ข่าวสาร Burn (BURN)

Banana For Scale (BANANAS31) คืออะไร ทำไมถึงเป็น Memecoin ที่ใครๆ ก็พูดถึง

หากคุณได้ติดตามกระแสในโลกคริปโต คุณอาจพบกับบางสิ่งที่แตกต่างออกไป… เล็กน้อย แน่นอนว่าเราทุกคนเคยได้ยินเกี่ยวกับ Memecoin อย่าง Dogecoin (DOGE) หรือ Shiba Inu (SHIB) มาก่อน แต่ Banana For Scale (BANANAS31) ล่ะ นี่คือตัวใหม่ และเชื่อหรือไม่ว่าเหรียญนี้กำลังกลายเป็นหนึ่งในเหรียญที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดในปี 2025 อย่างรวดเร็ว แต่คำถามที่แท้จริงอยู่ที่ว่า BANANAS31 คืออะไรกันแน่ และทำไมถึงดึงดูดความสนใจของทุกคน ตัวนี้ไม่ใช่แค่โทเค็นคริปโตธรรมดาๆ ทั่วไปอีกตัว แต่เป็น Memecoin ที่ผสมผสานอารมณ์ขัน วัฒนธรรมอินเทอร์เน็ต และโลกของบล็อกเชนเข้าด้วยกัน ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงต้นกำเนิดสุดแหวกของ BANANAS31 ว่าสามารถสร้างความโดดเด่นท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้อย่างไร และเหตุใดจึงดึงดูดความสนใจจากทั่วโลกได้ พร้อมหรือยังที่จะค้นหาว่าทำไม Memecoin ตัวนี้อาจกลายเป็นเหรียญที่ยิ่งใหญ่ตัวถัดไปในวงการคริปโต มาเริ่มกันเลย! Banana For Scale (BANANAS31) คืออะไร Banana For Scale (BANANAS31) เป็น Memecoin ที่สร้างขึ้นบน BNB Smart Chain (BSC) เปิดตัวบนแพลตฟอร์ม four.meme เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2024 ชื่อนี้มาจากมีม “Banana For Scale” (กล้วยเทียบขนาด) อันโด่งดังที่เริ่มแพร่หลายในอินเทอร์เน็ตในช่วงกลางทศวรรษ 2000 มีมนี้เรียบง่าย เมื่อต้องการแสดงขนาดของบางสิ่งแต่ไม่มีไม้บรรทัด ก็ใช้กล้วยมาช่วยเทียบขนาดความเล็กใหญ่ให้เห็นชัดเจนได้ แนวคิดแหวกๆ ขบขันนี้แพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว โดยผู้คนนำกล้วยมาวัดสิ่งของต่างๆ ตั้งแต่ชุดโทรทัศน์ไปจนถึงสัตว์เลี้ยง และแม้แต่คนดัง BANANAS31 สร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงด้วยการผสมผสานมีมอันโด่งดังเข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชน เหรียญนี้ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นเมื่อ SpaceX ตัดสินใจติดสติกเกอร์กล้วยบนจรวด Starship S31 ในระหว่างเที่ยวบินทดสอบ การเคลื่อนไหวอันชาญฉลาดนี้ทำให้ Memecoin ได้รับการส่งเสริมทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญ โดยเชื่อมโยงกับโลกนวัตกรรมของ Elon Musk และ SpaceX และยังเพิ่มชั้นที่เป็นเอกลักษณ์แห่งความสำคัญทางวัฒนธรรมอีกด้วย สิ่งที่เริ่มต้นเป็นเรื่องตลกบนอินเทอร์เน็ต ตอนนี้ได้กลายมาเป็นโปรเจกต์คริปโทเคอร์เรนซีที่จริงจังซึ่งกำลังดึงดูดความสนใจในตลาด Memecoin BANANAS31 เปลี่ยนจากมีมไปสู่เหรียญล้านดอลลาร์สหรัฐได้อย่างไร นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2024 มานั้น BANANAS31 ได้เข้ามาสร้างความฮือฮาในโลกคริปโตในรูปแบบที่ Memecoin ไม่กี่เหรียญสามารถทำได้ ในเวลาเพียงเดือนเดียว BANANAS31 มีมูลค่าตามราคาตลาดกว่า 79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดึงดูดผู้ถือได้มากกว่า 30,000 ราย นั่นไม่เพียงจะน่าประทับใจเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ามีสิ่งพิเศษกำลังเกิดขึ้น แล้วอะไรอยู่เบื้องหลังการเติบโตที่รวดเร็วนี้ คำตอบคือเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมมีมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ชุมชนที่แข็งแกร่ง และรากฐานที่มั่นคง โปรเจกต์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้รูปแบบการกำกับดูแล DAO ซึ่งหมายความว่าชุมชนมีสิทธิ์มีเสียงในอนาคตของเหรียญนี้ ในช่วงแรกๆ นักพัฒนาได้ Burn Liquidity Pool ซึ่งเป็นสัญญาณว่าโปรเจกต์นี้จะถูกส่งมอบให้กับชุมชน สิ่งนี้สร้างความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของและไว้วางใจ และทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นอยากเข้ามามีส่วนร่วม อย่างแคมเปญสร้างสรรค์ต่างๆ เช่น ชาเลนจ์ “Banana Measures Everything” และอีเวนต์สนุกๆ บน TikTok ทำให้ BANANAS31 ยังคงสร้างความตื่นเต้นและน่าดึงดูดใจได้อยู่ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการเทรดเท่านั้น แต่เป็นการเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่สนุกสนานอีกด้วย และนั่นคือสิ่งที่ผลักดันให้ผงาดขึ้นมาได้อย่างน่าประทับใจ การคาดการณ์ราคา BANANAS31: อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกับ Memecoin ที่กำลังดังระเบิดนี้ ในขณะที่ BANANAS31 ยังคงสร้างกระแสในโลกของ Memecoin คำถามใหญ่ที่อยู่ในใจของทุกคนก็คือ อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกับคริปโทเคอร์เรนซีที่เติบโตอย่างรวดเร็วนี้ ณ เดือนมีนาคม 2025 เห็นได้ว่า Banana For Scale มีมูลค่าตามราคาตลาดทะลุ 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐและสร้างชุมชนที่มีผู้ถือกว่า 110,000 ราย แต่เช่นเดียวกับคริปโตอื่นๆ อนาคตอาจไม่แน่นอน ดังนั้นแล้วมุมมองด้านราคาของ BANANAS31 จะเป็นอย่างไร แม้การคาดการณ์ราคาอาจทำได้ยาก แต่ BANANAS31 ก็แสดงให้เห็นสัญญาณของการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ การสนับสนุนอันแข็งแกร่งของชุมชน การเพิ่มการรับรู้ทางตลาด และผลกระทบทางวัฒนธรรมแบบไวรัลทำให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับการเติบโตในอนาคต เนื่องจากเหรียญขยายตัวไปสู่แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนต่างๆ มากขึ้น และเนื่องจาก Memecoin ยังคงได้รับความสนใจมากขึ้นในพื้นที่คริปโต จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็น BANANAS31 ขึ้นไปทำ New High นักวิเคราะห์หลายคนมีความหวังว่าเหรียญอาจพุ่งไปถึง $0.05 หรือสูงกว่านั้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะหากแคมเปญที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนยังคงเป็นไวรัลอย่างต่อเนื่อง แต่คำถามใหญ่ก็คือ BANANAS31 จะไปถึง $1 ได้หรือไม่ แม้ราคาในปัจจุบันอาจดูเหมือนว่าจะห่างไกลจากระดับนั้น แต่อะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในโลกของ Memecoin ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ในการที่ BANANAS31 จะไปถึง $1 ได้นั้น จำเป็นต้องเพิ่มมูลค่าตามราคาตลาดขึ้นอย่างมาก ใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องของชุมชน และมีการนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนหลักๆ การจะบรรลุเป้าหมาย $1 นั้นถือเป็นความท้าทายในระยะยาวอย่างแน่นอน แต่ด้วยโมเมนตัมที่เหมาะสมและผลกระทบทางวัฒนธรรมที่ต่อเนื่อง BANANAS31 ก็อาจไปถึงจุดสำคัญที่หลายๆ คนคาดไม่ถึงได้ แม้ว่าจะไม่มีการการันตีใดๆ เช่นเดียวกันกับ Memecoin ทุกเหรียญก็ตาม วิธีซื้อ BANANAS31: แพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับการเทรด Memecoin ด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและการสนับสนุนจากชุมชนที่แข็งแกร่ง BANANAS31 จึงกลายมาเป็นหนึ่งใน Memecoin ที่ร้อนแรงที่สุดในตลาดได้อย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่จะเพลิดเพลินไปกับกำไรที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ก็จะต้องทราบก่อนว่าจะซื้อคริปโทเคอร์เรนซีใหม่ที่น่าตื่นเต้นนี้ได้ที่ไหนและอย่างไร Bitget เปิดตัว BANANAS31USDT สำหรับการเทรด Futures เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2025 (UTC+8) โดยถือเป็นแพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเทรด BANANAS31 โดยใช้เลเวอเรจ วิธีเทรด BANANAS31 บน Bitget เวลาลิสต์: 20 มีนาคม 2025 ขั้นตอนที่ 1: ไปที่หน้าการเทรด Futures คู่ BANANAS31USDT บน Bitget ขั้นตอนที่ 2: เลือกเลเวอเรจที่ต้องการ (สูงสุดถึง 25x) แล้วป้อนจำนวนที่ต้องการเทรด อ่านเพิ่มเติม: คู่มือสำหรับมือใหม่ Bitget — วิธีทำการเทรด Futures ครั้งแรก โปรดทราบว่า Bitget อาจปรับพารามิเตอร์การเทรด ซึ่งรวมไปถึงช่วงห่างของราคา เลเวอเรจสูงสุด และอัตรา Margin ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด คอยจับตาดูการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์การเทรดของคุณ เริ่มเทรด BANANAS31 บน Bitget ได้แล้วทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมฟีเจอร์อันทรงพลัง! ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

BGB ส่งท้ายปี 2024 อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมระเบิดความมันส์ในปี 2025

