitget เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้และความมุ่งมั่นในการรักษาชุมชนคริปโตให้ปลอดภัยจากสแกมและการฉ้อโกง ทำความเข้าใจกับความเสี่ยงในโลกคริปโต บทความล่าสุดของ Bitget ครอบคลุมหัวข้อด้านความปลอดภัยที่หลากหลาย ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ในการสำรวจภูมิทัศน์ที่ผันผวนของคริปโทเคอร์เรนซี บทความเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจต่อเนื่องของ Bitget ในการทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้จะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและพร้อมที่จะรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น เหตุใดบัญชีจึงถูกระงับ ในบทความหนึ่ง Bitget ได้อธิบายไว้ว่าทำไมบัญชีคริปโทเคอร์เรนซีถึงอาจถูกจำกัดการใช้งานหรือถูกระงับ สาเหตุทั่วไปได้แก่: - บัญชีถูกแฮ็ก: เมื่อบัญชีของคุณต้องสงสัยว่าถูกแฮ็ก ระบบจะระงับบัญชีไว้เพื่อปกป้องไม่ให้สินทรัพย์ของคุณถูกขโมย - การโต้ตอบกับสแกมเมอร์: ในกรณีที่คุณโต้ตอบกับสแกมเมอร์โดยไม่ได้ตั้งใจ ระบบจะระงับบัญชีของคุณไว้เพื่อปกป้องบัญชีของคุณจากการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้น - การคว่ำบาตร: บัญชีที่โต้ตอบกับบุคคลหรือพื้นที่ที่ถูกคว่ำบาตรจะถูกระงับ - การละเมิดข้อกำหนดการให้บริการ: การละเมิดกฎของ Bitget จะส่งผลให้มีการระงับบัญชีโดยอัตโนมัติ - เอกสารขาดหาย: เพื่อวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัย การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และ AML บัญชีจำเป็นต้องผ่านกระบวนการ KYC บัญชีที่ไม่ได้ให้เอกสารที่เพียงพอสำหรับ KYC จะถูกระงับไว้ชั่วคราวจนกว่าจะได้ให้เอกสารที่จำเป็นทั้งหมด - สินทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรม: บัญชีที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายจะถูกระงับ - คำขอเพื่อการบังคับใช้กฎหมาย: บัญชีอาจถูกระงับหรือบล็อกตามคำขอเพื่อการบังคับใช้กฎหมาย Bitget เน้นย้ำว่ามาตรการเหล่านี้มีขึ้นเพื่อปกป้องสินทรัพย์ของผู้ใช้และเพื่อให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม โดยสนับสนุนให้ผู้ใช้ร่วมมือกับฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อแก้ไขปัญหาใดๆ ที่เกิดขึ้นและเพื่อให้เข้าถึงบัญชีและสินทรัพย์ของตนได้อีกครั้ง จับสังเกต Rug Pull บทความอีกฉบับหนึ่งเจาะลึกถึงแนวคิดของ “Rug Pull ” ซึ่งเป็นการที่นักพัฒนาโปรเจกต์คริปโตใหม่ถอนสภาพคล่องทั้งหมดออกอย่างกะทันหัน ส่งผลให้นักลงทุนเหลือเพียงโทเค็นที่ไร้ค่าไว้ดูต่างหน้า สัญญาณสำคัญที่แสดงว่าอาจเป็น Rug Pull ได้แก่: - มีสภาพคล่องล็อกไว้เพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย: ขาดหลักประกันจากนักพัฒนา - ปั่นกระแสแบบผิดปกติบนโซเชียลมีเดีย: การโปรโมทมากเกินจนผิดปกติโดยอินฟลูเอนเซอร์ที่ไม่มีความรู้หรือที่ไม่เปิดเผยตัวตน - TVL ต่ำมาก: อ่อนไหวต่อการปั่นราคา - Whitepaper ที่คลุมเครือ: ขาดรายละเอียดและเนื้อหาทางเทคนิค - วาฬที่โจ่งแจ้ง: มีเพียงไม่กี่ Address ที่ถือครองโทเค็นจำนวนมหาศาล เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของสแกมดังกล่าว Bitget ขอแนะนำให้ผู้ใช้ทำการศึกษาข้อมูลด้วยตัวเอง (DYOR: Do Your Own Research) ตั้งข้อสงสัยทางเทคนิค และเลือกทำธุรกรรมกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ (Centralized Exchange) ที่เชื่อถือได้ การกำจัดการสแกมแบบฟิชชิ่ง สแกมแบบฟิชชิ่งเป็นภัยคุกคามใหญ่ในโลกคริปโต Bitget มีคู่มือในการกำจัดการสแกมแบบฟิชชิ่ง ซึ่งสรุปวิธีการทำงานของสแกมเหล่านี้และวิธีสังเกตไว้: - การหลอกลวงทางอีเมล: โลโก้ที่เหมือนกัน คำขอรีเซ็ตรหัสผ่านที่เร่งด่วน และข้อเสนอการอัปเดตปลอม - ฟิชชิ่งแบบ Spear Phishing: สแกมที่พุ่งเป้าไปเป็นรายบุคคลซึ่งมีรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจง - ฟิชชิ่งแบบ Vishing (ฟิชชิ่งด้วยเสียง): สายโทรปลอมสวมรอยเป็นฝ่ายบริการลูกค้า - ฟิชชิ่งแบบ Smishing (ฟิชชิ่งด้วย SMS): ข้อความฉ้อโกงเกี่ยวกับ Airdrop หรือการละเมิดความปลอดภัย Bitget นำเสนอกลยุทธ์การป้องกันที่ครอบคลุม ซึ่งรวมไปถึงการตรวจสอบ URL ซ้ำอีกครั้ง การหลีกเลี่ยงไฟล์แนบที่ไม่รู้จัก และการใช้รหัสป้องกันฟิชชิ่งของ Bitget เพื่อใช้ตรวจสอบยืนยันว่าเป็นการสื่อสารอย่างเป็นทางการ ทำความเข้าใจกับสแกมที่พบได้ทั่วไปในโลกคริปโต บทความล่าสุดอีกฉบับในชุดนี้ “สแกมที่พบได้ทั่วไปในโลกคริปโทเคอร์เรนซี: คู่มือความปลอดภัย Bitget ” กล่าวถึงสแกมที่แพร่หลายที่สุดในพื้นที่คริปโต ซึ่งรวมไปถึงฟิชชิ่ง, Rug Pull, แชร์ลูกโซ่ (Ponzi Scheme), Initial Coin Offering (ICO) และ Initial Exchange Offering (IEO) ปลอม, การแฮ็ก และการเสนอขายการแลกเปลี่ยนเบื้องต้น (IEO) การแฮ็ก และแผนการลากไปทุบ นอกเหนือจาก 2 รูปแบบแรกที่กล่าวถึงข้างต้นไปแล้ว สแกมคริปโตที่พบได้ทั่วไปบางส่วนยังมีดังนี้: - แชร์ลูกโซ่: ให้คำมั่นสัญญาว่าจะได้ผลตอบแทนสูง เป็นลักษณะของใช้สินทรัพย์จากนักลงทุนรายใหม่มาจ่ายให้กับผู้ที่หลงเข้ามาก่อนหน้า - ICO และ IEO ปลอม: บงการโดยสแกมเมอร์ที่โปรโมทสตาร์ทอัพซึ่งไม่มีอยู่จริง - การแฮ็ก: พบได้ทั่วไปบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตและ Wallet สำหรับคริปโต แต่สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการใช้รหัสผ่านที่เดายากและการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย - แผนการลากไปทุบ: เป็นลักษณะของการที่คนวงในปั่นกระแสโทเค็น ดันราคาให้สูงขึ้น จากนั้นเทขายอย่างรวดเร็วเพื่อทำกำไร ส่งผลให้โทเค็นร่วงถล่ม ซึ่งมักจะส่งผลให้นักลงทุนเหลือเพียงโทเค็นที่ไร้ค่าไว้ดูต่างหน้า ด้วยการเน้นย้ำถึงสแกมเหล่านี้ Bitget ตั้งเป้าที่จะติดอาวุธให้ผู้ใช้ด้วยความรู้ที่จำเป็นในการจับสังเกตและหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของการกระทำฉ้อโกงดังกล่าว ต้องมีความเอะใจอยู่เสมอ ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อหลีกเลี่ยงสแกมเหล่านี้ การเลือกแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่น่าเชื่อถือ เนื่องจากสกุลเงินดิจิทัลดึงดูดนักลงทุนได้ในจำนวนที่มากขึ้น การมองหาแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการปกป้องสินทรัพย์ของคุณ ต่อไปนี้คือข้อควรพิจารณาที่สำคัญบางประการที่ระบุไว้ในบทความ “ใช้งานอย่างปลอดภัย: วิธีเลือกแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่น่าเชื่อถือ” ของเรา: มาตรการด้านความปลอดภัย - การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย (2FA): ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนกำหนดให้ต้องใช้ 2FA เพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม - การเข้ารหัสและ Cold Storage: ตรวจสอบยืนยันว่ามีการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งและมีการใช้งาน Cold Storage อย่างมีนัยสำคัญเพื่อปกป้องสินทรัพย์ - ระบบการควบคุมความเสี่ยง: มองหาการตรวจจับและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่น่าสงสัยแบบเรียลไทม์ - Proof of Reserves: ยืนยันว่าแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแสดง Proof of Reserves ที่สามารถตรวจสอบยืนยันได้เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการมีเสถียรภาพทางการเงิน Protection Fund - การก่อตั้ง: กองทุน Protection Fund ทำให้มีตาข่ายความมั่นคง (Safety Net) ในกรณีที่เกิดการละเมิดความปลอดภัยหรือระบบขัดข้อง - การจัดการ: การจัดการที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใสทำให้มั่นใจได้ว่ากองทุนจะมีสินทรัพย์เพียงพอเพื่อให้ครอบคลุมความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ประวัติการดำเนินงาน - ประวัติอุบัติการณ์ด้านความปลอดภัย: ตรวจสอบอุบัติการณ์และการตอบสนองด้านความปลอดภัยในอดีตของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน - การปรับตัวและการปรับปรุง: การเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องถือเป็นสิ่งสำคัญในขณะที่แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเติบโต รีวิวจากผู้ใช้และความไว้วางใจจากชุมชน - ข้อเสนอแนะของชุมชน: อ่านรีวิวของผู้ใช้เพื่อประเมินประสบการณ์ด้านความปลอดภัยและฝ่ายบริการลูกค้าของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน - การมีส่วนร่วม: การสื่อสารอย่างแข็งขันกับชุมชนสร้างความไว้วางใจและความโปร่งใส - การให้ข้อมูลความรู้กับผู้ใช้: การให้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัยจะช่วยให้ผู้ใช้ปกป้องบัญชีของตนได้ ด้วยการมุ่งเน้นไปที่แนวทางปฏิบัติหลักเหล่านี้ คุณสามารถเลือกแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่ทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและความถูกต้องสมบูรณ์ของการลงทุนของคุณได้ การหาข้อมูลความรู้อย่างต่อเนื่องและในอนาคต Bitget มุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลความรู้กับผู้ใช้ของเราในด้านความปลอดภัยในพื้นที่คริปโตอย่างต่อเนื่อง นี่คือหัวข้อบางส่วนของบทความที่กำลังเผยแพร่และที่จะออกในอนาคตของเรา: รหัสผ่านที่ปลอดภัยและการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย (2FA) Bitget เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้รหัสผ่านที่เดายากและไม่ซ้ำใคร รวมถึงการเปิดใช้งาน 2FA เพื่อปกป้องบัญชีจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ด้วยการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยขึ้นอีกชั้นหนึ่ง ผู้ใช้สามารถลดความเสี่ยงที่บัญชีของตนจะถูกแฮ็กลงได้อย่างมาก การจัดเก็บคริปโทเคอร์เรนซีอย่างปลอดภัย ผู้ใช้จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเลือกต่างๆ สำหรับการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัย เช่น Hardware Wallet, Software Wallet และความเสี่ยงที่มาพร้อมกับแต่ละวิธี แนวทางปฏิบัติในการจัดเก็บที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องการลงทุนของตนเอง การดำเนินการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะก่อนการลงทุน การศึกษาข้อมูลโปรเจกต์ ทีมงาน และโทเค็นอย่างละเอียดเป็นสิ่งสำคัญก่อนทำการลงทุน Bitget จะแนะนำผู้ใช้เกี่ยวกับวิธีการมองหาสัญญาณอันตรายและทำการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล อยู่รอดปลอดภัยบนโซเชียลมีเดียและเว็บบอร์ดออนไลน์ การเข้าร่วมการสนทนาเรื่องคริปโตทางออนไลน์อาจมาพร้อมความเสี่ยง Bitget จะให้คำแนะนำในการหลีกเลี่ยงสแกมและข้อมูลที่ผิดในขณะที่คุณเข้าร่วมในโซเชียลมีเดียและเว็บบอร์ดออนไลน์ ความมุ่งมั่นของ Bitget ต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ Bitget ได้ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่หลากหลายเพื่อปกป้องผู้ใช้ ซึ่งรวมไปถึงระบบการตรวจสอบขั้นสูงและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด บทความจะเน้นย้ำถึงโครงการริเริ่มเหล่านี้และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ถึงความปลอดภัยของตนบนแพลตฟอร์ม พันธกิจของ Bitget: โลกคริปโตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น แนวทางเชิงรุกของ Bitget ในการให้ข้อมูลความรู้กับผู้ใช้เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดนั้นเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม การจัดให้เดือนมิถุนายน 2024 เป็น “เดือนต่อต้านสแกม” และเผยแพร่บทความเชิงลึกเกี่ยวกับหัวข้อด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Bitget แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ ความพยายามของเราไม่เพียงปกป้องผู้ใช้แต่ละรายเมื่อใช้งาน Bitget แต่ยังทำให้ชุมชนคริปโตโดยรวมแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย เมื่อมีภัยคุกคามใหม่เกิดขึ้น Bitget จะยังคงให้ข้อมูลและเครื่องมืออันล้ำค่าต่อไปเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ก้าวล้ำนำหน้าสแกมเมอร์เสมอ ด้วยการทำตามคำแนะนำของเราและติดตามข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ ผู้ใช้จะสามารถสำรวจพื้นที่คริปโตได้อย่างมั่นใจ โดยรู้ว่าตัวเองได้รับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้

สแกมที่พบได้ทั่วไปในโลกคริปโทเคอร์เรนซี: คู่มือความปลอดภัย Bitget