เมื่อฝุ่นควันจางลงในปี 2024 ก็มีอยู่ชื่อหนึ่งที่ปรากฏโดดเด่นในหมู่มหาอำนาจคริปโต ชื่อนั้นคือ BGB ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงอีกโทเค็นหนึ่งที่ทำ ATH แต่เป็นสัญลักษณ์ของกลยุทธ์ ชุมชน และโมเมนตัมที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ สำหรับผู้ที่ยังลังเลอยู่ ให้เปลี่ยนคำถามจาก ฉันพลาดไปได้ยังไง เป็น ฉันจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปอีกครั้งหรือเปล่า บทวิเคราะห์ปีแห่งประวัติศาสตร์ ตัดความคิดเรื่องโชคออกไป การเติบโตที่โดดเด่นของ BGB ในปี 2024 ถือเป็นผลงานชั้นยอดในด้านกลยุทธ์และการดำเนินการ จากราคาเปิดเบาๆ ที่ $0.5794 ขึ้นไปทำ ATH อย่างน่าทึ่งที่ $8.4851 ในวันที่ 27 ธันวาคม ซึ่งเป็นหัวใจและพอร์ตของเหล่าผู้สนับสนุน ราคาที่พุ่งขึ้นในแต่ละครั้งเป็นผลมาจากการออกแบบอย่างตั้งใจที่ขับเคลื่อนด้วยระบบนิเวศอันแข็งแกร่ง มีอรรถประโยชน์ที่ชัดเจน และชุมชนที่มีส่วนร่วมและภักดีซึ่งเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวของโทเค็น การผงาดขึ้นของ BGB ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขบนกราฟเท่านั้น แต่เรากำลังพูดถึงหมุดหมายต่างๆ ที่แต่ละหมุดหมายได้ส่งสัญญาณให้ตลาดทราบว่า BGB ไม่ใช่แค่สินทรัพย์เก็งกำไรอย่างหนึ่งเท่านั้น ผู้ถือ BGB เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ที่แสวงหาอนาคตที่คริปโตมีการขับเคลื่อนด้วยอรรถประโยชน์ BGB นั้นถูกกำหนดมาให้เจริญเติบโตและเป็นผู้กำหนดนิยามใหม่ของระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จ เมื่อไทม์ไลน์การทำ ATH ของโทเค็นนี้เปิดเผยขึ้น ก็ทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนของการเติบโตและโมเมนตัมที่ยั่งยืน โดยทุกๆ เปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นจากราคาเปิดได้สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องราวที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น นั่นคือ เศรษฐศาสตร์ของโทเค็น (Tokenomics) ที่ได้ผล การนำไปใช้งานที่ส่งผลอย่างกว้างขวาง และการรวมตัวกันของชุมชน เรื่องราวของปี 2024 ได้วางรากฐานไว้แล้ว แต่ด้วยโมเมนตัมที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ศักยภาพสำหรับปี 2025 จึงนับเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ที่มา: Bitget Academy, Yahoo Finance อย่าว่าแต่โทเค็น CEX เลย แทบไม่มีโทเค็นไหนที่ไม่ใช่ Meme Token ที่สามารถเพิ่มมูลค่าเป็น 15 เท่าได้ในเวลาไม่ถึง 12 เดือน หาก BGB สามารถเพิ่มขึ้นได้ถึง 1,364% ภายในเวลาเพียงปีเดียวจากอรรถประโยชน์ที่มีอยู่ในตัวและความเคลื่อนไหวของตลาด ลองนึกดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อโมเดลภาวะเงินฝืดเริ่มมีผล และการใช้งานขยายตัวมากขึ้น Burn, Baby, Burn: ยุคเงินฝืดได้เริ่มขึ้นแล้ว ช่วงที่น่าตื่นเต้นที่สุดของเรื่องราว BGB ในปี 2024 ก็คือ การประกาศ ถึงการเปลี่ยนแปลงสู่ภาวะเงินฝืด เมื่อ Bitget มุ่งมั่นที่จะ Burn โทเค็นจำนวน 800 ล้านโทเค็น หรือคิดเป็น 40% ของอุปทานทั้งหมด ก็ถือเป็นตัวอย่างของการใช้ศิลปะแห่งเศรษฐศาสตร์ของโทเค็นอย่างถูกต้อง และด้วยปริมาณอุปทานทั้งหมดที่ลดลงเหลือ 1.2 พันล้าน และโทเค็นทั้งหมดก็หมุนเวียนอยู่ในระบบแล้ว ความขาดแคลน (Scarcity) ก็กลายมาเป็นแรงผลักดันมูลค่าที่ทรงพลัง ที่มา: Bitget Whitepaper เริ่มตั้งแต่ปี 2025 การซื้อคืนและการ Burn รายไตรมาสของ BGB จะจุดชนวนให้เกิดวัฏจักรแห่งความขาดแคลนที่ไม่มีวันสิ้นสุดเพื่อเปลี่ยนภูมิทัศน์เศรษฐศาสตร์ของโทเค็นโดยสิ้นเชิง การ Burn แต่ละครั้งเป็นการเคลื่อนไหวที่ผ่านการคำนวณเพื่อเพิ่มมูลค่าของ BGB และกระตุ้นโมเมนตัมในตลาด นอกจากนี้ การนำค่าธรรมเนียมการเทรดและกำไรจาก Wallet กลับไปลงทุนในโมเดลภาวะเงินฝืดนี้ Bitget ก็ทำให้มั่นใจได้ว่าทิศทางขาขึ้นของโทเค็นนั้นจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง ทุก BGB ที่ถูกถอดออกจากการหมุนเวียนจะช่วยทำให้ BGB กลายเป็นสินทรัพย์ที่หายากและเป็นที่ต้องการยิ่งขึ้น ซึ่งน่าจะสอดคล้องอย่างยิ่งกับราคาที่พุ่งทำสถิติใหม่ในปีหน้า จากสองโทเค็นรวมเป็นหนึ่ง: ลดความซับซ้อน เพิ่มผลลัพธ์ เจริญเติบโต ก่อนอื่น การควบรวมระหว่าง Bitget Wallet Token (BWB) และ BGB ถือเป็นวิวัฒนาการตามธรรมชาติของระบบนิเวศน์แบบไดนามิก BWB และ BGB ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันภายในแพลตฟอร์มของ Bitget ที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ระบบนิเวศน์พัฒนาขึ้นและวิสัยทัศน์ของเราในเรื่องอนาคตที่เป็นหนึ่งเดียวชัดเจนขึ้น การตัดสินใจในการรวมโทเค็นเหล่านี้จึงกลายเป็นโอกาสทางกลยุทธ์ในการปรับกระบวนการให้มีประสิทธิภาพและเพิ่มผลกระทบของโทเค็นอรรถประโยชน์โทเค็นเดียวที่ทรงพลังนี้ และในฐานะโทเค็นระบบนิเวศรวม BGB ก็พร้อมที่จะผลักดันวิสัยทัศน์อันทะเยอทะยานของเราไปข้างหน้า โดยขับเคลื่อนสิทธิประโยชน์ในการเทรดบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ในขณะที่เปิดใช้งานบริการการเทรดแบบ On-Chain ทั่วทั้ง Public Chain และระบบนิเวศ DeFi ชั้นนำต่างๆ และ BGB ซึ่งผสานเข้ากับ Bitget Wallet แล้วก็จะช่วยอำนวยความสะดวกในการชำระค่าธรรมเนียม Gas แบบ Multi-Chain, การ Stake และการมีส่วนร่วมใน Fair Launchpool เพื่อทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์หลักสำหรับผู้ใช้ทั้งแบบรวมศูนย์และแบบกระจายศูนย์ เมื่อมองไปถึงปี 2025 บทบาทของ BGB จะขยายออกไปอีกในแอปพลิเคชัน PayFi แบบออฟไลน์ เพื่อสนับสนุนการชำระเงินที่ราบรื่นในสถานการณ์ต่างๆ ของผู้บริโภค เช่น การรับประทานอาหาร การเดินทาง และการซื้อสินค้า การบรรจบกันของเทคโนโลยี Web3 กับกรณีการนำไปใช้งานในโลกจริงช่วยให้แน่ใจว่า BGB จะเป็นสะพานเชื่อมไปสู่อนาคตแห่งโลกการเงิน การควบรวมครั้งนี้ยังช่วยเสริมสร้างเศรษฐศาสตร์ของโทเค็นของ BGB อีกด้วย เนื่องจากไม่มีการออกโทเค็นใหม่และมีการเปิดตัวการซื้อคืนพร้อม Burn เหรียญทุกไตรมาส การออกแบบที่มีภาวะเงินฝืดของโทเค็นจึงยังคงเพิ่มความขาดแคลนและมูลค่าในระยะยาวต่อไป BGB ซึ่งติด 23 อันดับแรก ของคริปโทเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงสุดของโลก มีความโดดเด่นในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งในตลาดที่มีความอิ่มตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขอให้ถือว่านี่คือความมุ่งมั่นของ Bitget ที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน มีความสามารถในการขยายการรองรับ และส่งมอบคุณค่าที่ยืนยาวให้กับชุมชน Bitget ยังติดอันดับ 2 ในหมวดหมู่โทเค็น CEX อีกด้วย ที่มา: CoinGecko เหตุใด BGB จึงควรค่าที่จะรู้สึก FOMO และป้องกัน FUD BGB ได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่ออกแบบมาอย่างเชี่ยวชาญเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีอรรถประโยชน์ที่ไม่มีใครเทียบได้: ความขาดแคลนที่คุณเชื่อใจได้: การ Burn คือความมุ่งมั่นในระยะยาวเพื่อสร้างมูลค่า มากกว่าจะเป็นแค่เล่ห์กลอย่างหนึ่งเท่านั้น ด้วยโทเค็นจำนวน 1.2 พันล้านที่หมุนเวียนอยู่ในระบบและจะไม่มีการ Mint เพิ่มอีก ความขาดแคลนก็ได้ฝังแน่นอยู่ใน DNA ของ BGB แล้ว อรรถประโยชน์ที่สำคัญ: ตั้งแต่ส่วนลดค่าธรรมเนียมการเทรดไปจนถึงการผสานรวม PayFi จะทำให้ BGB กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ใช้ Bitget โดยเป็นโทเค็นแบบที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่ในพอร์ตของคุณ ชุมชนที่ส่งมอบ: ATH คือการตรวจสอบความถูกต้องจากชุมชนที่มีการสร้าง มีความเชื่อมั่น และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทีมงานที่คิดล่วงหน้า: การควบรวม BGB-BWB และแผนภาวะเงินฝืดได้แสดงให้เห็นว่า Bitget เลือกที่จะปรับเปลี่ยนและเพิ่มประสิทธิภาพตลาดสำหรับ BGB ในเชิงรุก ซึ่งถือว่ามีความเป็นผู้นำที่คุณสามารถไว้วางใจได้ นี่คือโทเค็นที่พร้อมสำหรับการเติบโตที่ไม่ธรรมดา โดยมีการคาดการณ์แบบเสี่ยงต่ำไว้ว่า BGB จะอยู่ในช่วง $20-$30 ภายในกลางปี 2025 และมีการคาดการณ์แบบทะเยอทะยานว่าจะทะลุแนวต้าน $50 แต่เรื่องราวที่แท้จริงอยู่ที่การเล่าเรื่อง ความสำเร็จของ BGB จนถึงตอนนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงผลกระทบและศักยภาพของเศรษฐศาสตร์ของโทเค็นที่มีเป้าหมาย ซึ่งการ Burn ทุกๆ ไตรมาสจะช่วยเพิ่มความขาดแคลน และอรรถประโยชน์ใหม่ๆ แต่ละอย่างก็จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับบทบาทของโทเค็นในระบบนิเวศ และทุกครั้งที่ทำ ATH ก็จะเป็นการสร้างโมเมนตัมสำหรับ ATH ขั้นต่อไป ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้เป็นโทเค็นที่เติบโตขึ้นได้ด้วยหลักเหตุผล ไม่ใช่ด้วยโชค ข้อคิดที่ได้: รีบลงมือก่อนที่จะสายเกินไป ปี 2024 เป็นปีที่ BGB ได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว ไม่ใช่แค่ในฐานะโทเค็น แต่ยังเป็นพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ซึ่งทำลายล้างภูมิทัศน์คริปโต “ปกติทั่วไป” โดยประสบความสำเร็จในสิ่งที่โทเค็นอื่นๆ มากมายทำได้เพียงใฝ่ฝันถึง นั่นคือการเติบโตแบบทำลายสถิติซึ่งเกิดจากจุดประสงค์ ความขาดแคลน และนวัตกรรมที่ไม่ลดละ แต่นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น เพราะโมเดลภาวะเงินฝืดร่วมกับอรรถประโยชน์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องทำให้แน่ใจได้ว่าปี 2025 จะเป็นปีที่วิสัยทัศน์ของ BGB เติบโตขึ้นอย่างเต็มที่ ผู้คนจึงควรจะมองว่า BGB เป็นเรื่องของ “เมื่อไหร่” มากกว่า “ทำไม” ความสอดคล้องกันของชุมชนที่ภักดี ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ และระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง ทำให้นี่เป็นโอกาสที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวต่อยุคสมัย ช่วงเวลาแห่งโอกาสไม่ได้มีอยู่ตลอด ในขณะที่เรื่องราวนี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วในปี 2025 ทางเลือกก็ชัดเจน คือ จะคว้าช่วงเวลานี้เอาไว้และร่วมเดินไปกับเราบนเส้นทางแห่งวิวัฒนาการ หรือจะยอมเสี่ยงที่จะต้องมองย้อนกลับมาและถามว่า “จะเป็นยังไงถ้า” เทรด BGB บน Bitget วันนี้เลย! ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

ARC-20: อนาคตของการ Tokenize บนเครือข่าย Bitcoin

ARC-20 คืออะไร ARC-20 เป็นมาตรฐานโทเค็นใหม่ที่สร้างขึ้นโดย Atomicals เพื่อแสดงสินทรัพย์ที่เป็น Fungible Token บนบล็อกเชน Bitcoin ก่อนที่จะมี BRC-20 และ ARC-20 เกิดขึ้น อรรถประโยชน์หลักของเครือข่าย Bitcoin คือการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมโทเค็น Bitcoin การเปิดตัวมาตรฐานโทเค็นเหล่านี้ได้ขยายขีดความสามารถและความอเนกประสงค์ของทั้งเครือข่าย Bitcoin และโทเค็นดั้งเดิมของเครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ARC-20 ช่วยให้ผู้ใช้สร้าง Fungible Token ได้และเรียกได้ว่า “เชื่อมโยง” ข้อมูลโทเค็นไปยัง Satoshi ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของ Bitcoin ได้ ARC-20 ทำงานอย่างไร ARC-20 นำเสนอแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ชาญฉลาด นั่นคือ แต่ละโทเค็นจะแสดงด้วย Satoshi ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของ Bitcoin ซึ่งหมายความว่าทุกหน่วยของโทเค็นนั้นมีอย่างน้อย 1 Satoshi รองรับ ทำให้เกิดความเชื่อมโยงพื้นฐานระหว่างโทเค็นกับเครือข่าย Bitcoin ที่ทำหน้าที่เป็นเครือข่ายอ้างอิง การแสดงถึงโทเค็น ใน ARC-20 แต่ละโทเค็นจะคล้ายกับใบรับรองดิจิทัล โดยที่มูลค่านั้นเชื่อมโยงโดยตรงกับ Satoshi ที่โทเค็นเป็นตัวแทน วิธีการที่เป็นเอกลักษณ์นี้ช่วยให้แน่ใจว่าทุกโทเค็นมีมูลค่าที่แท้จริงรองรับอยู่ ซึ่งเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอรรถประโยชน์และการนำเสนอคุณค่า เชื้อสายโทเค็น หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่สุดของ ARC-20 คือข้อมูลเชื้อสายที่มาของโทเค็นที่โปร่งใสและกระจายศูนย์ ซึ่งแตกต่างจากระบบแบบดั้งเดิมที่ต้องอาศัยบริการจัดทำดัชนีเข้าช่วย โดยโทเค็น ARC-20 นั้นมีประวัติการโอนทั้งหมดในตัว บันทึกทุกธุรกรรมนับตั้งแต่ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นต้นมา สิ่งนี้ช่วยลดความจำเป็นในการมีตัวกลางและส่งเสริมระบบนิเวศที่ไม่ต้องอาศัยความไว้วางใจ (Trustless) ซึ่งความเป็นเจ้าของโทเค็นมีความโปร่งใสและตรวจสอบยืนยันได้อย่างสมบูรณ์ ข้อมูล Metadata และรายละเอียดโทเค็น ARC-20 นั้นมีข้อมูล Metadata ทั้งหมดและข้อมูลสำคัญอื่นๆ ทั้งหมดเกี่ยวกับโทเค็นอยู่ในตัว ข้อมูล Metadata นี้ประกอบด้วยชื่อโทเค็น คำอธิบาย รูปภาพ ลิงก์ไปยังเว็บไซต์หรือชุมชน และข้อกำหนดทางกฎหมาย โดยทำหน้าที่เป็นบัตรประจำตัวดิจิทัลสำหรับแต่ละโทเค็น ทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบยืนยันความเป็นของแท้ (Authenticity) และเข้าใจวัตถุประสงค์ของโทเค็นได้ การ Mint ARC-20 สามารถ Mint ได้ทั้งแบบกระจายศูนย์หรือแบบโดยตรง ในการ Mint แบบกระจายศูนย์ ใครๆ ก็สามารถ Mint โทเค็นใหม่ของโปรเจกต์ ARC-20 ได้ ผู้ที่เป็นครีเอเตอร์เริ่มแรกของโปรเจกต์ต้องตั้งค่าพารามิเตอร์ เช่น ชื่อ Ticker, รางวัลต่อการ Mint, จำนวนการ Mint ทั้งหมด และความสูงของบล็อกเริ่มต้น ผู้ที่ Mint สามารถเพิ่มความปลอดภัยได้โดยใช้พารามิเตอร์เฉพาะที่แสดง Proof of Work และการ Burn พลังงานในระหว่างกระบวนการ Mint พารามิเตอร์นี้ทำให้สร้างโทเค็น Rare ที่ตรวจสอบได้ ในการ Mint แบบโดยตรง โทเค็นจะ Mint โดยการสร้าง Output เดี่ยวที่มีอุปทานทั้งหมด แต่ละ Satoshi ภายใน Output นี้แสดงถึงโทเค็นหน่วยเดียว วิธีการนี้ให้การควบคุมเต็มรูปแบบในการกระจายโทเค็นเริ่มแรก เพื่อให้มั่นใจถึงความโปร่งใสและลดความเสี่ยงของโทเค็นปลอมแปลง การโอนโทเค็น โทเค็น ARC-20 เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีอยู่ภายในเครือข่าย Bitcoin และแต่ละโทเค็นก็เชื่อมโยงกับ Satoshi ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของ Bitcoin โดยธรรมชาติ ดังนั้นการโอนโทเค็น ARC-20 จึงเรียกได้ว่าเป็นการโอน Satoshi ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากการโอนโทเค็น ARC-20 นั้นผสานการทำงานเข้ากับเครือข่าย Bitcoin จึงใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของเครือข่ายเพื่อการทำธุรกรรมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การโอนแต่ละครั้งจะดำเนินการบนเครือข่าย Bitcoin หลัก ซึ่งรับประกันความน่าเชื่อถือและการกระจายศูนย์ นอกจากนี้ แต่ละโทเค็น ARC-20 ยังมีประวัติธุรกรรมที่สมบูรณ์ในตัว ดังนั้นการโอนทุกครั้งจึงมีความโปร่งใสอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งเนื่องจากกระบวนการโอนโทเค็น ARC-20 นั้นเกิดขึ้นภายในเครือข่าย Bitcoin ทั้งหมด จึงไม่จำเป็นต้องเขียนข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ ลงใน Bitcoin เหมือนอย่าง BRC-20 กลไกนี้ทำให้การโอน ARC-20 มีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง มากกว่าการโอน BRC-20 เป็นอย่างมาก โอกาสและศักยภาพของ ARC-20 โอกาสและศักยภาพของ ARC-20 นั้นจะเรียกว่าเป็นการปฏิวัติวงการก็ไม่ผิดนัก เพราะแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในการ Tokenize เครือข่าย Bitcoin นำเสนอฟีเจอร์มากมายที่ยกระดับอรรถประโยชน์ ความโปร่งใส และประสิทธิภาพของการโอนโทเค็น เป็นก้าวที่น่าจับตามองไปสู่ระบบนิเวศที่มีการกระจายศูนย์และไม่ต้องอาศัยความไว้วางใจ (Trustless) มากขึ้น ตัวอย่างบางส่วนที่ ARC-20 พร้อมที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ: ยกระดับอรรถประโยชน์ ด้วย ARC-20 เครือข่าย Bitcoin ก้าวข้ามบทบาทดั้งเดิมในการเป็นที่เก็บรักษามูลค่า โดยกลายเป็นแพลตฟอร์มอเนกประสงค์สำหรับแอปพลิเคชันที่หลากหลาย มาพร้อมวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการสร้าง Fungible Token บนเครือข่าย Bitcoin เมื่อเทียบกับมาตรฐาน BRC-20 ที่มีชื่อเสียง ด้วยการใช้ประโยชน์จากความสามารถโดยธรรมชาติของเครือข่าย Bitcoin และทำให้การโอนโทเค็นเป็นไปอย่างคล่องตัว ARC-20 จึงยกระดับอรรถประโยชน์และการใช้งานของระบบนิเวศ Bitcoin จึงเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับนักพัฒนาและธุรกิจต่างๆ ในการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ Bitcoin สำหรับแอปพลิเคชันการ Tokenize และนวัตกรรมทางการเงิน ตั้งแต่สินทรัพย์ที่ผ่านการ Tokenize ไปจนถึงโซลูชัน DeFi มาตรฐาน ARC-20 ปลดล็อกช่องทางใหม่ๆ ให้กับนวัตกรรมและการทดลองภายในพื้นที่คริปโต ความโปร่งใสที่มากขึ้น ARC-20 นำความโปร่งใสระดับใหม่มาสู่โลกแห่งสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยการเก็บข้อมูลโทเค็นและประวัติธุรกรรมทั้งหมดไว้ในตัวเอง ARC-20 จึงช่วยลดความเสี่ยงของโทเค็นปลอมแปลงหรือไม่ใช่ของแท้ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ความโปร่งใสนี้ไม่เพียงเพิ่มความไว้วางใจในหมู่ผู้ใช้ แต่ยังสร้างระบบนิเวศที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้มากขึ้นสำหรับการทำธุรกรรมโทเค็นด้วย การกระจายศูนย์ โดยแก่นแท้แล้ว ARC-20 สะท้อนหลักการของการกระจายศูนย์และการไม่ต้องอาศัยความไว้วางใจ (Trustless) ด้วยการขจัดความจำเป็นในการต้องอาศัยตัวกลางและบริการจัดทำดัชนีแบบรวมศูนย์ ARC-20 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลของตนได้อย่างเต็มที่ ส่งเสริมระบบนิเวศที่มีการกระจายศูนย์อย่างแท้จริง โดยที่ความโปร่งใสและความเป็นอิสระมีความสำคัญสูงสุด การมีส่วนร่วมของชุมชน ในขณะที่ ARC-20 ยังคงมีพัฒนาการไปอย่างต่อเนื่อง การมีส่วนร่วมของชุมชนจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางในอนาคต ตั้งแต่นักพัฒนาที่สร้างแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ไปจนถึงผู้ใช้ที่มีส่วนร่วมในการสร้างและโอนโทเค็น ความสำเร็จของ ARC-20 ขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของชุมชน ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือและนวัตกรรม ARC-20 มีศักยภาพที่จะก้าวมาเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์ มองไปข้างหน้า ARC-20 เป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยการเชื่อมช่องว่างระหว่าง Bitcoin กับ Fungible Token นั้น ARC-20 ได้ปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ๆ สำหรับนวัตกรรม ระบบกระจายศูนย์ และการมีส่วนร่วมของชุมชนในโลก DeFi ในขณะที่เราเริ่มต้นการเดินทางสู่ระบบนิเวศทางการเงินที่ครอบคลุมและกระจายศูนย์มากขึ้น ARC-20 ก็เป็นผู้บุกเบิกที่จะนำทางด้วยการปูทางไปสู่อนาคตที่ความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัด หากอยากเป็นผู้นำ ARC-20 ไปใช้งานในช่วงแรกเริ่ม ก็เข้ามาเทรด ATOMARC กับ QUARK บน Bitget ได้เลย! ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

Nubcat (NUB): โอบรับความเป็น Nub จากภายใน

Nubcat (NUB) คืออะไร ท่ามกลางฉากหลังที่เต็มไปด้วยโปรเจกต์จริงจังที่มุ่งปฏิวัติวงการในอุตสาหกรรมต่างๆ NUB สร้างความโดดเด่นด้วยการไม่จริงจังกับสิ่งใดมากเกินไป ต้นกำเนิดของ NUB มาจากข้อมูลเชิงลึกที่เข้าใจร่วมกันคือโลกคริปโตอาจดูน่ากลัวสำหรับมือใหม่ ทั้งศัพท์ที่ซับซ้อน ต้องใช้ความพยายามมากในการเรียนรู้ และความผันผวนที่ก่อตัวอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้การเข้าสู่คริปโทเคอร์เรนซีอาจเป็นเรื่องยากลำบาก NUB มีเป้าหมายที่จะรื้ออุปสรรคเหล่านี้ โดยขยายขอบเขตที่เป็นมิตรไปยังผู้ที่สนใจใคร่รู้ซึ่งอยากจะลองจุ่มเท้าลงในน่านน้ำคริปโต เป็นการแสดงท่าทางต้อนรับที่กล่าวว่า “เป็นเรื่องปกติที่จะมีคำถาม สะดุด และเรียนรู้เมื่อคุณก้าวหน้า การเป็น Nub นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง” Nubcat (NUB) ทำงานอย่างไร NUB มี Nubcat เป็นมาสคอต เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของจิตวิญญาณขี้เล่นของโทเค็น ลองนึกภาพแมวนักผจญภัยผู้กล้าหาญดู Nubcat สะท้อนถึงความอยากรู้อยากเห็น ความสามารถในการฟื้นตัว และความเบิกบานที่มีในการค้นพบ ซึ่งเข้าถึงผู้ที่เคยรู้สึกขาดความเข้าใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยอารมณ์ขันและการยืนหยัด Nubcat ทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจว่าเส้นทางที่เราก้าวไปมีความสำคัญไม่แพ้จุดหมายปลายทางสุดท้ายของเรา และบางครั้ง หนทางที่ดีที่สุดในการก้าวไปข้างหน้าคือการหัวเราะให้กับตัวเองและความผิดพลาดของเรา ชุมชน NUB เป็นกลุ่มที่มีความหลากหลาย มีทั้งผู้ชื่นชอบคริปโต ผู้เริ่มต้นที่สนใจใคร่รู้ และทาสแมว มีชีวิตและลมหายใจที่เป็นความสนุกสนานและความเป็นมิตรซึ่งเป็นหลักการของโทเค็นนี้ สร้างพื้นที่ที่พร้อมให้การสนับสนุนซึ่งกระตุ้นการสืบค้นข้อมูล โดยมีการเรียนรู้ที่เป็นการเดินทางร่วมกัน ที่นี่ มีมคือรูปแบบหนึ่งของสกุลเงิน เสียงหัวเราะมีอยู่มากมาย และกระตุ้นให้ทุกคนโอบรับความเป็น Nub ที่อยู่ภายในตัว Nubcat ใช้ฟีเจอร์เชิงกลยุทธ์ 3 ประการที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนและทำให้มูลค่าของโทเค็นมีความเสถียร ได้แก่ การ Burn Liquidity Pool (LP), ธุรกรรมภาษี 0% และการเพิกถอนการ Mint สำหรับการ Burn LP นั้นจะเพิ่มระดับความขาดแคลน (Scarcity) และความไว้วางใจโดยป้องกัน Rug Pull ส่วนภาษี 0% นั้นจะช่วยกระตุ้นการเทรดด้วยการขจัดต้นทุนเพิ่มเติม ในขณะที่การเพิกถอนการ Mint นั้นจะช่วยรักษามูลค่าโดยทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีอุปทานคงที่ เมื่อผนึกกำลังกันแล้ว ฟีเจอร์เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อ NUB เป็นหลัก โดยเป็นการจัดการปัญหาด้านข้อกังวลทั่วไปเกี่ยวกับสภาพคล่อง ต้นทุนการทำธุรกรรม และภาวะเงินเฟ้อ NUB เข้า Bitget แล้ว NUB ลิสต์บน Bitget แล้วในโซนนวัตกรรมและโซนมีม วิธีเทรด NUB บน Bitget ขั้นตอนที่ 1: ไปที่หน้า “การเทรด Spot NUB / NUB spot trading ” ขั้นตอนที่ 2: ป้อนจำนวนและประเภท Order จากนั้นคลิก “ซื้อ/ขาย” หรือ “Buy/Sell” เทรด NUB บน Bitget เลย! วิธีเข้าร่วมโปรโมชัน NUB บน Bitget NUB มี 3 อีเวนต์โปรโมชันให้ผู้เข้าร่วมรับโทเค็น NUB ได้ฟรี! รายละเอียดมีดังต่อไปนี้: อีเวนต์ที่ 1: ซื้อ NUB เพื่อรับส่วนแบ่งจาก 220,000 NUB! ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2024 เวลา 19:00 น. (เวลาไทย) ถึงวันที่ 5 เมษายน 2024 เวลา 19:00 น. (เวลาไทย) ผู้ที่มีปริมาณการซื้อ Spot สุทธิ 100 USDT ในคู่ NUB จะได้รับ 200 NUB อีเวนต์นี้สำหรับผู้ใช้ 1,100 คนแรกเท่านั้น ช้าไม่ได้! อีเวนต์ที่ 2: แจก NUB สุดพิเศษ 280,000 ให้ผู้ใช้ใหม่! ผู้ใช้ใหม่ที่มียอดฝากสุทธิครบ 100 USDT ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2024 เวลา 19:00 น. (เวลาไทย) ถึงวันที่ 5 เมษายน 2024 เวลา 19:00 น. (เวลาไทย) และทำการเทรด Spot ครั้งแรกเสร็จสิ้นในคู่ NUB/USDT จะได้รับคนละ 130 ระบบจะแจกจ่ายรางวัลให้ตามลำดับก่อนหลัง อีเวนต์ที่ 3: ถือครอง NUB ให้งอกเงยกับ APR สูงสุดถึง 30%! ไปที่ “Bitget Earn ” และ Subscribe กับ NUB Savings Vault ของเราเพื่อรับ APR สูงสุดถึง 30%! โดย Vault เปิดตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม เวลา 19:00 น. (เวลาไทย) จนถึงวันที่ 26 เมษายน เวลา 19:00 น. (เวลาไทย) และโควตาส่วนบุคคลสำหรับ NUB Subscription คือ 30,000 NUB โอกาสดีๆ แบบนี้ พลาดไม่ได้! ร่วมสนุกในโปรโมชัน NU B ได้แล้ววันนี้! ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