คริปโทเคอร์เรนซีได้รับความนิยมพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดึงดูดนักลงทุนเข้ามาจำนวนนับไม่ถ้วนที่กระตือรือร้นที่จะเจาะเข้าสู่ยุคตื่นทองดิจิทัล อย่างไรก็ตาม เหรียญมี 2 ด้านเสมอ ซึ่งเซกเตอร์คริปโตที่เฟื่องฟูก็ก่อให้เกิดสแกมและการฉ้อโกงมากมายขึ้นด้วยเช่นกัน บทความนี้จะมาเปิดเผยสแกมเหล่านี้และให้เคล็ดลับในการหลีกเลี่ยง การสแกมแบบฟิชชิ่ง ฟิชชิ่งยังคงเป็นภัยคุกคามอันดับต้นๆ สแกมเมอร์ใช้อีเมล, SMS หรือแพลตฟอร์มการส่งข้อความ ซึ่งมักสวมรอยเป็นหน่วยงานหรือบริษัทที่มีชื่อเสียง โดยมีวัตถุประสงค์ที่เรียบง่ายคือเพื่อหลอกให้คนเปิดเผยข้อมูลอ่อนไหว เช่น รายละเอียดการเข้าสู่ระบบ, Seed Phrase หรือ Private Key ต้องมีความเอะใจอยู่เสมอเมื่อได้รับข้อความที่ไม่ได้ขอให้ส่งมา และอย่าเปิดเผย Private Key หรือรหัสผ่านของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติม: คู่มือในการกำจัดการสแกมแบบฟิชชิ่งของคุณ เคล็ดลับสำหรับผู้ใช้ Bitget: - เปิดใช้งานรหัสป้องกันฟิชชิ่งในส่วน “ความปลอดภัย / Security ” เมื่อตั้งแล้ว รหัสนี้จะปรากฏอยู่ในอีเมลทางการทุกฉบับจาก Bitget - ตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าคุณกำลังเข้าเว็บไซต์ Bitget อย่างเป็นทางการอยู่ โดยดูที่ “ช่องทางการยืนยันอย่างเป็นทางการ / Offi cial verification channel ” ของ Bitget แชร์ลูกโซ่ แชร์ลูกโซ่เป็นสแกมอีกอย่างหนึ่งที่พบได้เกลื่อนในโลกคริปโต มิจฉาชีพจะล่อลวงนักลงทุนด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและน่าดึงดูดจากการลงทุนในคริปโตของตน แต่ในความเป็นจริง มิจฉาชีพจะนำเงินจากนักลงทุนรายใหม่ไปจ่ายให้กับคนที่เข้ามาก่อนหน้า ในที่สุดเมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะพังทลายลง ทิ้งให้นักลงทุนหมดหนทาง ในการหลีกเลี่ยงแชร์ลูกโซ่ ให้เฉลียวใจอยู่เสมอเมื่อได้รับข้อเสนอด้านการลงทุนที่ฟังดูดีเกินจริง ICO/IEO ปลอม Initial Coin Offering (ICO: การระดมทุนผ่านการเสนอขายเหรียญครั้งแรก) และ Initial Exchange Offering (IEO: การระดมทุนผ่านการเสนอขายครั้งแรกบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน) เป็นช่องการระดมทุนที่ได้รับความนิยมในหมู่สตาร์ทอัพคริปโตอนาคตไกล แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็นของแท้ มีหลายตัวที่บงการโดยสแกมเมอร์ซึ่งสร้างเว็บไซต์ปลอมหรือโปรไฟล์โซเชียลมีเดียปลอมเพื่อโปรโมท ICO ปลอมของตน นักลงทุนที่ไม่ทันเอะใจซึ่งทุ่มเงินลงไปในกิจการเหล่านี้นั้นในไม่ช้าก็จะพบว่าเงินทุนของตนลอยหายไปในอากาศ ในการที่จะหลีกหนีจาก ICO/IEO ปลอมนั้น ต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดเสมอเกี่ยวกับบริษัทและทีมงานก่อนที่จะลงเงินของคุณไป โซลูชันของ Bitget: Bitget Launchpad เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ของคุณสำหรับโปรเจกต์ที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว เราคัดสรรเฉพาะโปรเจกต์ที่มีแววที่สุดอย่างพิถีพิถัน โดยได้นำเสนอ IEO ให้กับโปรเจกต์ที่ได้รับการคัดสรรแล้วถึง 9 โปรเจกต์ การโจมตีด้วยการแฮ็ก แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตและ Wallet เป็นเป้าหมายหลักสำหรับแฮ็กเกอร์ อาชญากรไซเบอร์เหล่านี้ใช้กลยุทธ์มากมาย ตั้งแต่ฟิชชิ่งไปจนถึงการโจมตีด้วยมัลแวร์ เพื่อละเมิดความปลอดภัยและดูดเงินออกไป ในการป้องกันความพยายามที่จะแฮ็กนั้น ให้ใช้รหัสผ่านที่รัดกุมและเปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย เสมอ โดยเฉพาะสำหรับบัญชี Bitget ของคุณ แผนการลากไปทุบ แผนการลากไปทุบมักจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนวงในที่วางแผนจะซื้อโทเค็นราคาถูกเป็นพิเศษ ซึ่งโดยปกติจะเป็นของใหม่และมีมูลค่าตามราคาตลาดน้อย จากนั้นคนวงในจะใช้เครื่องมือทางการตลาด เช่น โซเชียลมีเดีย เพื่อกระจายข่าวสารเกี่ยวกับโทเค็น/โปรเจกต์ สร้างกระแสดึงดูดนักลงทุนและกระตุ้นกิจกรรมการเทรด เพิ่มความต้องการในตัวเหรียญ และผลักดันราคาให้สูงขึ้น เมื่อราคาโทเค็นขึ้นไปสูง คนวงในจะรีบเทขายส่วนที่ตนถือไว้ เก็บกำไรเข้ากระเป๋า และทำให้มูลค่าของโทเค็นนั้นดิ่งเหว นี่คือช่วงที่นักลงทุนจำนวนมากโดนทิ้งให้ติดดอยอยู่กับโทเค็นไร้ค่าเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจไม่สามารถชำระบัญชีได้อย่างรวดเร็ว Rug Pull มาจากสำนวนภาษาอังกฤษว่า “Pull The Rug Out” หมายถึงการกระชากพรมออกจนทำให้หงายล้ม ในโลกคริปโตนั้น Rug Pull หมายถึงการที่ทีมพัฒนาถอนสภาพคล่องและการสนับสนุนทั้งหมดออกโดยฉับพลันจากโปรเจกต์ที่ตนเพิ่งเปิดตัวไป ปล่อยให้นักลงทุนที่ไม่ทันสงสัยอะไรต้องเหลือเพียงโทเค็นไร้ค่าไว้ดูต่างหน้า Rug Pull พบได้ทั่วไปในโลกของ DeFi (Decentralized Finance) และนักลงทุนจำนวนมาก ทั้งมือใหม่และมือเก๋า ต่างก็ตกเป็นเหยื่อของสแกมประเภทนี้ เรียนรู้เพิ่มเติม: Rug Pull คืออะไร เคล็ดลับเพื่อหลีกเลี่ยง Rug Pull และแผนการลากไปทุบ ● ศึกษาข้อมูลด้วยตัวเอง (DYOR: Do Your Own Research) อย่าเชื่อใจใครเพียงเพราะคนนั้นฟังดูแล้วน่าคล้อยตาม ● ระมัดระวังเสมอ ปลอดภัยไว้ก่อนเสมอเมื่อเริ่มได้กลิ่นแปลกๆ ● เลือกใช้แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่เชื่อถือได้ในการเทรด แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่น่าเชื่อถือมักกำหนดให้ต้องมีกระบวนการตรวจสอบโดยละเอียดก่อนที่จะลิสต์เหรียญ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Bitget ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตชั้นนำของโลก ทำไมต้องเป็น Bitget Bitget ยืนหยัดในฐานะแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ (Centralized Exchange) ชั้นนำระดับโลกที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการป้องกันสแกมและการฉ้อโกง สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าทั้งสินทรัพย์และข้อมูลของผู้ใช้จะไม่ถูกเจาะ เมื่อพูดถึงความท้าทายด้านความปลอดภัย Bitget ใช้กลยุทธ์การควบคุมความเสี่ยงที่ครอบคลุม โดยผสมผสานการแยกจัดเก็บทั้งใน Hot และ Cold Wallet แนวทางนี้ได้รับการสนับสนุนจากยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมในด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย ซึ่งรวมไปถึง Suntwin Technology, Qingsong Cloud Security, HEAP, Armors และอีกมากมาย ความทุ่มเทอย่างไม่หยุดยั้งด้านความปลอดภัยของ Bitget สะท้อนออกมาให้เห็นผ่านการติด 10 อันดับแรกจากการจัดอันดับความปลอดภัยแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนจาก Crypto Exchange Ranks (CER) นอกจากนี้เรายังภูมิใจที่ได้รับการจัดอันดับ A+ ใน 12 ตัวจาก SSL Labs ได้รับการยอมรับในความพยายามของเราในการปกป้องข้อมูลและสินทรัพย์ของผู้ใช้ ที่ Bitget ความปลอดภัยของคุณไม่ได้เป็นเพียงเรื่องที่เราใส่ใจเท่านั้น แต่ยังเป็นคำมั่นสัญญาอีกด้วย เราผลักดันขอบเขตอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายมาตรการด้านความปลอดภัยของเรา สมัคร Bitget เลย แล้วดำดิ่งสู่ประสบการณ์การเทรดคริปโทเคอร์เรนซีที่เน้นความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง!

ศัพท์การเทรดคริปโตสำหรับมือใหม่

การเทรด คริปโทเคอร์เรนซีอาจดูเป็นเรื่องน่าสับสนสำหรับนักลงทุนมือใหม่หลายๆ คน แม้ว่านักลงทุนมืออาชีพอาจจะไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวข้างต้น แต่ถ้าหากเราถามถึงวันแรกที่พวกเขาเข้ามาในแวดวงการเทรดล่ะก็ หลายๆ คนอาจลังเลหรือขอกลับคำพูดก็เป็นได้ แต่ไม่ต้องกังวลไป การลงทุนในคริปโตไม่ได้ยากขนาดนั้น เพราะเราจะทำให้มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ เริ่มกันที่คำศัพท์ต่อไปนี้เพื่อช่วยให้เส้นทางการเทรดคริปโตของคุณเป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ไปดูกันเลย! สามารถดูศัพท์เกี่ยวกับ บล็อกเชนเพิ่มเติมได้ที่นี่ A Arbitrage การเทรดคริปโตแบบ Arbitrage คือ กลยุทธ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ-ขายคริปโทเคอร์เรนซี และทำกำไรจากความต่างของราคาระหว่างแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนต่างๆ ที่มีการเทรดคริปโทเคอร์เรนซีนั้นๆ อยู่ All Time High (ATH) / All Time Low (ATL) ราคาสูงสุดและต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการซื้อ-ขายสินทรัพย์ชนิดใดชนิดหนึ่ง Ask Price (ราคาเสนอขาย) ราคาเสนอขาย คือ ราคาที่ผู้ใช้หรือนักเทรดยินดีที่จะขายสินทรัพย์ Average Directional Index (ADX) ADX ถูกใช้ในการวัดความแข็งแกร่งของเทรนด์ ไม่ว่าเทรนด์นั้นจะเป็นไปในทิศทางใดก็ตาม Accumulation/Distribution Line Accumulation/Distribution (A/D) Line จะคอยวัดจุดที่เกิดราคาปิดภายในช่วงเวลาหนึ่ง และนำตัวเลขนั้นมาคูณด้วยปริมาณ เพื่อกำหนดอุปสงค์และอุปทานของสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์ อินดิเคเตอร์ A/D เป็นแบบ “Cumulative (สะสม)” มูลค่าจึงอาจเพิ่มเข้าสู่หรือถูกหักออกจากมูลค่าในช่วงราคาก่อนหน้า B Bid Price (ราคาเสนอซื้อ) ราคาเสนอซื้อ คือ ราคาที่ผู้ใช้หรือนักเทรดยินดีที่จะซื้อสินทรัพย์ Bull Market (ตลาดกระทิง) ตลาดกระทิงเป็นช่วงเวลาที่ราคาตลาดมีแนวโน้มสูงขึ้นและการรับรู้ของสาธารณชนเป็นไปในเชิงบวก Bear Market (ตลาดหมี) ตลาดหมีเป็นตลาดที่ตรงข้ามกับตลาดกระทิง โดยตลาดหมีจะเป็นช่วงเวลาที่ความคาดหวังของตลาดเป็นไปในเชิงลบ เนื่องจากราคาในตลาดมีแนวโน้มลดลงด้วยเช่นกัน Buy Order (Order ซื้อ) / Sell Order (Order ขาย) Order ซื้อ หรือที่รู้จักกันในคำว่า “Bid (ซื้อ)” เป็น Order ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อผู้ใช้ต้องการซื้อสินทรัพย์ ณ จุดราคาหนึ่ง และในทำนองเดียวกันหากผู้ใช้ต้องการขายสินทรัพย์ ณ จุดราคาหนึ่ง พวกเขาก็สามารถทำได้โดยวาง Order ขาย หรือที่รู้จักกันในคำว่า “Ask (ขาย)” Buy The Fucking Dip (BTFD) ความผันผวนของคริปโทเคอร์เรนซีเป็นข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของสินทรัพย์นี้ เนื่องจากมูลค่าของคริปโตผันผวนอยู่บ่อยครั้ง มูลค่าของมันจึงปรับขึ้นลงระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุดอยู่เสมอ กลยุทธ์ BTFD หรือ Buy The Fucking Dip จึงเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับนักลงทุนคริปโตที่ขาดความรอบคอบ เพราะกลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อทุกครั้งที่ราคาของคริปโทเคอร์เรนซีลดต่ำลง ซึ่งทำไปภายใต้เป้าหมายเดียว คือ เพิ่มจำนวนคริปโตให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพียงหวังว่าจะสร้างผลกำไรให้ได้ในปริมาณมากในอนาคต BUIDL BUIDL คือ ศัพท์เทคนิคเช่นเดียวกับ “HODL” โดย BUIDL หมายถึงแนวทางการลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี ที่นักลงทุนจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพให้กับระบบนิเวศในปัจจุบัน แม้ว่า BUIDL จะไม่เป็นที่รู้จักมากเท่า HODL แต่ก็มีการนำเข้ามาปรับใช้บ่อยครั้งโดยกลุ่มคนในโลกคริปโต C Copy Trading Copy Trading คือ แนวปฏิบัติของนักลงทุนในการเปิด Position ในตลาด Futures ในลักษณะเดียวกันกับนักลงทุนรายอื่น (มักจะเป็นนักเทรดมืออาชีพหรือผู้เชี่ยวชาญ) Crypto Portfolio (พอร์ตคริปโต) คอลเลกชันคริปโทเคอร์เรนซีของนักเทรดหรือนักลงทุนจะเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “พอร์ตคริปโต” โดย Altcoin และผลิตภัณฑ์ทางการเงินคริปโตมักจะรวมอยู่ในพอร์ตคริปโตร่วมกับสินทรัพย์อื่นๆ อีกหลากหลายรายการ Candlestick Chart (กราฟแท่งเทียน) กราฟแท่งเทียน คือ ชุดของแท่งเทียนที่นักเทรดใช้ในการคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาในตลาด Centralized Crypto Exchange ( แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตแบบรวมศูนย์) Centralized (รวมศูนย์) หมายถึงแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่สร้างขึ้นและดำเนินการโดยองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเหล่านี้ถูกมองว่ามีความ “รวมศูนย์” เนื่องจากองค์กรเพียงองค์กรเดียวเป็นฝ่ายควบคุมธุรกรรมทั้งหมด รวมถึงกำหนดหลักการใช้งานและค่าธรรมเนียมของการแลกเปลี่ยนด้วย ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน Bitget Correlation (ความสัมพันธ์) ข้อมูลทางสถิติที่เรียกว่า “ความสัมพันธ์” ถูกใช้เพื่อแสดงทิศทางและความเหนียวแน่นของความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล 2 ชุด โดยข้อมูลทั้ง 2 ชุดนี้มักจะเป็นราคาของสินทรัพย์ทางการเงิน 2 ประเภท เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน ดัชนีตลาด หรือคริปโทเคอร์เรนซี Coin-Margined Futures ประเภทของอนุพันธ์ที่รู้จักกันในชื่อ “COIN-Margined Contract (สัญญา COIN-Margined)” จะมีมูลค่าตามคริปโทเคอร์เรนซีอ้างอิงของสัญญานั้นๆ ตราสารทางการเงินเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้สัมผัสการใช้งานคริปโทเคอร์เรนซีโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นจริงๆ แต่อย่างใด D Do Your Own Research (DYOR) “Do Your Own Research” เป็นวลีที่อินฟลูเอนเซอร์สายคริปโทเคอร์เรนซีใช้เพื่อเตือนนักลงทุนรายต่างๆ ว่าไม่มีใครหรือสิ่งใดที่จะสามารถประเมินข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ได้ดีไปกว่าการศึกษาค้นคว้าข้อมูลด้วยตนเอง สิ่งสำคัญที่ควรจำเอาไว้เสมอ คือ อินฟลูเอนเซอร์ด้านคริปโทเคอร์เรนซีและสื่อต่างๆ อาจมีแรงจูงใจและจุดประสงค์ที่ต่างออกไปจากที่คุณคิดได้ Day Trading Day Trading ในสินทรัพย์ทางการเงิน คือ หลักปฏิบัติในการซื้อและขายตราสารทางการเงินภายในวันเทรดเดียวกัน Dollar-Cost Averaging หรือ DCA (การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน) ไม่ว่าราคาสินทรัพย์จะเท่าไรก็ตาม Dollar-Cost Averaging (การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน) จะลงทุนในสินทรัพย์เป้าหมายในปริมาณเท่าเดิม โดยเว้นระยะห่างในการลงทุนเท่าเดิมเสมอ (แบ่งเป็นงวด) ภายในช่วงเวลาตามที่กำหนดเอาไว้ นักลงทุนสามารถลดต้นทุนเฉลี่ยต่อผลตอบแทนที่ได้ และลดผลกระทบจากความผันผวนในพอร์ตได้โดยใช้หลักการ Dollar-Cost Averaging (การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน) E ERC-20 ERC-20 คือ มาตรฐานสำหรับโทเค็นคริปโตที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายมากที่สุด และใช้บนเครือข่าย Ethereum มาตรฐานนี้ช่วยให้นักพัฒนาสร้างสกุลเงินดิจิทัลที่เข้ากันได้กับโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่มีอยู่แล้วได้ในทันที ERC-721 ERC-721 คือ มาตรฐานสำหรับ Non-Fungible Token (NFT) ของเครือข่าย Ethereum ที่ช่วยให้การสร้าง Non-Fungible Token (NFT) ที่มีเอกลักษณ์และไม่สามารถปลอมแปลงได้เกิดขึ้นได้ มาตรฐานนี้สามารถใช้ในการสร้างโทเค็นจากสิ่งของบนโลกจริงที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร หรือใช้ในการสร้างของสะสมดิจิทัลและไอเท็มเกมได้อีกด้วย Ethereum Virtual Machine (EVM) Ethereum Virtual Machine หรือ EVM อาจเรียกได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์ทั่วโลกที่ทำงานบนบล็อกเชน EVM ทำหน้าที่เสมือนกับระบบปฏิบัติการให้แก่โปรแกรมเมอร์ เพื่อสร้างแอปที่มีคุณสมบัติกระจายศูนย์และไม่ต้องอาศัยความไว้วางใจ (Trustless) ให้กับเครือข่าย Ethereum F Fiat เงิน Fiat คือ เงินที่อยู่ในระบบนิเวศทางการเงินดั้งเดิม ยูโร (Euro) และดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar) คือตัวอย่างของสกุลเงิน Fiat การใช้สกุลเงิน Fiat ในโลกของบล็อกเชน มักจะเกี่ยวข้องกับการส่งมอบสินทรัพย์ของคุณให้กับหน่วยงานส่วนกลางที่ทำงานในลักษณะรวมศูนย์ Fear of Missing Out (FOMO) Fear of Missing Out (FOMO) เป็นความวิตกกังวลทางสังคมรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากการรับรู้ว่าคนอื่นกำลังสนุกสนานหรือได้รับประโยชน์จากกิจกรรมใดๆ ในขณะที่ตนเองไม่ได้เป็นเช่นนั้น ในตลาดคริปโต วลีนี้มักจะหมายถึงการเฝ้ามองโทเค็นที่เราไม่ได้เป็นเจ้าของกำลังมีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด FUD Fear, Uncertainty, Doubt (ความกลัว ความลังเล ความสงสัย) มักหมายถึงข้อมูลที่มีแนวโน้มจะนำไปสู่การมองตลาดในแง่ร้าย Fundamental Analysis หรือ FA (การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน) การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน คือ หลักการวิเคราะห์มูลค่าของสินทรัพย์และคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ในบริบทของโปรเจกต์คริปโต การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ เช่น มูลค่าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ ทีมงานเบื้องหลังโปรเจกต์ โมเดลการกระจายโทเค็นและการนำไปใช้งาน เป็นต้น Futures Trading (การ เทรด Futures) การเทรด Futures คือ วิธีการเก็งกำไรในมูลค่าของสินทรัพย์ เช่น คริปโทเคอร์เรนซี โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริงๆ Futures ของคริปโทเคอร์เรนซี เช่น Futures ของสินค้าโภคภัณฑ์หรือหุ้น จะทำให้นักเทรดเก็งกำไรจากมูลค่าในอนาคตของสกุลเงินดิจิทัลได้ G Grid Trading (การเทรด Grid) การเทรด Grid คือ กระบวนการวาง Order ในจุดราคาที่สูงหรือต่ำกว่าราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ส่งผลให้ Grid ของ Order ต่างๆ มีราคาเพิ่มขึ้นและลดลงทีละน้อยจากราคาที่กำหนดไว้ในตอนต้น โดยตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับการเทรด Grid H High/Low (สูงสุด/ต่ำสุด) ในช่วงเวลาเทรด 24 ชั่วโมง “High” หมายถึงราคาสูงสุดของ Bitcoin หรือสินทรัพย์อื่นๆ ภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง ในขณะที่ “Low” หมายถึงราคาต่ำสุดของสินทรัพย์นั้นๆ ภายในช่วงเวลาเทรด 24 ชั่วโมง Halving การ Halving แต่ละครั้งจะทำให้รางวัลบล็อกสำหรับการขุด Bitcoin ลดลง 50% โดย Halving จะเกิดขึ้นเมื่อมีการขุดบล็อกขึ้นมาใหม่ครบ 210,000 บล็อก ซึ่งโดยประมาณแล้วการ Halving จะเกิดขึ้นทุกๆ 4 ปี เครือข่าย Bitcoin เริ่มต้นจากรางวัลบล็อก 50 BTC และในปัจจุบันอยู่ที่ 6.25 BTC ต่อบล็อกหลังจากเกิดการ Halving มาแล้ว 3 ครั้ง HODL HODL หมายถึงพฤติกรรมการไม่ขายคริปโต ซึ่งมักจะเป็นการต่อต้านเทรนด์ตลาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ในการ HODL ผู้ใช้พยายามที่จะสังเกตและจำแนกระหว่าง “ผู้อ่อนแอ” ที่ตัดสินใจขายตั้งแต่เห็นสัญญาณการปรับตัวลงของราคาเป็นครั้งแรก และ “ผู้ชาญฉลาด” ที่สามารถคาดการณ์ตลาดได้อย่างแม่นยำ ส่วนตรงกลางระหว่างคน 2 ประเภทนั้นก็คือนักเทรดทั่วไปที่เลือก HODL นั่นเอง I Impermanent Loss “ค่าเสียโอกาส” น่าจะเป็นคำที่อธิบายที่ดีที่สุดสำหรับ “Impermanent Loss” โดย Impermanent Loss จะเกิดขึ้นเมื่อคุณให้ สภาพคล่องแก่ Pool ใด Pool หนึ่ง แล้วมูลค่าสินทรัพย์ของคุณใน Pool ดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงไป K K-Line K-Line แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นรายวัน ซึ่งนอกจากจะแสดงราคาปิด ราคาเปิด ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุดประจำวันนั้นแล้ว ยังแสดงให้เห็นขนาดความแตกต่างของราคาอีกด้วย KDJ Indicator (อินดิเคเตอร์ KDJ) Technical Indicator ที่ชื่อ “อินดิเคเตอร์ KDJ” ใช้เพื่อประเมินและคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงเทรนด์ของหุ้นและรูปแบบราคาในสินทรัพย์ที่เทรด “ดัชนีแบบสุ่ม” เป็นอีกชื่อเรียกของอินดิเคเตอร์ KDJ โดยอินดิเคเตอร์นี้ถือว่าเป็น Technical Indicator ที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง มักจะถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์เทรนด์หุ้นระยะสั้นและตลาดคริปโต L Linear Display (การแสดงข้อมูลเชิงเส้น) สเกลราคาเชิงเส้นหรือที่เรียกว่า “Arithmetic” จะแสดงราคาบนแกน y โดยใช้ช่วงระยะห่างของราคาที่มีสัดส่วนเท่าๆ กัน Ledger Ledger คือ ฐานข้อมูลธุรกรรม โดย Ledger ในบริบทของคริปโทเคอร์เรนซีจะหมายถึงประวัติการทำธุรกรรมของคริปโทเคอร์เรนซีรายการใดรายการหนึ่งที่บันทึกไว้ในบล็อกเชน Liquidity (สภาพคล่อง) สภาพคล่องมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท โดยประเภทที่ 1 มักใช้เพื่ออธิบายถึงความสามารถของคริปโทเคอร์เรนซีในด้านการซื้อและขายได้อย่างอิสระ ส่วนประเภทที่ 2 คือการใช้เพื่อหมายถึงจำนวนคริปโทเคอร์เรนซีที่อยู่ใน Liquidity Pool ซึ่งพร้อมนำไปใช้ในการเทรดบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Exchange) ได้ Limit Order Limit Order คือ Order แลกเปลี่ยนเพื่อซื้อหรือขายสินทรัพย์ ณ ราคาที่กำหนดไว้หรือราคาที่ดีกว่า โดย Order ซื้อจะได้รับการดำเนินการที่ราคาเป้าหมายหรือต่ำกว่า และ Order ขายจะได้รับการดำเนินการที่ราคาเป้าหมายหรือสูงกว่า M Margin Trading ( การเทรด Margin) การเทรด Margin คือ กลยุทธ์การเทรดแบบหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานสินทรัพย์ที่กู้ยืมมา เมื่อเปรียบเทียบกับการเทรดปกติแล้ว การเทรด Margin จะช่วยให้นักเทรดเพิ่มเลเวอเรจให้กับ Position และทำกำไรให้สูงที่สุดได้ ซึ่งแน่นอนว่ามาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน Margin mode (โหมด Margin): Isolated Margin vs. Cross Margin Cross Margin: เมื่อ Position ที่เปิดอยู่ 2 Position ใช้คริปโทเคอร์เรนซีที่ชำระราคาในสกุลเดียวกัน ทั้ง 2 Position นั้นจะต้องแบ่ง Margin ระหว่างกัน และเพื่อหลีกเลี่ยง Liquidation (การบังคับขาย) Position อาจจำเป็นต้องเรียกใช้ Margin เพิ่มจากยอดคงเหลือทั้งหมดในบัญชีของคริปโทเคอร์เรนซีที่เกี่ยวข้อง Isolated Margin: Margin ที่จัดสรรไว้ให้สำหรับ Position จะถูกจำกัดไว้ที่จำนวนหนึ่ง Market Cap (มูลค่าตามราคาตลาด) Market Cap หรือ Market Capitalization (มูลค่าตามราคาตลาด) มูลค่าทั้งหมดของสินทรัพย์และตลาดจะแสดงให้เห็นได้จากราคาของสินทรัพย์คูณด้วยอุปทานหมุนเวียน โดยมูลค่าตามราคาตลาดนี้มักใช้เพื่อประเมินความสำเร็จของโปรเจกต์ Mining Pool Mining Pool คือ กลุ่มของนักขุดที่ได้รวมพลังการประมวลผลและการ Hash ไว้ด้วยกัน เพราะนักขุดในบล็อกเชนแบบ Proof-of-Work ต้องแข่งขันกันเพื่อเป็นคนแรกที่สร้างบล็อกที่ถูกต้องได้สำเร็จ ดังนั้นการรวบรวมอุปกรณ์จากหลายๆ คนเข้าไว้ด้วยกันจึงทำให้ผู้เข้าร่วมใน Pool สามารถเพิ่มหรือกระจายกำไรจากการขุดของพวกเขาได้ Moving Averages หรือ MA (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) Moving Averages หรือ MA (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) คือ อินดิเคเตอร์ที่ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยอินดิเคเตอร์นี้จะสร้างราคาเฉลี่ยที่อัปเดตอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ข้อมูลการกำหนดราคาละเอียดยิ่งขึ้น หากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ของสกุลเงินใดเพิ่มขึ้นแสดงว่าสกุลเงินนั้นอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ในขณะที่แนวโน้มขาลงจะแสดงโดยค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ที่ลดลง MVRV Z-Score MVRV Z-Score สำหรับ Bitcoin นั้นขึ้นอยู่กับมูลค่า 2 ประเภท คือ มูลค่าตลาด (ราคาหารด้วยปริมาณรวมของ Bitcoin) และมูลค่าจริง (มูลค่าที่แต่ละเหรียญถูกขายครั้งสุดท้าย) หลักการใช้งาน Z-score ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าเมื่อใดเป็นเวลาที่เหมาะสมในการซื้อหรือขาย Bitcoin โดยพิจารณาว่า Bitcoin ถูกเทรดในราคาที่สูงหรือต่ำกว่าราคาจริงของเหรียญ N Network Fee (ค่าธรรมเนียมเครือข่าย) เพื่อทำให้แน่ใจว่าธุรกรรมของคุณได้รับการดำเนินการบนเครือข่าย Bitcoin หรือ Ethereum คุณจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเครือข่าย โดยค่าธรรมเนียมนี้จะถูกใช้เป็นรางวัลให้กับผู้มีส่วนร่วมในเครือข่าย เช่น นักขุดและ Validator สำหรับการประมวลผลธุรกรรมและช่วยเหลือในด้านความปลอดภัยของเครือข่ายนั่นเอง Network Value to Transaction Ratio (NVT Ratio) อินดิเคเตอร์ NVT หรือ Network Value to Transaction (มูลค่าเครือข่ายต่อธุรกรรม) แสดงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการโอนและมูลค่าตามราคาตลาด โดยอาจเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “Price-to-Earnings (PE) Ratio” ของคริปโทเคอร์เรนซีก็ได้เช่นกัน P Paper Wallet Paper Wallet คือ Wallet คริปโทเคอร์เรนซีที่ถูกเก็บไว้ในกระดาษ เป้าหมายของ Wallet นี้คือการเปิดเผย Private Key ให้น้อยที่สุด Paper Wallet ถือว่าเป็น “Cold Storage” ประเภทหนึ่งที่ Private Key ไม่สามารถเข้าถึงได้จากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตซึ่งเสี่ยงต่อการถูกแฮ็กหรือโจมตี ในปัจจุบัน Paper Wallet ได้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางว่าเป็นวิธีที่ไม่ปลอดภัยในการจัดเก็บคริปโทเคอร์เรนซี เนื่องจากต้องใช้งานเว็บไซต์แบบรวมศูนย์และ GUI (Graphical User Interface) ซึ่งไม่ปลอดภัยและเสี่ยงต่อการถูกโจมตีเช่นเดียวกับบริการแบบรวมศูนย์ประเภทอื่นๆ R Return on Investment หรือ ROI (ผลตอบแทนจากการลงทุน) ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) คือ ตัวชี้วัดทางการเงินที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของการลงทุนในสินทรัพย์ สิ่งนี้จะทำหน้าที่เป็นมาตรวัดว่าการลงทุนของคุณมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นมากเท่าไรเมื่อเวลาผ่านไป Relative Strength Index (RSI) Relative Strength Index (RSI) คือ Momentum Indicator ที่แสดงว่าสินทรัพย์หรือคริปโทเคอร์เรนซีเกิดภาวะ Overbought (ซื้อมากเกิน) หรือ Oversold (ขายมากเกิน) กล่าวสั้นๆ ได้ว่า RSI เป็น Oscilator ที่กำหนดแถบสูงสุดและต่ำสุดระหว่างค่า 2 ค่าที่ตรงข้ามกัน ในขณะเดียวกันก็คำนวณจำนวนและความเร็วของการเปลี่ยนแปลงของราคาไปด้วย S Spot Trading ( การเทรด Spot) การเทรด Spot เกี่ยวข้องกับการซื้อและขายคริปโทเคอร์เรนซีที่ราคาตลาดในปัจจุบันโดยมุ่งหวังจะทำกำไร Stake การล็อกคริปโทเคอร์เรนซีที่ถือครองอยู่เพื่อสะสมรางวัลหรือดอกเบี้ยเป็นเทคนิคที่เรียกว่า “การ Stake คริปโต (Crypto Staking)” Shorting (การ Short) การขายคริปโทเคอร์เรนซีโดยตั้งใจที่จะซื้อคืนในภายหลังในราคาที่ถูกกว่าเป็นวิธีที่รู้จักกันในชื่อ “การ Short คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency Shorting)” Social Trading รูปแบบการลงทุนที่เรียกว่า "Crypto Social Trading" ช่วยให้นักลงทุนสามารถคัดลอกวิธีการเทรดของนักเทรดคริปโทเคอร์เรนซีผู้เชี่ยวชาญได้ Support and Resistance (แนวรับและแนวต้าน) แนวรับและแนวต้านเป็นจุดราคา (พื้นที่ในกราฟ) บนกราฟการเทรดที่ช่วยให้เห็นการซื้อและขายจำนวนมาก ระดับที่ราคาสินทรัพย์หยุดลดลงจะถูกเรียกว่า “แนวรับ (Support)” ส่วน “แนวต้าน (Resistance)” คือระดับที่ราคาสินทรัพย์หยุดเพิ่มสูงขึ้น T Tokenomics (เศรษฐศาสตร์ของโทเค็น) เศรษฐศาสตร์ของโทเค็นเรียกว่า “Tokenomics” โดยเศรษฐศาสตร์ของโทเค็นจะสรุปองค์ประกอบต่างๆ เช่น การผลิตและแจกจ่ายโทเค็น อุปสงค์และอุปทาน ระบบแรงจูงใจ และกำหนดการ Burn โทเค็น ซึ่งล้วนส่งผลต่อการใช้งานและมูลค่าของโทเค็นทั้งสิ้น Technical Analysis หรือ TA (การวิเคราะห์ทางเทคนิค) การวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ กระบวนการวิเคราะห์กราฟราคาและใช้ Market Indicator แบบต่างๆ เพื่อกำหนดสถานะของตลาด นี่เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนสำหรับนักเทรดผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต Testnet แพลตฟอร์ม Smart Contract เช่น Ethereum และ Binance Smart Chain ให้บริการ “Testing Environment” สำหรับนักพัฒนาที่เรียกกันว่า “Testnet” ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาสามารถปรับใช้และทดสอบ Smart Contract ได้ Testing Environment เหล่านี้ทำงานในลักษณะเดียวกับเครือข่ายหลัก แต่คริปโทเคอร์เรนซีที่ใช้นั้นไม่มีมูลค่าและสามารถรับได้ฟรีจาก “Testnet