คู่มือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคริปโทเคอร์เรนซี

บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจได้มากขึ้นในเรื่องของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis: FA) ในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีและวิธีการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพกับการวิเคราะห์ข้อมูลของ Bitget กำหนดนิยามการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (FA) แนวทางที่เป็นที่คุ้นเคยกันมากกว่าซึ่งนักเทรดในตลาดการเงินแบบดั้งเดิมใช้กันคือการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis: TA) โดยอาศัยข้อมูลราคาในอดีตของสินทรัพย์เพียงอย่างเดียวในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในตลาดคริปโตนั้น กลยุทธ์นี้ต้องเผชิญกับความท้าทายจากสิ่งต่างๆ ดังนี้: (i) สัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin ที่อยู่ในระดับสูง มีหลายครั้งที่สัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin ลดลงไปเหลือราว 32% ซึ่งหมายความว่ามูลค่าตามราคาตลาดของ Bitcoin นั้นคิดเป็นอย่างน้อย 1 ใน 3 ของมูลค่าตามราคาตลาดคริปโตทั้งหมดและมีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ทั้งหมด การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับสินทรัพย์แต่ละรายการจึงต้องคำนึงถึงความผันผวนของราคา Bitcoin ด้วย ทำให้มีความยากลำบากมากขึ้น (ii) ลักษณะที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของคริปโทเคอร์เรนซี คริปโทเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์ดั้งเดิม (Native Asset) ของเครือข่ายและโปรโตคอลแบบกระจายศูนย์ โดยเครือข่ายแบบกระจายศูนย์สามารถโฮสต์หลายโปรเจกต์ไว้บนบล็อกเชนของตนได้ จึงส่งผลให้มีการใช้งานเหรียญเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ คริปโทเคอร์เรนซีส่วนใหญ่ยังมีอุปทานที่จำกัด อีกทั้งชุมชนก็มีบทบาทสำคัญ ทั้งโปรเจกต์และชุมชนควรมุ่งมั่นเพื่อให้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน มิฉะนั้นมูลค่าของสินทรัพย์ดั้งเดิมจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก อีกสิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณาคือลักษณะของการระดมทุนแบบกระจายศูนย์ ซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าถึงโอกาสในการลงทุนได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จึงหมายความว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็เป็นไปไม่ได้เลยเช่นกัน (iii) ข้อมูลย้อนหลังไม่เพียงพอ มีโปรเจกต์คริปโตใหม่ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นทุกวัน ซึ่งสามารถจัดการระดมทุน Crowdfunding ได้อย่างสะดวกสบายในรูปแบบของ ICO/IEO/IDO แน่นอนว่าในช่วงแรกเริ่มก็จะไม่มีข้อมูลย้อนหลังให้ค้นดูได้ และแม้ว่าจะมีการลิสต์โทเค็น/เหรียญ แต่การที่จะได้มาซึ่งข้อมูลที่เพียงพอเพื่อใช้คาดการณ์ราคาก็ยังคงไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์นัก การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (FA) นั้นจะใช้ตัวชี้วัดทางการเงินและสำหรับโปรเจกต์ที่แตกต่างออกไปเพื่อให้นักเทรดได้เห็นภาพการลงทุนแต่ละครั้งอย่างละเอียดและแม่นยำยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงนำมาใช้กับตลาดคริปโตที่มีหลากหลายแง่มุมได้มากกว่า ซึ่งก็แน่นอนว่าใช้ควบคู่กันไปกับการอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิค ตัวชี้วัดทางการเงิน: ตัวชี้วัดทั่วไป มีตัวชี้วัดทางการเงิน 2 ประเภทที่เป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่ ตัวชี้วัดทั่วไปและตัวชี้วัด On-Chain โดยตัวชี้วัดทั่วไปนั้นเป็นตัวชี้วัดพื้นฐานที่เข้าใจได้ง่าย ช่วยนักเทรดในการตัดสินใจว่าจะซื้อคริปโทเคอร์เรนซีหรือไม่ ในขณะที่ตัวชี้วัด On-Chain จะให้ข้อมูลความแข็งแกร่งของบล็อกเชนที่ต้องการดูโดยละเอียด (i) มูลค่าตามราคาตลาด มูลค่าตามราคาตลาดคือมูลค่าตลาดทั้งหมดของบริษัทหรือโปรเจกต์ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หากมีมูลค่าตามราคาตลาดที่สูง ก็จะได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนได้ง่ายขึ้น แต่หากมีมูลค่าตามราคาตลาดที่น้อยลงมา ก็บ่งชี้ว่ายังมีช่องว่างให้เติบโตได้อยู่ มูลค่าตามราคาตลาดของคริปโตคำนวณดังนี้: มูลค่าตามราคาตลาด = ราคาปัจจุบัน * อุปทานหมุนเวียนปัจจุบัน ดังนั้น มูลค่าตามราคาตลาดจึงเปลี่ยนแปลงไปตามการเคลื่อนไหวในตลาด คริปโทเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุด 5 อันดับแรก ที่มา: CoinMarketCap (ii) ปริมาณ 24 ชั่วโมง ปริมาณ 24 ชั่วโมงแสดงมูลค่าทั้งหมดของธุรกรรมในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญถึงสภาพคล่อง กล่าวคือ สามารถซื้อ/ขายสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายเพียงใด นักลงทุนจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในโปรเจกต์ที่มีปริมาณ 24 ชั่วโมงที่มากกว่าเนื่องจากมีการซื้อขายกันอย่างคึกคัก ส่วนสภาพคล่องที่ต่ำนั้นชี้ให้เห็นได้ว่าแม้เพียงธุรกรรมรายการเดียว ก็อาจส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ได้อย่างมหาศาล (iii) ราคาต่อหน่วย นักเทรดระยะสั้นให้ความสำคัญกับราคาต่อหน่วย (โดยมากแล้วเรียกกันว่า “ราคา”) เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญในการซื้อต่ำและขายสูง แต่ก็ยังใช้เป็นข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและให้ภาพรวมด้านความเชื่อมั่นของตลาดล่าสุดได้อีกด้วย (iv) ความสัมพันธ์ของราคากับ Bitcoin Bitcoin ถือกันว่าเป็นสินทรัพย์ “ปลอดภัย” (Safe Haven) ในตลาดคริปโต ยิ่งสินทรัพย์ดิจิทัลกับ Bitcoin มีความสัมพันธ์กันสูง ผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นในวันที่ตลาดสดใสก็ยิ่งมีสูง นอกจากนี้ นักเทรดยังสามารถพัฒนากลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมโดยอิงจากตัวชี้วัดนี้ได้เช่นกัน (v) กระแสไหลเข้า/ออกทั้งหมดของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน กระแสไหลเข้าของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแสดงจำนวนเหรียญที่ฝากเข้ามาใน Wallet ของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน ขณะที่กระแสไหลออกของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแสดงจำนวนเหรียญที่ถอนออกไปจาก Wallet ของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะถอนสินทรัพย์ออกไปยัง Wallet ส่วนตัว (เพื่อถือ) เมื่อสภาวะตลาดไม่เป็นใจ แต่จะฝากเข้ามาใน Wallet ของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนมากขึ้นเมื่อต้องการที่จะเทรดให้สะดวก ผลิตภัณฑ์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีกระแสไหลออกรายสัปดาห์มากเป็นอันดับ 2 ของปี 2022 ในช่วงต้นเดือนเมษายน ที่มา: CoinShares ตัวชี้วัดทางการเงิน: ตัวชี้วัด On-Chain (i) จำนวน Address ที่แอคทีฟและจำนวนธุรกรรม จำนวน Address ที่แอคทีฟเป็นจำนวน Address บนบล็อกเชนที่ไม่ซ้ำกันซึ่งทำธุรกรรมสินทรัพย์ใดๆ ในวันใดๆ ตัวชี้วัดนี้ไม่จำเป็นต้องหมายความถึงผู้ร่วมตลาดรายใหม่ แต่เป็นการชี้ให้เห็นว่ามีการใช้สินทรัพย์นั้นเพิ่มขึ้น เมื่อดูในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สามารถอนุมานได้ว่าการที่จำนวน Address ที่แอคทีฟรายวันของ Ethereum มีมากขึ้นนั้นเป็นการตอบสนองต่อรอบขาขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน Address ที่แอคทีฟรายวันของ Ethereum ตั้งแต่ปี 2017 ที่มา: YCharts จำนวนธุรกรรมเป็นอีกตัวชี้วัดหนึ่งที่วัดระดับของกิจกรรมบนเครือข่ายใดๆ และในทำนองเดียวกันกับจำนวน Address ที่แอคทีฟ จำนวนธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นก็อาจสะท้อนถึงกลุ่มผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่ขยายตัวขึ้นได้เป็นอย่างดี แต่ควรใช้ความระมัดระวังเนื่องจาก 1 คนสามารถเป็นเจ้าของได้หลาย Address และโอนสินทรัพย์ระหว่างกันเองได้เพื่อเพิ่มยอดกิจกรรมเครือข่าย (ii) ค่าธรรมเนียมธุรกรรม นักเทรดที่แอคทีฟซึ่งทำธุรกรรมเป็นประจำจะต้องเผชิญกับค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่สูง ค่าธรรมเนียมธุรกรรมมหาศาลนี้เป็นผลโดยตรงจากความหนาแน่นของเครือข่าย ประกอบกับมูลค่าสินทรัพย์ดั้งเดิมของบล็อกเชน เช่น Ethereum ที่สูงเมื่อคิดเป็นรูปของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่า Ethereum จะมีความสามารถในการทำธุรกรรมได้มากกว่า Bitcoin ประมาณ 4-5 เท่า แต่การขยายตัวของ DeFi ก็ได้ผลักดันค่าธรรมเนียม Gas ที่เป็น ETH ขึ้นไปสู่สถิติใหม่ ค่าธรรมเนียมธุรกรรมบนบล็อกเชน Bitcoin และ Ethereum ที่มา: CoinMetrics (iii) อัตรา Hash ตัวชี้วัดนี้ใช้ดูได้กับคริปโทเคอร์เรนซีแบบ Proof of Work เท่านั้น ซึ่งตัวที่มีชื่อโดดเด่นที่สุดคือ Bitcoin ในเครือข่าย Proof of Work นักขุดจะรับผิดชอบในการตรวจสอบยืนยันธุรกรรมและดำเนินการเข้ารหัสเพื่อรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย ภาระงานนี้ดำเนินการโดยแก้ไขโจทย์ทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนด้วยการใช้คอมพิวเตอร์เฉพาะทางที่ทรงพลัง ข้อมูลการ Hash หมายถึงการค้นหาวิธีแก้ปัญหาสำหรับแต่ละโจทย์ ดังนั้นอัตรา Hash จึงเป็นการวัดกำลังการคำนวณทั้งหมดที่ใช้ในการประมวลผลธุรกรรม เครือข่ายที่ปลอดภัยจะมีอัตรา Hash ที่สูงกว่า และในกรณีของ Bitcoin ด้านล่างนั้น อัตรา Hash มีความสัมพันธ์เป็นบวกกับความยากในการขุด Bitcoin และมีแนวโน้มที่จะขยับในทิศทางเดียวกันกับราคา อัตรา Hash และความยากในการขุดของ Bitcoin อัตรา Hash ของ Bitcoin เทียบกับราคา Bitcoin (ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ) ที่มา: BitInfoCharts (iv) อัตราส่วนมูลค่าเครือข่ายต่อธุรกรรม (อัตราส่วน NVT) ตัวชี้วัดนี้เดิมที Willy Woo เป็นผู้นำมาใช้กับ Bitcoin บางครั้งถูกขนานนามว่าเป็น “ค่า P/E ของคริปโทเคอร์เรนซี” สูตร NVT คำนวณได้ตามด้านล่าง: NVT = มูลค่าตามราคาตลาด/ปริมาณธุรกรรม (ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ NVT อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างมูลค่า 2 รูปแบบของเหรียญดั้งเดิมของเครือข่าย นั่นคือ กลุ่มสินทรัพย์ (มูลค่าตามราคาตลาด) และวิธีการชำระเงิน (ปริมาณธุรกรรม) ตามหลักการแล้ว NVT ควรคงที่หลังจากที่ตลาดมีทิศทาง (Bearish/Bullish) ชัดเจนแล้ว เนื่องจากแสดงให้เห็นเทรนด์การเติบโตที่ยั่งยืน หากค่าสูงเกินไป แสดงว่าเครือข่ายมีมูลค่าสูงกว่าที่ควรเป็นหรือ Overvalued (ไม่ได้มีการนำเหรียญไปใช้ให้เกิดประโยชน์) และหากค่าต่ำเกินไป แสดงว่ามีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรเป็นหรือ Undervalued อัตราส่วน NVT ของ Bitcoin โดย Willy Woo ที่มา: Woobull Charts (v) อัตราส่วนมูลค่าตลาดต่อมูลค่าที่รับรู้ (อัตราส่วน MVRV) อีกตัวชี้วัดที่พยายามแสดงให้เห็นถึงมูลค่าของสินทรัพย์คือ MVRV โดยชื่อนั้นก็ได้สะท้อนถึงสูตรอยู่แล้ว: MVRV = มูลค่าตลาด/มูลค่าที่รับรู้ มูลค่าที่รับรู้จะวัดมูลค่าของเหรียญที่มีอยู่จริงในระบบเศรษฐกิจของเครือข่าย โดยพิจารณาจากราคาเมื่อมีการเคลื่อนย้ายครั้งล่าสุด ทำให้สะท้อนถึงมูลค่า “ที่เก็บรักษาไว้” ในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง การใช้มูลค่าที่รับรู้เป็นมูลค่ายุติธรรมและใช้มูลค่าตลาดเป็นค่าเบี่ยงเบน ทำให้ MVRV กะประมาณความสามารถในการทำกำไรของตลาดได้ ค่า MVRV ที่สูงหมายถึงว่ามีผลกำไรที่ยังไม่รับรู้ในระดับที่มีนัยสำคัญ ทำให้เป็นไปได้ว่านักลงทุนมีโอกาสขายเหรียญออกมาเพื่อล็อกกำไรตามราคา ณ ขณะนั้น ส่วนค่า MVRV ที่ต่ำกว่า 1 สะท้อนถึงการสะสมในช่วงตลาดหมีในระยะสุดท้าย อัตราส่วน MVRV ของ Bitcoin โดย Willy Woo ที่มา: Woobull Charts ตัวชี้วัดโปรเจกต์ ตัวชี้วัดโปรเจกต์ต่อไปนี้ช่วยให้นักเทรดประเมินประสิทธิภาพของโปรเจกต์ได้ ผู้สนับสนุนทีมงาน หากสามารถเข้าไปดูข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกในทีมบนเว็บไซต์ของโปรเจกต์ได้ ก็ควรเข้าไปดูรายละเอียดโปรไฟล์ของทีมงานเพื่อดูว่ามีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมนี้มาก่อนหรือไม่ มีคุณสมบัติตามสิ่งที่ทำหรือไม่ มีจุดอ่อนที่เป็นไปได้หรือไม่ (เช่น ทีมการตลาดได้รับการยอมรับอย่างดี แต่ทีมนักพัฒนาดูเหมือนจะอ่อนทักษะ ทำให้เป็นข้อสังเกตที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง) อีกช่องทางคือสามารถเข้าไปดูในหน้า GitHub ได้เพื่อดูจำนวน Contributor และความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น หากมีการอัปเดตอยู่บ่อยๆ ก็ชี้ให้เห็นว่าทีมงานยังคงเดินหน้าพัฒนาโปรเจกต์อยู่ นอกจากนี้ โปรเจกต์ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทชื่อดังก็น่าจะมีความน่าดึงดูดมากกว่า ผู้สนับสนุนที่มีชื่อเสียงถือได้ว่าเป็นผู้คัดกรองโปรเจกต์ดังกล่าว ทำให้นักลงทุนรายย่อยมีความมั่นใจได้มากขึ้น Whitepaper Whitepaper เป็นเอกสารแนะนำตนเองที่เน้นให้เห็นถึงฟีเจอร์หลักๆ ของโปรเจกต์ ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้นักลงทุนดู Whitepaper และเปรียบเทียบกับการพูดคุยเกี่ยวกับโปรเจกต์ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น (i) โซลูชันและคู่แข่ง เพื่อความอยู่รอดในการแข่งขันทางธุรกิจ โปรเจกต์จะต้องเสนอและผลิตโซลูชันที่มีลักษณะเฉพาะหรือมีประสิทธิภาพสูงสุดขีด หรือต้องมีทั้งคู่ ซึ่งหากสามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น หรือถ้าจะให้ดียิ่งกว่านั้นคือออกแนวคิดที่ไม่ซ้ำใครออกมา การทำความเข้าใจคู่แข่งเป็นส่วนสำคัญของประเด็นนี้ (ii) เศรษฐศาสตร์ของโทเค็นและการกระจาย รูปแบบอุปทานและการกระจายของคริปโทเคอร์เรนซีแต่ละตัวมีผลอย่างยิ่งต่อมูลค่า คริปโทเคอร์เรนซีส่วนใหญ่มีอุปทานจำกัดและ/หรือมีกลไกที่ทำให้เงินฝืด (Deflationary Mechanism) เพื่อควบคุมมูลค่าของตน ตามตรรกะแล้ว เหรียญหรือโทเค็นที่มีภาวะเงินเฟ้อ (Inflationary) ควรมีแผนการควบคุม เช่น การ Burn เหรียญ/โทเค็น หรือการลด Emission การกระจายโทเค็นบ่งบอกถึงความสมดุลระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ หากจัดสรรให้ทีมงานหรือผู้สนับสนุนมากเกินไป ชุมชนก็จะมีแนวโน้มน้อยลงที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการระดมทุนสาธารณะ ลดประสิทธิภาพทางการตลาด และทำให้สินทรัพย์ดั้งเดิมมีมูลค่าที่ลดลงได้ในเวลาต่อมา สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือกรณีการนำไปใช้งาน ยิ่งมีกรณีการนำไปใช้งานมาก มูลค่าสินทรัพย์ก็จะยิ่งสูง (iii) Roadmap Roadmap ที่สมเหตุสมผลจะการันตีประสิทธิภาพของโปรเจกต์ได้ในระดับหนึ่ง แทนที่จะให้คำมั่นสัญญาที่อาจจะรักษาไว้ไม่ได้ ทีมงานจะดำเนินการกำหนดแนวทางในระดับปานกลาง ทำให้สามารถตอบสนองต่อปัญหาใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ชุมชนผู้ถือ มีตัวชี้วัดกิจกรรมของผู้ถือที่เป็นประโยชน์อยู่หลายตัว ซึ่งรวมไปถึงการกระจุกตัวของความมั่งคั่ง, จำนวน Address ที่แอคทีฟ และจำนวน Address ที่ไม่ซ้ำกัน คำว่า “ผู้ถือรายใหญ่” ในคริปโตหมายถึง Address ที่ถือมากกว่า 0.1% ของอุปทานหมุนเวียนของสินทรัพย์ ตัวชี้วัดด้านการกระจุกตัวจะติดตามการเปลี่ยนแปลงจำนวนเหล่านี้เพื่อให้นักเทรดได้เห็นความเชื่อมั่นของผู้ที่เป็นวาฬ นอกจากนี้ การเทรดรายการเดียวที่ Address เหล่านี้ทำนั้นสามารถส่งผลกระทบได้มากกว่าความเคลื่อนไหวของนักเทรดรายอื่นๆ เป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในราคาสินทรัพย์ จำนวน Address ที่แอคทีฟและที่ไม่ซ้ำกันเป็นตัวบ่งชี้ที่สะท้อนสภาพคล่องและความเคลื่อนไหวในเครือข่าย ชุมชนมีบทบาทสำคัญในคริปโตเนื่องจากมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับระดับของการนำไปใช้งาน โดยทั้งจำนวนสมาชิกใน Telegram, ใน Discord, จำนวนผู้ติดตามใน Twitter, แฮชแท็ก ฯลฯ ล้วนเผยให้เห็นถึงผลประโยชน์สาธารณะในโปรเจกต์ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือการอ่านโพสต์และการพูดคุยที่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้สามารถปลอมแปลงหรือโอ้อวดเกินจริงได้ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานกับ Bitget Bitget เป็นศูนย์รวมครบวงจรสำหรับการลงทุนคริปโตของคุณ Bitget เปิดตัวในปี 2018 ปัจจุบันเป็นแพลตฟอร์มเทรดอนุพันธ์คริปโตที่ครองตลาด โดยมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมมากมายสำหรับนักเทรดทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น Bitget USDT-M Futures สำหรับนักเทรดที่ระมัดระวัง, Bitget Coin-M Futures สำหรับผู้รู้ลึกเรื่องคริปโต และ Bitget Copy Trade สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างกระแสรายได้แบบ Passive Income ด้วยความเสี่ยงต่ำ เราได้เปิดตัว Bitget Launchpad ไปเมื่อเร็วๆ นี้เพื่อให้ผู้ใช้ของเราเข้าถึงรอบการลงทุนช่วงแรกเริ่มได้อย่างง่ายดาย โดยนักลงทุนสามารถอ่านสรุป Whitepaper ของโปรเจกต์ได้อย่างสะดวกบน Bitget Launchpad โดยตรงเพื่อให้มีข้อมูลที่ครบถ้วนอยู่เสมอ ผลิตภัณฑ์ Bitget Futures ผสานการทำงานเข้ากับการวิเคราะห์ข้อมูลโดย IntoTheBlock ซึ่งช่วยนักเทรดในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรามุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับบริษัทที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการเท่านั้น ในฐานะหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนอนุพันธ์คริปโตไม่กี่แห่งที่มีฟังก์ชัน Copy Trade แพลตฟอร์ม Bitget จึงดำเนินการเพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ติดตามจะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญ (“นักเทรด”) ก่อนที่จะคัดลอกรายการเทรด ดูคู่มือเกี่ยวกับ Bitget Copy Trade ของเราได้ที่นี่: ข้อมูลพื้นฐาน โดยทั่วไป ผู้ติดตาม (ผู้ใช้ที่คัดลอกรายการเทรด ของนักเทรดที่มีประสบการณ์ใน Bitget Copy Trade) ควรพิจารณาดูข้อมูลจากตัวชี้วัดต่างๆ (ดูภาพด้านล่าง) เพื่อเลือกนักเทรดที่เหมาะสมที่สุด: (i) ความนิยม (ii) Equity ทั้งหมด: มูลค่าทั้งหมดในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USDT) ของสินทรัพย์ส่วนบุคคลของนักเทรด (iii) ROI (ผลตอบแทนจากการลงทุน): แสดงประสิทธิภาพของกลยุทธ์ของนักเทรดโดยวัดผลการดำเนินงาน (iv) PNL 3 สัปดาห์ทั้งหมด: ผลต่างทั้งหมดในบัญชีของนักเทรดในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา (เป็น USDT) (v) Win Rate 3 สัปดาห์: อัตราความสำเร็จของนักเทรดในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา คำนวณโดยการหารจำนวน Order ที่มีผลตอบแทนเป็นบวกด้วยจำนวน Order ทั้งหมด (vi) PNL ทั้งหมด: ผลต่างทั้งหมดในบัญชีของนักเทรดตั้งแต่เปิดมา (vii) ผู้ติดตามสะสม: จำนวนผู้ติดตามทั้งหมดตั้งแต่เปิดบัญชีมาของนักเทรด โปรดทราบว่าการยกเลิก Subscription แล้วกดติดตามใหม่จะนับเป็นผู้ติดตามใหม่ 1 คน (viii) AUM (สินทรัพย์ภายใต้การจัดการ): สินทรัพย์ทั้งหมดของผู้ติดตามของนักเทรด 1 ราย การจัดอันดับนักเทรดของ Bitget ตามความนิยม ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

Pepe Coin (PEPE): ดาวรุ่งในจักรวาล Memecoin

คุณเคยสงสัยไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อนำมีมบนอินเทอร์เน็ตมารวมกับโลกคริปโทเคอร์เรนซี สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ Pepe Coin ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ Memecoin ที่ทำให้จินตนาการของชุมชนคริปโตเป็นจริง โดยโปรเจกต์นี้โดดเด่นด้วยการผสมผสานอารมณ์ขันและศักยภาพในการลงทุนที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งบทความนี้จะพาคุณเดินทางผ่านโลกที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของ Pepe Coin โดยสำรวจต้นกำเนิด คุณสมบัติ และสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังความนิยมและมูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว Pepe Coin (PEPE) คืออะไร Pepe Coin หรือ PEPE เป็นมากกว่าสกุลเงินดิจิทัล โดยเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมด้วย Pepe Coin ถือกำเนิดขึ้นในฐานะ ERC-20 Memecoin โดยสร้างขึ้นเพื่อยกย่องมีม "Pepe the Frog" ของ Matt Furie ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง มีมนี้ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็นตัวการ์ตูนธรรมดาๆ ได้พัฒนาจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมบนอินเทอร์เน็ต ทำให้ Pepe Coin ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในชุมชนคริปโตที่รักมีม Pepe Coin เปิดตัวในเดือนเมษายน 2023 และดึงดูดความสนใจของนักลงทุนและผู้ที่ชื่นชอบอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดพุ่งขึ้นสูงกว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤษภาคม 2023 คุณค่าและความน่าดึงดูดของ Pepe Coin นั้นแตกต่างจากคริปโทเคอร์เรนซีแบบดั้งเดิมตรงที่ไม่ได้เกิดจากความสามารถหรือประโยชน์ใช้สอยทางเทคโนโลยี แต่เติบโตตามระดับความสำคัญทางวัฒนธรรมและความฮือฮาที่ก่อให้เกิดการเก็งกำไรที่ตามมา ครีเอเตอร์ซึ่งยังคงไม่เปิดเผยตัวตนได้ใช้ประโยชน์จากความนิยมของมีมนี้ สร้างออกมาเป็นโทเค็นที่โดนใจผู้ใช้ในวงกว้าง แนวทางนี้ทำให้ Pepe Coin สามารถตลาดเฉพาะกลุ่มในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่คึกคัก ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงพลังของวัฒนธรรมบนอินเทอร์เน็ตในการกำหนดเทรนด์การลงทุน Pepe Coin ทำงานอย่างไร โดยหัวใจหลักแล้ว Pepe Coin ทำงานบนบล็อกเชน Ethereum และได้รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและปลอดภัยของบล็อกเชน ซึ่งตัวเลือกบล็อกเชนนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าธุรกรรม Pepe Coin จะได้รับการประมวลผลด้วยความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระดับเดียวกับโทเค็น ERC-20 ที่โดดเด่นอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ Pepe Coin แตกต่างคือคุณสมบัติที่โดดเด่นซึ่งออกแบบมาเพื่อดึงดูดทั้งผู้ที่ชื่นชอบคริปโตและเหล่าแฟนๆ ผู้นิยมมีมทั้งหลาย ประการแรก Pepe Coin ใช้กลไกที่ทำให้เงินฝืด (Deflationary Mechanism) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในโลกคริปโทเคอร์เรนซี โดยในการทำธุรกรรมแต่ละครั้ง จะมีการลบส่วนหนึ่งที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์เล็กน้อยของโทเค็นที่เกี่ยวข้องออกจากการหมุนเวียนอย่างถาวร กระบวนการ Burn นี้จะค่อยๆ ลดอุปทานทั้งหมดของ PEPE ลง ซึ่งอาจเพิ่มความขาดแคลน (Scarcity) และมูลค่าเมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้ กลไกดังกล่าวนี้จะดึงดูดนักลงทุนที่กำลังมองหาโทเค็นที่มีศักยภาพด้านมูลค่าในระยะยาวอีกด้วย นอกเหนือจากลักษณะที่มีมีภาวะเงินฝืด (Deflationary) แล้ว Pepe Coin ยังได้รวมการแจกจ่ายซ้ำ (Redistribution) เอาไว้ด้วย โดยระบบนี้จะให้รางวัลแก่ผู้ถือ Pepe Coin จากส่วนแบ่งของทุกธุรกรรม ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ถือ Memecoin นี้เป็นการลงทุนระยะยาวเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความรู้สึกของการเป็นชุมชนในหมู่ผู้ใช้อีกด้วย นอกจากนี้ นโยบายไม่ต้องเสียภาษีของ Pepe Coin ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าการทำธุรกรรมจะปราศจากค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ทำให้โทเค็นนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่แสวงหาอิสรภาพทางการเงินและความเป็นส่วนตัวในการเทรดคริปโต ผลตอบแทนในตลาดและการมีส่วนร่วมของชุมชน ผลตอบแทนในตลาดของ Pepe Coin นั้นยอดเยี่ยมมาก โดยภายใน 18 วันหลังจากเปิดตัว ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 7,000% และมีมูลค่าตามราคาตลาดที่สูงถึง 1.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการเติบโตที่น่าประทับใจนี้สามารถพิจารณาได้ว่าเกิดจากการลิสต์เชิงกลยุทธ์บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีหลักๆ อย่าง Bitget และความนิยมระดับไวรัลบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย มูลค่าตามราคาตลาดของ Pepe Coin สูงถึง 1.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 5 พฤษภาคม 2023 ที่มา: CoinMarketCap จุดแข็งของชุมชน Pepe Coin คือปัจจัยสำคัญในความสำเร็จของตัวโทเค็นเอง ด้วยผู้ติดตามที่มากกว่า 529,000 คนบน Twitter ณ เดือนธันวาคม 2023 และตัวตนที่โดดเด่นบน Telegram, Reddit และ Discord แสดงให้เห็นว่าความหลงใหลและความกระตือรือร้นของชุมชนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนความนิยมของ Memecoin นี้ ส่วนแผนการในอนาคต เช่น การเปิดตัว Pepe Academy และสินค้าต่างๆ ก็จะช่วยในการขยายระบบนิเวศ Pepe Coin และเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะของโทเค็นในตลาดคริปโตยิ่งขึ้นไปอีก เคยสงสัยไหมว่า Memecoin เปลี่ยนจากมุกบนอินเทอร์เน็ตไปเป็นการลงทุนอย่างจริงจังได้อย่างไร คุณต้องอ่านบทความล่าสุดของเรา: จากมุกตลกสู่แจ็กพอต: ยุคใหม่ของ Memecoin บน Bitget ข้อพิจารณาก่อนการลงทุนและแนวโน้มในอนาคต การลงทุนใน Pepe Coin มาพร้อมกับความเสี่ยงตามธรรมชาติของ Memecoin ด้วยมูลค่าที่เป็นการเก็งกำไร และการไม่มีโมเดลเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม ทำให้โทเค็นนี้อยู่ในกลุ่มการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงและให้ผลตอบแทนสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนและประเมินระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ก่อนตัดสินใจลงทุน อนาคตของ Pepe Coin ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรักษาเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์และความแตกต่างอันโดดเด่นในตลาด Memecoin ที่มีการแข่งขันสูง และด้วยชุมชนที่ทุ่มเทและแนวทางที่เป็นนวัตกรรม Pepe Coin มีศักยภาพที่จะรักษาทิศทางอันน่าประทับใจในโลกคริปโทเคอร์เรนซีนี้ไว้ สรุปปิดท้าย Pepe Coin เป็นตัวแทนของช่วงเวลาล่าสุดของตำนาน Memecoin ซึ่งดึงดูดความสนใจของชุมชนคริปโตด้วยคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์และตัวตนบนโซเชียลมีเดียที่แข็งแกร่ง และแม้จะมีความผันผวนและลักษณะของการเก็งกำไร แต่การพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วของเหรียญและชุมชนที่กระตือรือร้นได้ตอกย้ำศักยภาพในฐานะผู้เล่นสำคัญในเซกเตอร์ Memecoin โดยในขณะที่โลกคริปโทเคอร์เรนซียังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง Pepe Coin ก็ถือเป็นตัวอย่างอันชัดเจนของการที่ปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมสามารถกำหนดและมีอิทธิพลต่อตลาดได้ หลังจากนี้ Pepe Coin จะยังคงรักษากระแสแห่งความสำเร็จในช่วงต้นไว้ได้ หรือจะกลายเป็นเพียงบทๆ หนึ่งที่หายวับไปอย่างรวดเร็วในเรื่องราวสกุลเงินดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากต้องการลงทุนใน Pepe Coin (PEPE) ก็สามารถใช้เวลาเพียง 2 นาทีในการสร้างบัญชีที่ Bitget แล้วเริ่มเทรด PEPE ได้เลย ข้อสงวนสิทธิ์: กลยุทธ์การลงทุนและการลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยงต่อการขาดทุนได้ ห้ามมิให้ถือว่าข้อความใดในบทความนี้เป็นการให้คำแนะนำในการลงทุน ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ผู้ใช้ทำการศึกษาข้อมูลและลงทุนโดยยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง

Bridge บล็อกเชนคืออะไร

Bridge บล็อกเชน คือโปรโตคอลที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการโอนคริปโทเคอร์เรนซีจากบล็อกเชนหนึ่งไปยังอีกบล็อกเชนหนึ่ง ตัวอย่างเช่น หากคุณมี Stablecoin เช่น USDC บนบล็อกเชน Solana และคุณต้องการโอนไปยังบล็อกเชน Fantom คุณจะต้องใช้ Bridge เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว ในบทความนี้ เราตั้งใจที่จะให้ข้อมูลอย่างละเอียดครบถ้วนเกี่ยวกับ Bridge และบล็อกเชนที่มีการใช้งานบ่อยที่สุด ไปดูกันเลย Bridge บล็อกเชนคืออะไร Bridge บล็อกเชนช่วยอำนวยความสะดวกในการโอนโทเค็นหรือข้อมูลระหว่าง 2 บล็อกเชน และช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์บน Chain อื่นได้อีกด้วย เหรียญทั้งหมดจะมีบล็อกเชนเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม โทเค็นนั้นเป็นเพียงสินทรัพย์เวอร์ชันเสมือนที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชนของเหรียญอื่น ทั้งนี้ เครือข่ายคริปโทเคอร์เรนซี นั้นมีอยู่ด้วยกันมากมาย รวมถึงเครือข่าย Ethereum, เครือข่าย Solana, เครือข่าย Binance Smart Chain, เครือข่าย DAI, เครือข่าย Cardano, เครือข่าย Polygon และอื่นๆ ซึ่งแต่ละเครือข่ายเหล่านี้จะมีเหรียญดั้งเดิมประจำเครือข่ายและระบบนิเวศแยกเป็นของตนเอง กล่าวคือ เครือข่ายของ Ethereum จะสร้างขึ้นโดยใช้เหรียญ Ethereum เป็นหลัก ส่วนเครือข่ายอื่นๆ ก็ใช้หลักการเดียวกันนี้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การจะมีโทเค็น Ethereum บน Binance Smart Chain, Ethereum บนเครือข่าย Polygon และอื่นๆ ในลักษณะเดียวนั้นเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ ในกรณีเหล่านี้ เหรียญดังกล่าวจะเป็นดั่งโทเค็นบนเครือข่ายของคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ โดยมีการปรับใช้กลไกเฉพาะเพื่อการันตีว่าราคาในการเทรดยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน เพราะเหตุใดจึงต้องใช้ Bridge บล็อกเชน Bridge บล็อกเชนจะมีความจำเป็นอย่างยิ่งภายใต้เหตุผลหลัก 3 ประการ ดังนี้ - เหตุผลหนึ่ง คือ โทเค็น ERC20 จำนวนมากที่คุณซื้อในปัจจุบันนั้นมาจากเครือข่าย Ethereum ซึ่งหมายความว่าเมื่อคุณซื้อ Polygon หรือ Matic บน Bitget คุณจะได้รับ Polygon หรือ Matic ในเวอร์ชัน Ethereum แทนที่จะเป็นโทเค็น Polygon “ที่แท้จริง” บนเครือข่าย Polygon กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีหลักๆ จะมอบโทเค็นบนเครือข่าย Ethereum ให้กับคุณเป็นหลัก แทนที่จะขายโทเค็นดั้งเดิมในสกุลต่างๆ ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่ได้รับ “เหรียญที่แท้จริง” ประจำเครือข่ายนั้นๆ นั่นเอง - เหตุผลสำคัญประการที่สองในการโอน Ethereum ดั้งเดิมของคุณจากเครือข่าย Ethereum ไปยังเครือข่าย Polygon คือประเด็นเรื่องต้นทุนในการทำธุรกรรมที่สูงขึ้นซึ่งเกี่ยวข้องกับเครือข่าย Ethereum กล่าวคือ Polygon นั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นวิธีการขยายการรองรับของ Ethereum อย่างไรก็ตาม เครือข่าย Polygon ในปัจจุบันยังไม่มีความปลอดภัยในระดับเดียวกันกับ Ethereum ซึ่งเป็นเพราะโดยธรรมชาติแล้ว Polygon จะมีลักษณะของความรวมศูนย์มากกว่าเล็กน้อยนั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการนำ Bridge เข้ามาใช้งานเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงเครือข่ายใหม่ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น และ Bridge ยังถือเป็นสิ่งสำคัญอีกด้วยเพราะบางเครือข่ายมีต้นทุนที่ต่ำกว่า การประมวลผลธุรกรรมที่รวดเร็วกว่า หรืออาจมีความปลอดภัยที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเครือข่ายอื่นๆ - สุดท้ายนี้ เราต้องการ Bridge เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมให้ก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิม ในปัจจุบัน ความรับผิดชอบในด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรม การแก้ปัญหาด้านความปลอดภัย และการบรรลุความสามารถในการขยายการรองรับนั้นขึ้นอยู่กับบล็อกเชนแต่ละบล็อกเชน ตัวอย่างเช่น คุณสมบัติที่ Bitcoin นำเสนอนั้นไม่สามารถนำไปใช้ในการพัฒนา Ethereum ได้อย่างง่ายดาย จุดนี้เองคือจุดที่การใช้งาน Bridge เข้ามามีบทบาท ในทางกลับกัน แนวทางการใช้งาน Bridge นี้ก็จะเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีให้เป็นเหมือนดั่งกีฬาประเภททีมมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโซลูชันที่ครอบคลุมสำหรับความท้าทายหรือปัญหาต่างๆ ที่ต้องการแก้ไขนั่นเอง Bridge บล็อกเชนทำงานอย่างไร ดูเหมือนว่าการทำงานของ Bridge คริปโทเคอร์เรนซีจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แนวทางหลัก เราได้ทำการศึกษาค้นคว้ามาเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าหากคุณพบแนวทางที่ 3 ล่ะก็โปรดอย่าลังเลที่จะส่งอีเมลมาหาเรา แล้วเราจะทำการตรวจสอบให้แน่ใจว่าแนวทางดังกล่าวนั้นได้รับการค้นพบและเผยแพร่อย่างเป็นทางการ แนวทางแรกมีความรวมศูนย์อยู่ค่อนข้างมากและทำหน้าที่เป็นส่วนขยายให้กับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนอื่นๆ ในแนวทางนี้จะมี Pool ขนาดใหญ่ของ Ethereum/Tether และ Polygon/Tether ซึ่งทั้งคู่เป็นตัวแทนของ Tether ในแต่ละเครือข่ายตามลำดับ เป็นที่น่าสังเกตว่าในบางกรณี แทนที่จะเป็น Pool ตามปกติทั่วไป แต่ก็อาจเป็นบริษัทหรือบุคคลได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณฝาก Ethereum/Tether เรียบร้อยแล้ว โทเค็นนั้นก็จะถูกเพิ่มเข้าไปใน Pool ของ Ethereum Tether จากนั้น หน่วยงานส่วนกลางก็จะมอบ Polygon/Tether ให้กับคุณในจำนวนที่เท่ากัน ซึ่งนำมาจาก Pool ดังกล่าวนั้นเอง โดยปกติแล้วจะมีค่าธรรมเนียมที่คุณต้องชำระ และค่าธรรมเนียมนี้จะถูกรวบรวมและมอบให้กับหน่วยงานส่วนกลางหรือผู้ให้บริการสภาพคล่อง ต่อไป อย่างไรก็ดี โดยทั่วไปแล้วค่าธรรมเนียมดังกล่าวนั้นจะมีจำนวนเพียงเล็กน้อย และผู้ใช้มักจะยินดีชำระค่าธรรมเนียมนั้น เพราะไม่มีวิธีอื่นในการเข้าถึงเครือข่ายให้เลือกใช้งานอีกแล้ว หนึ่งในข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ คือ การต้องไว้วางใจว่าหน่วยงานส่วนกลางจะไม่ยักยอกสินทรัพย์ในระหว่างกระบวนการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากกระบวนการนี้ใช้เวลาดำเนินการหลายวัน นอกจากนั้น แนวทางนี้จะมีประสิทธิภาพได้ก็ต่อเมื่อมีผู้คนเทรดหรือทำการซื้อขายกันไปมาอย่างต่อเนื่องเท่านั้น เคยพบกรณีที่ผู้คนจำนวนมากประสบปัญหาเมื่อพยายามโอน Stablecoin บางส่วนจาก Binance Smart Chain ไปยังเครือข่าย Polygon เนื่องจากเครือข่าย Polygon ไม่มี Stablecoin ที่จะมอบให้และ Pool ก็ไม่มีสินทรัพย์ใดอยู่เลย ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ใช้จะต้องรอประมาณ 4 ชั่วโมงเพื่อให้บุคคลอื่นทำธุรกรรมแบบย้อนกลับ ซึ่งจะเป็นการเติมสินทรัพย์ใน Pool โดยใช้สินทรัพย์ของพวกเขาเอง แล้วจากนั้นจึงจะดำเนินการโอนสินทรัพย์ได้ในที่สุด แนวทางการทำงานที่ 2 ของ Bridge คริปโทเคอร์เรนซีหรือ Bridge บล็อกเชน คือการดำเนินงานผ่าน Smart Contract วิธีการนี้นั้นค่อนข้างซับซ้อนและควรมีการเขียนบทความแยกไว้ให้โดยเฉพาะเลยทีเดียว แต่ในตอนนี้ เราจะนำเสนอข้อมูลภาพรวมโดยย่อให้กับคุณไปก่อน กล่าวคือ เมื่อคุณใช้ Bridge คริปโทเคอร์เรนซี สินทรัพย์คริปโตที่คุณส่งจะถูกล็อกไว้ใน Smart Contract จากนั้น เมื่อสินทรัพย์ของคุณถูกล็อก คุณจะได้รับ “ตัวแทน” ของโทเค็นนั้นบนเครือข่ายใหม่ที่คุณต้องการโอนไป และ Smart Contract จะ Mint โทเค็นในจำนวนที่มากกว่าที่คุณดำเนินการ สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจาก Smart Contract นั้นมีข้อมูลว่าคุณได้ Burn หรือล็อกโทเค็นที่เทียบเท่ากับจำนวนดังกล่าวเอาไว้ในเครือข่ายอื่น อย่างไรก็ดี ควรสังเกตไว้เสมอว่าโดยทั่วไปแล้ววิธีที่ใช้งาน Smart Contract นั้นจะใช้กับเหรียญที่ไม่มีความสามารถของ Smart Contract ประจำโทเค็น ตัวอย่างเช่น Bitcoin, Bitcoin Cash และ Dogecoin ซึ่งเป็นเหรียญเด่นที่นักลงทุนชื่นชอบ แต่เหรียญเหล่านี้ไม่สามารถดำเนินการบางอย่างได้ เช่น การให้กู้ยืมและการกู้ยืม เป็นต้น คุณสามารถรับเหรียญตัวแทนของเหรียญเหล่านี้ได้บนเครือข่ายที่รองรับการโต้ตอบ Smart Contract เช่น Ethereum นอกจากนี้ RenBTC คือโทเค็น Ethereum ที่ทำให้คุณสามารถถือโทเค็นซึ่งตรึงมูลค่าไว้กับราคา Bitcoin ได้ โดยพื้นฐานแล้ว โทเค็นนี้จะทำงานเหมือนกับ Bitcoin แต่เมื่ออยู่บนเครือข่าย Ethereum แล้วนั้น โทเค็นนี้จะมอบสิทธิ์ในการเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ เช่น การให้กู้ยืมและการโต้ตอบกับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์อื่นๆ ให้กับคุณ ตัวอย่างของ Bridge บล็อกเชน วิธีการเชื่อมโยงระหว่างบล็อกเชนที่รองรับ EVM (EVM-Compatible Blockchain) บล็อกเชนที่รองรับหรือเข้ากันได้กับ EVM คือ บล็อกเชนทั้งหมดที่ใช้งาน Ethereum Virtual Machine ตัวอย่างของบล็อกเชนที่รองรับ EVM ได้แก่ Binance Smart Chain, Fantom, Harmony, โซลูชัน Ethereum Layer-2 เช่น Arbitrum และ Optimism และ Polygon การเชื่อมโยงระหว่างบล็อกเชนที่หลากหลายเหล่านี้สามารถทำได้ผ่านตัวเลือกมากมายที่ Bridge ต่างๆ มีไว้ให้บริการ โดยระบบนิเวศในปัจจุบันของ Bridge ที่รองรับ EVM นั้นค่อนข้างกว้างขวาง ทำให้ง่ายต่อการเชื่อมต่อจากบล็อกเชนหนึ่งไปยังอีกบล็อกเชนหนึ่ง ตัวอย่างของ Bridge ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ได้แก่ Cbridge, Multichain, Connext และ Synapse รายการข้างต้นนี้ไม่ได้ครอบคลุมถึงตัวอย่างทั้งหมด เพราะยังมี Bridge อื่นๆ พร้อมให้บริการอีกมากมาย โปรดใช้ความระมัดระวังก่อนใช้งาน เนื่องจากค่าธรรมเนียมและสภาพคล่องอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ Bridge ที่คุณเลือก เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณทำการเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจว่าจะใช้ตัวเลือกใด ตัวอย่างเช่น “Multichain” Bridge จะมีค่าธรรมเนียมคงที่ เป็นต้น การใช้ Bridge นั้นไม่มีอะไรยุ่งยาก เพียงเชื่อมต่อ Wallet ของคุณ เลือกบล็อกเชนตั้งต้น จากนั้นให้เลือกบล็อกเชนปลายทาง เมื่อขั้นตอนเหล่านี้เสร็จสิ้นแล้ว คุณจะต้องยืนยันธุรกรรม จากนั้นระบบจะดำเนินการ Swap ให้กับคุณ ทั้งนี้ การโอนดังกล่าวจะไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่ก็ใช้เวลาไม่นานเช่นกัน โดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 10 นาทีในการรับสินทรัพย์จากบล็อกเชนที่รับ ส่วนเวลาในการประมวลผลสำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมอาจได้รับอิทธิพลจากความหนาแน่นของเครือข่ายด้วยเช่นกัน Li Finance: Bridge Aggregator เจ้าหนึ่งในอุตสาหกรรม LI.FI ได้พัฒนา Layer ตัวกลางที่อยู่ระหว่างโครงสร้างพื้นฐาน DeFi และ DApp Layer ด้วยการรวบรวมรากฐานสำคัญของ DeFi นักพัฒนาจึงสามารถมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์ของแพลตฟอร์มได้ กล่าวคือการเป็นสุดยอด Gateway สู่ตัวเลือกการ Swap และการเชื่อมโยงทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง เช่นเดียวกับเว็บไซต์เปรียบเทียบเที่ยวบินเมื่อวางแผนวันหยุด LI.FI จะกลายเป็นเครื่องมือเปรียบเทียบ Bridge ที่คุณโปรดปรานได้อย่างแน่นอน Bridge บน Solana มี Bridge หลักอยู่ 2 รายการสำหรับการเชื่อมโยงจาก Ethereum, Polygon และบล็อกเชนอื่นๆ คือ Bridge ที่ชื่อ Allbridge และ Wormhole การเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมระหว่าง Bridge ทั้งสองนั้นยังคงเป็นสิ่งสำคัญเช่นเคย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของ Solana คุณควรคำนึงถึงโทเค็นที่คุณได้รับเมื่อใช้ Bridge เหล่านี้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น เราได้ใช้งาน Allbridge เพื่อเชื่อมโยง USDC จากบล็อกเชน Polygon ไปยังบล็อกเชน Solana ลักษณะที่โดดเด่นของการเชื่อมโยงระหว่างบล็อกเชน เช่น EVM Polygon และบล็อกเชน Solana อยู่ที่ว่า ถึงแม้เราจะโอน USDC จาก Polygon บนบล็อกเชน Solana แต่เรากลับไม่ได้รับ USDC จริง แต่เป็น USDC ที่ต้องผ่านการ Wrap ดังนั้นเราจึงได้รับ apUSDC แทน โดยคำเติมข้างหน้าที่เป็น “ap” นั้นย่อมาจาก “Allbridge Polygon” เนื่องจากความแตกต่างในภาษาโปรแกรมมิ่งระหว่าง Polygon และ Solana โทเค็นจึงถูก Wrap ในระหว่างกระบวนการโอน ต่อจากนั้น โทเค็นดังกล่าวจะสามารถนำไป Swap เป็น “USDC จริงของบล็อกเชน Solana” ได้ ในกรณีตัวอย่างของเรา เราได้ใช้ Jupiter Aggregator ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่ควรทราบ คือปกติแล้วจะมีค่าธรรมเนียมการ Swap และ Slippage เล็กน้อย ซึ่งคิดแยกออกมาจากค่าธรรมเนียมของ Bridge ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ Bridge หนึ่งในความท้าทายของ Bridge คือการที่ Bridge ไม่สามารถไว้วางใจได้แบบ 100% ซึ่งแตกต่างจากแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ที่อาศัย Code และภาษาโปรแกรมมิ่งเป็นรากฐาน กล่าวคือ โดยทั่วไปแล้ว Bridge บล็อกเชนจะเกี่ยวข้องกับหน่วยงาน บุคคล หรือบริษัทที่ให้การสนับสนุน Bridge นั้นๆ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ Bridge ส่วนใหญ่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจะเป็นแบบรวมศูนย์นั่นเอง และนอกเหนือจากข้อกังวลดังกล่าว ปัญหาอีกประการหนึ่งก็คือ Bridge เหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะดำเนินการได้ค่อนข้างช้า เวลาที่ใช้ในการโอนอาจแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละ Bridge โดยบาง Bridge อาจดำเนินการเสร็จสิ้นภายในไม่กี่นาที ในขณะที่บาง Bridge อาจใช้เวลาหลายชั่วโมง และในบางกรณีอาจใช้เวลาหลายวันได้เลยทีเดียว และเพื่อให้คุณเห็นภาพว่าการดำเนินการดังกล่าวต้องใช้เวลานานเท่าใด เราสามารถกล่าวได้ว่าธุรกรรมส่วนใหญ่บนเครือข่ายหลักๆ จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที บทสรุป Bridge เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสร้าง “โลกคริปโต (Cryptosphere)” ที่เปิดกว้างและมีการทำงานร่วมกันมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม Bridge ยังคงมีข้อบกพร่องหลายประการที่ต้องได้รับการแก้ไขเพื่อให้ได้รับการยอมรับและนำไปใช้งานในวงกว้างมากขึ้น สิ่งนี้เป็นเทรนด์ที่เด่นชัดและแพร่หลายในกลุ่มโปรเจกต์บล็อกเชนที่มีเป้าหมายในการทำให้เกิดการทำงานร่วมกันได้ในระดับสูงสุด และดูเหมือนว่าเทรนด์นี้จะไม่สิ้นสุดลงในเร็วๆ นี้ด้วยเช่นกัน ติดตาม Bitget Academy เพื่อรับทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบล็อกเชน เพิ่มเติม!: Twitter | Telegram | LinkedIn | Facebook | Instagram