Faucet” Token (โทเค็น) โดยทั่วไปแล้วคำว่า “โทเค็น” จะใช้เพื่ออธิบายถึงโทเค็นที่ออกโดยใช้ Smart Contract บนบล็อกเชน Ethereum ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับเหรียญ (Coin) ปัจจุบันมีโทเค็นอยู่หลายพันโทเค็น และคริปโทเคอร์เรนซีหลายสกุลที่อยู่ใน 100 อันดับแรกตามราคาตลาด คือ โทเค็น Ethereum TradingView TradingView เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์ก พร้อมทั้งให้บริการกราฟจากหลายแพลตฟอร์มสำหรับนักเทรดและนักลงทุน แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบกราฟราคาของสินทรัพย์กว่าหลายร้อยรายการ รวมถึงคริปโทเคอร์เรนซีได้ ตลอดจนแบ่งปันและพูดคุยเกี่ยวกับแนวคิดทางการตลาดของพวกเขาได้อีกด้วย U Unspent Transaction Output (UTXO) ในเครือข่ายคริปโทเคอร์เรนซี ยอดคงเหลือใน Wallet จะไม่ถูกจัดเก็บเป็นตัวแปร เช่น ยอดคงเหลือ 100 BTC แต่จะได้มาจาก UTXO หลายๆ ตัว ที่เป็นหน่วยของคริปโทเคอร์เรนซีที่ไม่ได้ใช้งานซึ่งเหลือมาจากผลรวมของธุรกรรมทั้งหมดที่ดำเนินการใน Wallet นั้นๆ โดย UTXO ของ Address ทั้งหมดจะเท่ากับยอดคงเหลือที่ใช้ได้ใน Wallet Unit Price (ราคาต่อหน่วย) ราคาต่อหน่วยของคริปโต คือ ราคาต่อ 1 คริปโทเคอร์เรนซี USDT-Margined / USDC-Margined Futures USDT/USDC-Margined Contract (สัญญา USDT/USDC-Margined) คือ อนุพันธ์ของ สินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่ง ผู้ใช้สามารถทำกำไรจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงของสินทรัพย์ดิจิทัลได้โดยการเปิด Long หรือ Short Position ตามดุลยพินิจของตนเอง V Validator Validator คือ ผู้มีส่วนร่วมในเครือข่ายบล็อกเชนที่ทำหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมที่เข้ามา Validator ที่ถูกใช้งานในแพลตฟอร์ม Proof-of-Stake แทนนักขุด จะช่วยรักษาความสมบูรณ์และปลอดภัยของบล็อกเชน เพื่อแลกกับรางวัลสำหรับการทำหน้าที่ดังกล่าว เครือข่ายจะเลือก Validator ให้เข้ามาตรวจสอบบล็อกใหม่โดยอิงจากจำนวนคริปโทเคอร์เรนซีที่พวกเขา Stake ไว้ในระบบ Volatility (ความผันผวน) ความผันผวนซึ่งตรงกันข้ามกับความเสถียร หมายถึงแนวโน้มที่จะเกิดความผันผวนในราคาของสินทรัพย์ Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ นั้นถือว่ามีความผันผวนสูงมาก ซึ่งเป็นผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในตลาดเกิดใหม่ และประเด็นนี้เองก็อาจเป็นข้อเสียเปรียบสำคัญสำหรับนักเทรดคริปโตเลยก็ว่าได้ W Wallet เจ้าของคริปโทเคอร์เรนซีใช้ Wallet เป็นเครื่องมือในการจัดการ Private Key และใช้เป็นอินเทอร์เฟซสำหรับทำธุรกรรม ในปัจจุบัน Wallet มีให้เลือกทั้งแบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งแบบ Custodial หรือ Non-Custodial ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาอยู่ที่ว่า ผู้ใช้จะยังคงสามารถจัดการ Private Key ของตนได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่เท่านั้นเอง Whale (วาฬ) "วาฬ" เป็นคำเรียกขานสำหรับผู้เล่นหลักในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี อาจเป็นได้ตั้งแต่นักลงทุนสถาบัน ไปจนถึงกองทุนบริหารความเสี่ยงหรือบุคคลทั่วไปที่ร่ำรวย Y Yield Farming Yield Farming คือ การให้ยืมหรือนำคริปโทเคอร์เรนซีไป Stake เพื่อแลกกับผลประโยชน์ เช่น ดอกเบี้ย ในการคำนวณผลตอบแทน Yield Farmer จะใช้อัตราผลตอบแทนต่อปี (APY) Z Zero Confirmation ธุรกรรมที่ได้รับการยืนยันซึ่งยังไม่ได้บันทึกลงในบล็อกเชน 24-Hour Volume (ปริมาณ 24 ชั่วโมง) ปริมาณเหรียญที่มีการเปลี่ยนมือภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งมักจะเป็น 24 ชั่วโมง คือ ปริมาณการเทรดของคริปโทเคอร์เรนซี กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ มูลค่าของการซื้อและขายทั้งหมดที่เสร็จสิ้นในหนึ่งวันจะสะท้อนให้เห็นในปริมาณการเทรด 24 ชั่วโมงของคริปโทเคอร์เรนซีนั่นเอง นี่คือความพยายามเล็กๆ น้อยๆ ของเราในการอธิบายความหมายของศัพท์คริปโตสำหรับมือใหม่ที่ใช้กันบ่อยที่สุด แต่ก็ยังคงมีคำศัพท์อื่นๆ อีกมากมายที่เราไม่อาจรวบรวมไว้ได้ในบทความเดียว อย่างไรก็ตาม พวกเราหวังว่าคำศัพท์ข้างต้นที่แนะนำไปจะเพียงพอให้คุณได้เริ่มต้นเส้นทางสายคริปโตของตัวเองได้เป็นอย่างดี ติดตามข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเทรดคริปโตเพิ่มเติมได้ทาง Bitget Academy: Twitter | Telegram | LinkedIn | Youtube | Facebook | Instagram

Bitget Swap: คำตอบสำหรับคำถามที่พบบ่อยที่สุด

Bitget Swap คืออะไร ในฐานะที่เป็น แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ได้รับการยอมรับ Bitget มุ่งมั่นเพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์การเทรด DeFi ที่ดีที่สุด เราจึงเชื่อม CeFi กับ DeFi เข้าด้วยกันผ่านทาง Bitget Swap ผู้ใช้ของเราจึงขยายพอร์ตให้หลากหลายยิ่งขึ้นได้ โดยมีสภาพคล่องสูง ความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นไม่มีสะดุด ข้อดีของการใช้ Bitget Swap มีอะไรบ้าง Bitget Swap เพิ่งทางเลือกให้กับผู้ใช้ของเราในการซื้อและขายบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน Bitget สำหรับ Bitget Swap นั้นเรารองรับกว่า 10,000 เหรียญและโทเค็นจาก 8 Chain และรวบรวมราคามาจาก DEX ยอดนิยมเจ้าต่างๆ ในวงการคริปโต เครื่องมืออันทรงพลังนี้จะช่วยให้ผู้ใช้ Swap หรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์หนึ่งไปเป็นอีกสินทรัพย์หนึ่งได้แทบจะในทันทีตามราคาตลาด ณ ขณะนั้น การมี สภาพคล่องที่สูงและ Slippage ที่ต่ำจะทำให้ผู้ใช้แลกเปลี่ยนคริปโตได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งรวมถึงการทำธุรกรรม Cross-Chain ด้วย นอกจากนี้ Bitget Swap ยังแปลงยอดคงเหลือที่เป็น Stablecoin ในบัญชีของคุณไปเป็นค่าธรรมเนียม Gas ที่คุณจำเป็นต้องนำไปชำระในการทำธุรกรรมให้โดยอัตโนมัติ จึงสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใครและไม่ยุ่งยาก การสอนกราฟิก: วิดีโอการสอน จะฝากสินทรัพย์เข้าบัญชี Bitget Swap อย่างไร 1) เข้าบัญชี Bitget Swap ของคุณผ่านทางเว็บแอปโดยเลือก “สินทรัพย์ / Assets” ที่แถบนำทางมุมขวาบน จากนั้นเลือก “ภาพรวม / Overview” ตามด้วย “Bitget Swap” หรืออีกวิธีคือเลือก “เทรด / Trade” จากนั้น “การเทรด Spot / Spot trading” แล้วเลือก “Bitget Swap” จากแถบนำทาง 2) ที่หน้า Bitget Swap เลือกเหรียญหรือโทเค็นที่คุณต้องการจะแลกเปลี่ยน แล้วเลือก “ฝาก / Deposit” จากกล่อง “ขาย/ซื้อ” จากนั้นเลือก “ฝากจาก Wallet ภายนอก / Deposit from external wallet” หรือ “ฝากจากบัญชี Spot / Deposit from spot account” หากคุณมีสินทรัพย์อยู่ในบัญชี Spot ของคุณที่ Bitget จะเพิ่มโทเค็นที่ไม่ได้ลิสต์ไว้เพื่อนำมา Swap ใน Bitget Swap ได้อย่างไร เพียงค้นหาเหรียญหรือโทเค็นในแถบค้นหาของ Bitget Swap โดยป้อนชื่อหรือ Address สัญญา หากโทเค็นมีชื่อคล้ายกัน อาจต้องเลื่อนลงมาจนกว่าจะเจอสินทรัพย์ที่ไม่ได้ลิสต์ไว้ เมื่อเลือกสินทรัพย์ที่ต้องการแล้ว ก็ให้เลือก “นำเข้าโทเค็น / Import token” มีวงเงินสำหรับธุรกรรมรายการเดียวหรือไม่ วงเงินในการทำธุรกรรมขึ้นอยู่กับ Mainnet และสกุลเงิน ซึ่งสามารถดูตัวอย่างได้ก่อนที่จะป้อนจำนวนที่จะทำธุรกรรม เมื่อคุณ Swap สินทรัพย์ที่ Bitget Swap จะมีธุรกรรมอยู่ 2 ประเภทคือการ Swap แบบ On-Chain และ Cross-Chain จำนวนขั้นต่ำสำหรับธุรกรรมรายการเดียวใน Chain เดียวกันมักจะอยู่ที่ไม่น้อยกว่า 5 USDT (หากเป็น ETH Chain จะอยู่ที่ไม่น้อยกว่า 30 USDT) และไม่มากกว่า 10,000 USDT ขณะที่การ Swap แบบ Cross-Chain นั้น วงเงินในการทำธุรกรรมรายการเดียวมักจะอยู่ที่ไม่น้อยกว่า 30 USDT (หากเป็น ETH จะอยู่ที่ไม่น้อยกว่า 500 USDT) และไม่มากกว่า 80,000 USDT จะถอนอย่างไร 1) เข้าบัญชี Bitget Swap ของคุณผ่านทางเว็บแอปโดยเลือก “สินทรัพย์ / Assets” ที่แถบนำทางมุมขวาบน จากนั้นเลือก “ภาพรวม / Overview” ตามด้วย “Bitget Swap” 2) เลือกคริปโทเคอร์เรนซีที่ต้องการจะถอน แล้วเลือก “ส่ง / Send” จากนั้นป้อน Address สัญญาที่ต้องการจะส่งสินทรัพย์ไป จะดูประวัติการฝากหรือการถอนอย่างไร 1) เข้าบัญชี Bitget Swap ของคุณผ่านทางเว็บแอปโดยเลือก “สินทรัพย์ / Assets” ที่แถบนำทางมุมขวาบน จากนั้นเลือก “ภาพรวม / Overview” ตามด้วย “Bitget Swap” 2) เลือกสกุลเงินที่ต้องการดูประวัติ แล้วเลือก “ประวัติ / Record” จากนั้นเลือก “ประวัติการโอน / Transfer history” จะดู Swap Order อย่างไร 1) เข้าบัญชี Bitget Swap ของคุณผ่านทางเว็บแอปโดยเลือก “สินทรัพย์ / Assets” ที่แถบนำทางมุมขวาบน จากนั้นเลือก “ภาพรวม / Overview” ตามด้วย “Bitget Swap” 2) เลือกสกุลเงินที่ต้องการดูประวัติ แล้วเลือก “ประวัติ / Record” จากนั้นเลือก “ประวัติการแปลง / Conversion history” นอกจากนี้ยังมีไอคอนที่มุมซ้ายบนของหน้า Bitget Swap อีกด้วยเพื่อให้คุณเข้าถึงข้อมูลประวัติ Swap Order ได้อย่างรวดเร็ว จะตรวจสอบอย่างไรว่าการ Swap สำเร็จ ทุก Swap Order จ่ายชำระโดยตรงเข้าบัญชี Bitget Swap ของคุณและมักดำเนินการในทันที แต่ในบางกรณีอาจต้องใช้เวลาเล็กน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นและสภาพคล่องของโทเค็น สามารถดูสถานะการ Swap ของคุณได้ที่แท็บ “ประวัติการแปลง / Conversion history” ทำไมราคา Bitget Swap ถึงต่างจากราคาในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน ราคาในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนมักเป็นไปตามปัจจัยความเคลื่อนไหวของ คริปโทเคอร์เรนซีและปริมาณการเทรด แต่ Bitget Swap จะมีการปรับราคาตามสภาวะตลาดโดยเปรียบเทียบราคาตลาดจากหลาย DEX เพื่อให้คุณได้ราคาที่เหมาะสมที่สุด ก่อนที่การ Swap จะดำเนินการ Bitget Swap จะให้คุณดูตัวอย่างธุรกรรมและไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมซ่อนเร้นหรือเพิ่มเติม มีค่าธรรมเนียม Gas หรือไม่ ทุกธุรกรรมมีค่าธรรมเนียม Gas แต่ Bitget จะจัดการให้โดยอัตโนมัติจากยอดคงเหลือที่เป็น Stablecoin ที่มีอยู่ในบัญชี Bitget Swap ของคุณ วิธีนี้จะทำให้คุณไม่ต้องคอยเตรียมสินทรัพย์เพิ่มเติมที่เป็นโทเค็นของ Chain เพื่อไว้ชำระค่าธรรมเนียม Gas คำนวณ Slippage อย่างไร Bitget ใช้อัลกอริทึมอิงตามลักษณะของสภาพคล่อง ณ ขณะนั้นเพื่อให้ Slippage ที่ต่ำที่สุดสำหรับการ Swap ข้อความข้อผิดพลาด “ยอดคงเหลือไม่เพียงพอ” คืออะไร เช่นเดียวกับการเทรด Spot คุณจำเป็นต้องมีสินทรัพย์อยู่จำนวนหนึ่งในบัญชี Bitget Swap ของคุณเพื่อดำเนินการ Swap เช่น หากโทเค็นมีราคาอยู่ที่ 100 USDT คุณก็ต้องมีอย่างน้อย 100 USDT อยู่ในบัญชี Bitget Swap ของคุณเพื่อให้ซื้อ 1 โทเค็นได้ แต่หากสินทรัพย์ที่คุณมีในบัญชี Bitget Swap ของคุณนั้นไม่เพียงพอให้เริ่มดำเนินการ Swap คุณจะได้รับข้อความข้อผิดพลาด “ยอดคงเหลือไม่เพียงพอ” เตือนให้คุณฝากสินทรัพย์เข้ามาในบัญชีของคุณ ขณะนี้ Bitget Swap รองรับ Chain ใดและสกุลเงินใดบ้าง Bitget Swap รองรับ 8 Chain ทั้ง ETH, BSC, Polygon, OP, Fantom, Klay, OEC และ HECO โดย Bitget Swap รองรับการ Swap แบบ Cross-Chain สำหรับทุก Chain ยกเว้น Klay กับ OP ผู้ใช้จึงเข้าถึงได้กว่า 10,000 เหรียญและโทเค็น นอกจากนี้ Bitget Swap ยังรวบรวมราคามาจาก DEX ที่ได้รับความนิยมที่สุดมากกว่า 10 แห่ง ซึ่งรวมไปถึง Uniswap, PancakeSwap, Curve และ SushiSwap คุณจึงมี Pool สินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อการแลกเปลี่ยนที่มีสภาพคล่องสูง กระแสโทเค็นไหลเข้า 24 ชั่วโมงบอกอะไรกระแสโทเค็นไหลเข้าเป็นข้อมูลที่คล้ายกับปริมาณการเทรด สะท้อนถึงความถี่ที่มีการซื้อโทเค็น ยิ่งตลาดมีความเคลื่อนไหวมาก โทเค็นก็ยิ่งมีความเคลื่อนไหวมากเช่นกัน นักเทรดสามารถนำข้อมูลนี้มาใช้คาดการณ์ได้ว่าเหรียญที่ตนสนใจนั้น Bullish หรือไม่ แน่นอนว่ามีตัวชี้วัดตลาดอยู่มากมาย กระแสโทเค็นไหลเข้าจึงไม่ได้เป็นสัญญาณ Bullish เสมอไป นักเทรดจึงควรใช้ความระมัดระวังและใช้แหล่งข้อมูลทั้งหมดที่มี ยิ่งไปกว่านั้น กระแสโทเค็นไหลเข้าไม่ได้นำไปสู่ราคาที่สูงขึ้นเสมอไป โทเค็นอาจผ่านพ้นช่วงราคาต่ำสุดไปแล้ว จึงทำให้นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อกันเป็นจำนวนมาก แต่ก็อาจเป็นลักษณะของการลากขึ้นไปทุบ (Pump and Dump) ได้เช่นกัน สามารถดูข้อมูลโทเค็นที่ต้องการได้หรือไม่ ฟีเจอร์หนึ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Bitget Swap คือการแสดงข้อมูลให้คุณเห็นเมื่อทำการ Swap สินทรัพย์ เหรียญและโทเค็นจำนวนมากที่มีใน Bitget Swap มาพร้อมกับข้อมูลเบื้องหลัง รายละเอียดการเทรด และลิงก์แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม เพียงเลือกแท็บ “รายละเอียดเหรียญ / Coin details” ในเว็บแอปเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม จะประเมินศักยภาพการเติบโตและการลงทุนของโทเค็นใหม่หรือโทเค็นที่ไม่ได้ลิสต์ไว้ได้อย่างไร เป็นคำถามที่ดี นี่ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน แต่เราเตือนผู้ใช้ของเราอยู่เสมอให้ทำ DYOR (Do Your Own Research หรือการหาข้อมูลด้วยตัวเอง) และทำความเข้าใจด้านความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ นักเทรดอาจตั้งคำถามพื้นฐานบางข้อให้ตัวเองตอบดูได้ เช่น โปรเจกต์นี้ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงหรือไม่ หรือคุณเข้าใจจริงๆ หรือไม่ว่าโปรเจกต์นี้ทำอะไรและมีอรรถประโยชน์หรือไม่ในชีวิตของคุณเอง นอกจากนี้ยังควรพิจารณาด้วยว่าโปรเจกต์ดังกล่าวมีกรณีการนำไปใช้งานมากน้อยหลากหลายเพียงใด และชุมชนมีส่วนร่วมแค่ไหนหรือมีผู้สนับสนุนโปรเจกต์อย่างคลั่งไคล้หรือไม่ โปรเจกต์ Web3 ที่กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาอาจมีความเสี่ยง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบ Whitepaper, เว็บไซต์ และทีมงานที่ขับเคลื่อนโปรเจกต์ให้ดีเสมอ https://youtube.com/shorts/xkESRNN9ELk?feature=share