GXE: ผู้ปฏิวัติวงการ GameFi

Project XENO (GXE) คืออะไร Project XENO เป็นเกมกลยุทธ์ PvP ที่ผสมผสาน Esports, GameFi และความสนุกสนานเข้าด้วยกัน โดย Project XENO จะมุ่งเน้นไปที่การมอบประสบการณ์เล่นเกมที่ดื่มด่ำและเพลิดเพลินเป็นหลัก นักพัฒนาเกมดังกล่าวได้รังสรรค์โลกในเกมขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน ซึ่งผู้เล่นสามารถดื่มด่ำไปกับการต่อสู้เชิงกลยุทธ์ การพัฒนาตัวละคร และสัมผัสความตื่นเต้นของการแข่งขันได้ ภายใต้หัวใจหลักแห่งความสนุกสนาน ซึ่งเป็นแก่นแท้ของทั้งเกมนี้เลยทีเดียว Project XENO (GXE) ทำงานอย่างไร Project XENO จะเกี่ยวข้องกับการสร้าง “เด็ค” หรือกองการ์ด (Deck Building) และการต่อสู้ที่ดุเดือด ผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลกจะได้ดวลกันตลอดทั้งปีในสนามประลอง (Arena) ส่วนตัวละครและเครื่องมือในการต่อสู้ของคุณสามารถอัปเลเวลได้ผ่านการต่อสู้ ทั้งนี้ Project XENO จะใช้กลไกอันเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า “CHARGE Gauge” เพื่อจำกัดอุปทานของ XENO NFT โดย CHARGE Gauge ดังกล่าวจะแสดงถึงศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดของตัวละคร XENO และถ้าหากต้องการเรียกคืนตัวละครนั้นๆ ผู้เล่นจะต้อง Burn ตัวละคร XENO ตัวอื่นเสียก่อน สิ่งนี้เองที่ทำให้เกิดความต้องการ XENO NFT ขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดความอิ่มตัวมากเกินไปและรักษามูลค่าของ XENO เอาไว้ได้เสมอ โมเดลทางเศรษฐกิจของ XENO ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อคงสภาพวงจรของระบบนิเวศที่มีความยั่งยืน พร้อมการันตีการดำเนินงานของเกมในระยะยาวรวมถึงสินทรัพย์ในเกมด้วยเช่นกัน โดยจะมีตัวบ่งชี้หลัก 2 ประการที่สำคัญต่อวงจรของระบบนิเวศนี้: 1. การรักษามูลค่าของ NFT: Project XENO จะใช้กลไกอันเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า “CHARGE Gauge” เพื่อจำกัดอุปทานของ XENO NFT โดย CHARGE Gauge ดังกล่าวจะแสดงถึงศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดของตัวละคร XENO และถ้าหากต้องการเรียกคืนตัวละครนั้นๆ ผู้เล่นจะต้อง Burn ตัวละคร XENO ตัวอื่นเสียก่อน สิ่งนี้เองที่ทำให้เกิดความต้องการ XENO NFT ขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดความอิ่มตัวมากเกินไปและรักษามูลค่าของ XENO เอาไว้ได้เสมอ 2. การรักษาความเสถียรของมูลค่าโทเค็น: อุปทานโทเค็นของ XENO นั้นมีจำนวนไม่จำกัด แต่กลไกของเกมจะนำเสนอระบบ “ Soft Peg (การตรึงมูลค่าอย่างยืดหยุ่น)” เพื่อสร้างสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน กล่าวคือ โทเค็นจะถูกสะสมไว้ใน Pool และค่อยๆ ปล่อยออกมาเมื่อเวลาผ่านไป เพื่อป้องกันความผันผวนของตลาดอย่างกะทันหัน และรับประกันราคาในการแจกจ่ายที่เสถียร Project XENO ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานภายใต้ 2 โทเค็น คือ UXE และ GXE โดยที่ UXE เป็น Utility Token และ GXE เป็นโทเค็นการกำกับดูแล โทเค็น GXE เป็นส่วนสำคัญในระบบเศรษฐกิจของ Project XENO โดยจะทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้การทำธุรกรรมและการโต้ตอบต่างๆ ภายในเกม ทั้งนี้ ผู้เล่นสามารถรับโทเค็น GXE ได้ผ่านการเล่นเกม เช่น การชนะการต่อสู้ การทำภารกิจให้สำเร็จ และการเข้าร่วมในทัวร์นาเมนต์ เป็นต้น นอกจากนี้ หากมี GXE ผู้เล่นก็จะสามารถเข้าร่วมในกระบวนการกำกับดูแลของระบบนิเวศ Project XENO ได้ โดยพวกเขาสามารถโหวตให้กับการตัดสินใจสำคัญซึ่งจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของเกมได้นั่นเอง เช่น ฟีเจอร์ใหม่ การอัปเดต และโครงการริเริ่มต่างๆ ของชุมชน GXE พร้อมให้บริการบน Bitget Project XENO แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ในอุตสาหกรรม GameFi ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถปฏิวัติวิธีการเล่นเกมและรับผลตอบแทนของเราได้อย่างไรบ้าง กล่าวได้ว่า ด้วยการมุ่งเน้นไปที่ความสนุกสนาน การเล่นเกมเชิงกลยุทธ์ และโมเดลทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน Project XENO พร้อมแล้วที่จะเป็นผู้เล่นหลักในโลกแห่งเกมนี้ Project XENO (GXE) จะได้รับการลิ สต์บน Bitget ในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ วิธีเทรด GXE บน Bitget ขั้นตอนที่ 1: ไปที่หน้า “การเทรด Spot GXEUSDT / GXEUSDT spot trading ” ขั้นตอนที่ 2: ป้อนจำนวนและประเภท Order จากนั้นคลิก “ซื้อ/ขาย” หรือ “Buy/Sell” สามารถดูวิธีการโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีการเทรด Spot บน Bitget ได้ที่คู่มือฉบับเจาะลึกสู่การเทรด Spot บน Bitget โทเค็น GXE มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศของ Project XENO โดยทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้การทำธุรกรรม การมอบรางวัลแก่ผู้เล่น และขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของเกม ในขณะที่ตัวเกมได้รับความสนใจและมีผู้เล่นเข้ามาใช้งานมากยิ่งขึ้น ก็คาดการณ์ได้ว่าความต้องการโทเค็น GXE จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้โทเค็นนี้เป็นโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ในเซกเตอร์ GameFi ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เทรด GXE บน Bitget เลย! ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

Baby Grok (BABYGROK): DeFi ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก AI Brilliance

Baby Grok (BABYGROK) คืออะไร Baby Grok คือ Memecoin ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Grok แชทบอท AI ของ Elon Musk Baby Grok เป็นหนึ่งในคริปโตที่ขับเคลื่อนกระแส AI และใช้พลังของเทคโนโลยี AI เพื่อปฏิวัติวงการ DeFi Baby Grok (BABYGROK) ทำงานอย่างไร Baby Grok ถือว่าตัวเองเป็นมากกว่าเพียงแค่สินทรัพย์ดิจิทัล แต่เป็นขบวนการเคลื่อนไหวที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ในโลกที่ได้รับอิทธิพลจากปัญญาประดิษฐ์มากขึ้นเรื่อยๆ Baby Grok มีเป้าหมายที่จะทำให้ตนเองแตกต่างด้วยการผสมผสานพลังของ DeFi เข้ากับเทคโนโลยี AI ล่าสุด นำเสนอโอกาสพิเศษแก่นักลงทุนในการขับเคลื่อนกระแสคริปโตด้วยความอัจฉริยะอีกระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับที่ Grok ของ Elon Musk ได้ดึงดูดความสนใจจากโลกเทคโนโลยี Baby Grok ก็มีขึ้นเพื่อพลิกโฉมวงการ หัวใจหลักของ Baby Grok คือเศรษฐศาสตร์ของโทเค็น (Tokenomics) ของตน ด้วยอุปทานทั้งหมด 420 ล้านล้านโทเค็น BABYGROK ดำเนินการตามกลไกภาษี 5% ซึ่งแบ่งย่อยออกได้เป็น 1% สำหรับ Liquidity Pool, 2% สำหรับการตลาด และ 2% สำหรับการพัฒนา ผู้ถือ Baby Grok สามารถเพลิดเพลินไปกับโลกแห่งความเป็นไปได้ ตั้งแต่การมีส่วนร่วมด้านการกำกับดูแลไปจนถึงรางวัลจากการ Stake สิ่งที่ทำให้ Baby Grok แตกต่างอย่างแท้จริงคือความมุ่งมั่นต่อความปลอดภัยของชุมชน โดยมีการ Renounce การเป็นเจ้าของสัญญาเพื่อให้มั่นใจได้ถึงความโปร่งใส ในขณะที่ Liquidity Pool ถูกล็อกไว้เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตของโปรเจกต์ ความมุ่งมั่นของโปรเจกต์ในการสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนยังปรากฏชัดในกลไกการ Burn โดยที่เปอร์เซ็นต์ของธุรกรรมแต่ละรายการจะถูก Burn อย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยลดอุปทานทั้งหมดได้อย่างจริงจังและเพิ่มความขาดแคลน (Scarcity) เมื่อเวลาผ่านไป Roadmap ของ Baby Grok (BABYGROK) Roadmap สำหรับ Baby Grok คือการเดินทางอันน่าตื่นเต้นไปสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนโดย DeFi และ AI: - การเปิดตัวและการสร้างชุมชน: การเดินทางเริ่มต้นด้วยการเปิดตัวเว็บไซต์และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ตามด้วยอีเวนต์ Presale และเซสชัน AMA ของชุมชนที่มีส่วนร่วม - การลิสต์และพันธมิตร: Baby Grok มีเป้าหมายที่จะขยายขอบเขตการเข้าถึงด้วยการลิสต์ในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนรายใหญ่ต่างๆ และสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับผู้เล่นหลักในแวดวงคริปโต - การขยายระบบนิเวศ: อนาคตจะได้เห็นการเปิดตัวของการ Stake และการกำกับดูแล, การบูรณาการ NFT และความเข้ากันได้แบบ Cross-Chain ซึ่งจะทำให้ตำแหน่งของ Baby Grok แข็งแกร่งขึ้นในฐานะพลังแบบไดนามิกในภูมิทัศน์ DeFi - การยอมรับในระดับโลก: เฟสสุดท้ายเกี่ยวข้องกับการขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนวัตกรรม ซึ่งจุดสูงสุดคือการเปิดตัวสินค้า Baby Grok BABYGROK พร้อมให้บริการบน Bitget ในขณะที่ชุมชน BABYGROK ขยายตัวออกไป โทเค็นก็มีกำหนดที่จะได้รับการลิสต์บน Bitget ในวันที่ 12 ธันวาคม อย่าพลาดโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของกระแสหลักถัดไปใน DeFi เข้าร่วมกับเรา เทรด BABYGROK บน Bitget และร่วมไปบนกระแสคริปโตสู่อนาคตของ Decentralized Finance! วิธีเทรด BABYGROK บน Bitget ขั้นตอนที่ 1: ไปที่หน้า “การเทรด Spot BABYGROKUSDT / BABYGROKUSDT spot trading” ขั้นตอนที่ 2: ป้อนจำนวนและประเภท Order จากนั้นคลิก “ซื้อ/ขาย หรือ Buy/Sell” สามารถดูวิธีการโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีการเทรด Spot บน Bitget ได้ที่ คู่มือฉบับเจาะลึกสู่การเทรด Spot บน Bitget เทรด Baby Grok ด้วยความมั่นใจ โดยตระหนักว่าคุณกำลังมีส่วนร่วมในโปรเจกต์ที่ให้ความสำคัญกับหลักการที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน, มีการผสานรวม AI ที่ล้ำสมัย และรับประกันสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและโปร่งใสผ่าน Liquidity Pool ที่ถูกล็อกและการเป็นเจ้าของสัญญาที่มีการ Renounce ไป เริ่มต้นเส้นทางประสบการณ์ Baby Grok ที่ซึ่ง DeFi และ AI จะช่วยเสริมศักยภาพให้แก่ชุมชน! เทรด BABYGROK บน Bitget เลย! ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน

Bitget Hot Takes (27 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม)

Bitget Hot Takes คือซีรีส์จดหมายข่าวรายสัปดาห์สุดพิเศษโดย Bitget Academy เป็นคู่มือการเริ่มต้นแบบรอบด้านสำหรับผู้สนใจคริปโตทุกคน สามารถดู Bitget Hot Takes ล่าสุดได้ที่ นี่ ธีมหลัก • Bitcoin แตะ US$40,000 ส่วนดัชนีความกลัวและความโลภแตะระดับ 74 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 • ทุกข่าวใหญ่ประจำสัปดาห์มาพร้อมกับ Memecoin BGB: เหมาะสำหรับทั้งระยะสั้น กลาง และยาว! ราคา BGB ปรับตัวลง 6.1% ในสัปดาห์นี้ โดยจุดสูงสุดอยู่ที่ US$0.55029 ในวันที่ 29 พฤศจิกายนและจุดต่ำสุดอยู่ที่ US$0.500707 ในวันที่ 2 ธันวาคม 2023 มีเพียง Bitcoin และ Ethereum เท่านั้นที่ปิดบวกได้ ซึ่งทั้งคู่ต่างก็เฝ้ารอให้ SEC อนุมัติ ETF ส่วนที่เหลือ 5 อันดับแรกที่ใหญ่ที่สุด (BNB และ XRP) ล้วนทำผลตอบแทน 7 วันติดลบ แน่นอนว่าโทเค็นที่กล่าวถึงทั้งหมดมีความผันผวนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ระดับที่สูญเสียไปของ BGB นั้นยังค่อนข้างต่ำกว่าของ BNB และ XRP BGB มีปริมาณและสภาพคล่องเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวใน Bitcoin ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่กว่ามากนั้นดูจะไม่สัมพันธ์กับช่วงขาขึ้นนัก อัตราส่วนปริมาณต่อมูลค่าตามราคาตลาด ของ BTC ยังคงต่ำกว่าของ BGB อยู่เล็กน้อย โดย 7DMA อยู่ในช่วง 0.22-0.23 เทียบกับ BGB ที่อยู่ในระดับ 0.30 ทั้งแท่งเทียน 4H รวมถึงอินดิเคเตอร์ต่างๆ เช่น RSI, Accum/Dist และ MACD ล้วนชี้ว่า BGB อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น โดย RSI, Bollinger Band และ Accum/Dist ในกราฟ 1D สะท้อนว่าสีแดงตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายนถึง 3 ธันวาคมกำลังเปลี่ยนเป็นสีเขียว ส่วนแท่งเทียน 1W ชี้ให้เห็นว่า US$0.50 เป็นระดับแนวต้านใหม่ แม้จะต้องขึ้นไปแตะทดสอบเพิ่มเติมก็ตาม อย่างไรก็ตาม BGB ก็เป็นเพียงไม่กี่โทเค็นที่ทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องได้ในปี 2023 โดยสามารถอ่านบทสรุปการเดินทางอันงดงามของ BGB ได้ในบทความ BGB ทำ ATH ใหม่ในเดือนพฤศจิกายน (มีภาษาไทย) หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่มาพร้อมกับ BGB ก็สามารถดูได้ในคู่มือนี้ นอกจากนี้เรายังมีบทวิเคราะห์ BGB รายสัปดาห์ในซีรีส์ Bitget Hot Takes และรายเดือนในซีรีส์ BGB Sail: BGB Sail: ฉบับเดือนตุลาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกันยายน BGB Sail: ฉบับเดือนสิงหาคม B GB Sail: ฉบับเดือนกรกฎาคม BGB Sail: ฉบับเดือนมิถุนายน BGB Sail: ฉบับเดือนพฤษภาคม BGB Sail: ฉบับเดือนเมษายน BGB Sail: ฉบับเดือนมีนาคม BGB Sail: ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ คริปโตเริงร่า ความหวังที่จะได้เห็นการอนุมัติ Bitcoin Spot ETF ในสหรัฐอเมริกาภายในอีกไม่ถึง 60 วัน ซึ่งอาจจะไวที่สุดในวันที่ 5 มกราคม 2024 นั้นหมายความว่าในไม่ช้าเม็ดเงินหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจาก TradFi จะไหลเข้าสู่คริปโต มูลค่าตามราคาตลาดของคริปโตทั้งตลาด เพิ่มขึ้น 7.4% มาอยู่ที่ US$1,569,691,992,943 ในช่วงเช้าของวันที่ 3 ธันวาคม 2023 (มูลค่าเปิด ณ วันที่ 3 ธ.ค.) สามารถอ่านบทวิเคราะห์ปรากฏการณ์นี้ของเราได้ใน SEC ชะลอ BTC ETF ของ Franklin ส่วน BTC ทะลุ $40k มูลค่าสูงสุดของ Bitcoin ประจำสัปดาห์อยู่ในวันอาทิตย์ (3 ธันวาคม) ที่ US$40,136 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เราเห็น Bitcoin ในระดับนี้นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2022 ในขณะที่ Ethereum ทะลุ US$2,200 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วง 7 วันที่ผ่านมา เราได้เห็น MOON ที่ก็มูนสมชื่อ ดีดขึ้นเกือบ 12% ในชั่วข้ามคืนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม หลังจากที่ Subreddit r/CryptoCurrency ทำการ Renounce สัญญาโทเค็นและ Burn ไป 98,000 โทเค็น และเมื่อมองย้อนกลับไปยังข่าวใหญ่สุดประจำสัปดาห์ ก็จะพบว่ามี Memecoin อย่างน้อย 1 เหรียญที่สร้างขึ้นหลังข่าวออกทันทีเสมอ เช่น: • เกิดเหรียญ MUNGER ขึ้นหลังจากที่ Charlie Munger รองประธาน Berkshire Hathaway ผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อ Bitcoin เสียชีวิตลง ราคาพุ่ง 31,500% ใน 1 ชั่วโมงหลังเปิดตัว แต่ก็ได้ถล่มลงมาเหลือ 0 เรียบร้อยแล้ว • เกิดตระกูล Memecoin ขึ้นหลังจากที่ Henry Kissinger นักการทูตสหรัฐเสียชีวิตลง โดยตัวที่ใหญ่ที่สุดในตระกูลนี้คือ Henry Kissinger Dr. Evil (KISSI NGER) และ Kissinger69obamabideninu420 (Kissinger) • “Go F Yourself” คือข้อความจาก Elon Musk ถึง CEO ของ Disney ในการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ก็เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการสร้าง Memecoin หลายตัวในธีมลักษณะเดียวกัน ตัวที่ใหญ่ที่สุดมีมูลค่าตามราคาตลาดถึง 7.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2023 • CYBERTRUCK เป็น Memecoin ที่ใหญ่ที่สุดที่ตั้งชื่อตามยานพาหนะใหม่ของ Tesla มีมูลค่าตามราคาตลาดปัจจุบันถึงเกือบ US$50,000 และมีสภาพคล่อง US$38,400 บน BNB Chain แทนที่จะ Mint NFT จากเนื้อหาข่าว ก็สามารถหยิบเหตุการณ์ต่างๆ มาสร้างเป็น Memecoin ใหม่แทน แล้วลิสต์ขึ้น DEX ได้เสมอ แม้ว่าเหรียญเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไร้ค่าในท้ายที่สุด แต่สำหรับสายซิ่งที่จับจังหวะเก่ง นี่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี และสำหรับพวกเราที่เหลือ นี่ก็แสดงให้เห็นถึงด้านที่มีความกวนและเสรีของคริปโต ซึ่งเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นสิ่งที่สามารถเทรดได้ ข่าวสาร Bitget ล่าสุด เรามีการลิสต์ครั้งแรกบน Bitget เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 1 รายการ (F3 ) และมี 2 อีเวนต์ที่กำลังดำเนินอยู่บน Bitget CandyBomb : El Hippo (HIPP) ซึ่งเหลือเวลาอีก 1 วันและ Caga Crypto (CAGA) ซึ่งเหลือเวลาอีก 3 วันให้เข้าร่วม! สามารถดูกฎและคู่มืออธิบายทีละขั้นตอนสำหรับ Bitget CandyBomb (CAGA) ได้ที่นี่: Caga Crypto มาอยู่ใน CandyBomb แล้ว: พร้อมที่จะรับ Airdrop แล้วหรือยัง หากกำลังมองหาตัวเลือกในการรับผลตอบแทนบน Bitget อยู่ ลองเข้ามาดูนี่เลย:• Bitget Savings : โทเค็นใหม่จะได้รับการเพิ่มเข้าไปในคลัง Savings ของเราภายในไม่กี่วันหลังจากลิสต์ โดยให้ APR สูงสุดถึง 100% ในระยะเวลาที่จำกัด! ตัวเลือกที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ได้แก่ ZKS , MYRO , D3D , PLX และ CRE ให้ APR สูงสุดถึง 30% และ SKL ให้ APR สูงสุดถึง 160%! รีบรับผลตอบแทนสูงใน Savings เลยก่อนหมดโควตา! • Bitget Launchpool : คล้ายกับ Bitget Savings แต่มีให้ผู้ที่ถือครอง BGB ได้นำยอดถือครองของตนไปใช้จริง! • Bitget Snowball และ Bitget Smart Trend : ระยะเวลา Subscription ใหม่เริ่มต้นทุกวันจันทร์! • โอกาสในการรับผลตอบแทนสุดพิเศษรายสัปดาห์: APR สูงสุดถึง 10% ใน Bitget Wealthy Tuesday • Deposit2Win: Mystery Box บรรจุ ETH, BGB, USDT, TIA, T2T2, G AS มูลค่า US$50,000 รอให้คุณมาเปิดอยู่ • พิเศษสุดสำหรับนักลงทุนสถาบัน: ฝาก EUR รับ VIP Pass 30 วัน ! • รับโทเค็นยอดนิยมฟรี: Bitget มีของขวัญวันคริสต์มาสให้ทุกคน • สำหรับช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองด้วยเช่นกัน: ฝาก $100 รับโบนัส $120 ! • ซื้อโทเค็นใหม่ไร้ค่าธรรมเนียม: เรานำเสนอโทเค็นใหม่ทุกสัปดาห์ ซึ่งคุณสามารถซื้อได้ด้วยบัตรเครดิต/เดบิตของคุณโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นเวลา 7 วัน! ที่เพิ่มเข้ามาในโปรแกรมในสัปดาห์นี้คือ LUNA อย่าปล่อยให้โอกาสดีๆ แบบนี้ผ่านไป! • ยิ่งประหยัด ก็เหมือนยิ่งได้ผลตอบแทน: ตัดต้นทุนดำเนินการออกไป 100% กับโปรแกรมไร้ค่าธรรมเนียมของ Bitget เลย: เข้าร่วมได้ทุกวันพุธ และทุกสุดสัปดาห์ สำหรับผู้ใช้ Bitget ที่มีบัตรเครดิต/เดบิต! ปริมาณการเทรด Spot บน Bitget เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เช่นเดียวกับตลาด Futures บน Bitget ทั้ง OI คริปโตเฉลี่ย (+10.3%) และ OI ของ Bitcoin เฉลี่ย (+12.6%) ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา สะท้อนถึงสัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin ในตลาด Futures ของเราที่ยังคงเพิ่มขึ้น ศูนย์รางวัล Bitget อัปเกรดแล้ว! ผู้ใช้ใหม่สามารถรับไปฟรีๆ ได้สูงสุดถึง 5,027 USDT พร้อมรับโบนัสเพิ่มเติมเมื่อเข้าสู่ระบบบัญชีของตนทุกวัน สมัคร เลยเพื่อรับประโยชน์สูงสุดจากแคมเปญโปรโมชันของเรา ! และรับทันที 50 USDT เมื่อเข้าร่วม Bitget มีระยะเวลาจำกัด ช้าอด หมดสิทธิ์ ! อีเวนต์ใหม่ เข้าร่วมทีม Bitget Builder — รับส่วนแบ่งจากงบประมาณสำหรับอีเวนต์ออฟไลน์มูลค่า US$20,000 และชิงรางวัลผลิตภัณฑ์ “ตระกูล Apple”! Lisk (LSK) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก LSK มูลค่า $4,000 กัน! Ark (ARK) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก ARK มูลค่า $4,000 กัน! GameSwift (GSWIFT) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 35,000 GSWIFT กัน! Carbon browser (CSIX) จะไ ด้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก 400,000 CSIX กัน! Rootstock Infrastructure Framework (RIF) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก RIF มูลค่า $6,000 กัน! Crypto Asset Governance Alliance (CAGA) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก CAGA มูลค่า $20,000 กัน! GAMEE (G MEE) จะได้รับการลิสต์บน Bitget — รับส่วนแบ่งจาก 1,562,500 GMEE จาก Launchpool! Voxies (VOXEL) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก VOXEL มูลค่า $6,000 กัน! Myria (MYRIA) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก MYRIA มูลค่า $6,000 กัน! GAMEE (GMEE) จะได้รับการลิสต์บน Bitge t มารับส่วนแบ่งจาก 840,000 GMEE กัน! Bonfida (FIDA) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก FIDA มูลค่า $6,000 กัน! El Hippo (HIPP) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก HIPP มูลค่า $12,000 กัน! Friend3 (F3) จะได้รับการลิสต์บน Bitget มารับส่วนแบ่งจาก F3 มูลค่า $4,000 กัน! เทศกาลโทเค็น Bitget: เทรดเพื่อชิง BLUR, USTC, MAGIC และ LUNC! เฉพาะผู้ใช้ใหม่เท่านั้น: เทรด มียอดฝากสุทธิ และเชิญเพื่อนใน CandyBomb เพื่อรับ HIPP! เฉพาะผู้ใช้ใหม่เท่านั้น: เทรด ฝาก และเชิญเพื่อนมาที่ CandyBomb เพื่อรับ CAGA! พิเศษสำหรับผู้ใช้ใหม่: ซื้อคริปโตแล้วรับเงินคืนได้สูงสุดถึง 50%! ชวนอ่าน SEC ชะลอ BTC ETF ของ Franklin ส่วน BTC ทะลุ $40k เริ่มต้นการลงทุน: คู่มือสำหรับมือใหม่ Carbon Browser (CSI X): เว็บเบราว์เซอร์สำหรับอินเทอร์เน็ตแบบกระจายศูนย์ Caga Crypto มาอยู่ใน CandyBomb แล้ว: พร้อมที่จะรับ Airdrop แล้วหรือยัง คู่มือสำหรับมือถือ: เชี่ยวชาญ Spot Martingale ไปกับบอท Bitget เพียงแค่สร้างบัญชี แล้วเริ่มสำรวจ Bitget-Verse ที่น่าทึ่งวันนี้เลย!